ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับรายที่ 15 เป็นชายไม่ทราบชื่อ สัญชาติ ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย คาดเชื่อมโยงระเบิดแยกราชประสงค์ หลังภาพวงจรปิดชี้ชัดเป็นคนเลือกซื้อแป๊ปเหล็กพร้อมเกลียวหมุนปิดฝาท่อเพื่อนำไปประกอบระเบิด "ศรีวราห์"เผยเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก "สมยศ"ยังไม่ยืนยัน ผู้ต้องหาที่มาเลเซียจับตัวได้ เป็นชายเสื้อเหลือง เสื้อฟ้า ด้านมาเลเซียแถลง 8 ผู้ต้องหา ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนโยงบึ้มกรุงเทพฯ
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหมและท่าเรือสาทร ว่า ศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพกล้องวงจรปิดและภาพสเกตช์ เพิ่มเติม 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ อายุประมาณ 30 ปี สูง 171 เซนติเมตร เลขหมายจับ ที่ 862/2558 ลงวันที่ 23 ก.ย.2558 โดยกล่าวหาว่าร่วมกันทำวัตถุระเบิด ซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ มีความเชื่อมโยงเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันทำระเบิด บุคคลดังกล่าวสามารถพูดภาษาไทยได้ และอยู่ระหว่างสืบสวนว่าเป็นใคร โดยหลักฐานที่ไปทำการขอออกหมายจับได้จากพยานหลักฐานและพยานวัตถุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พบพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมมากกว่า 1 ราย เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานครบก็จะขอออกหมายจับทั้งคนไทยและต่างชาติ ขุดรากถอนโคนให้หมด จนถึงขณะนี้ ทางนครบาลออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดไปมากกว่า 16 หมายแล้ว
ส่วนการข่าวที่บอกว่ามีการจับกุมชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าได้ที่มาเลเซียนั้น ตนยังไม่ทราบและไม่ปรากฏรายละเอียดในสำนวน
มีรายงานเพิ่มเติมว่า การออกหมายจับครั้งนี้ สืบเนื่องจากชายคนดังกล่าว ไปเลือกซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดภายในร้านแสงไพศาลเซลส์ ซอยสุขุมวิท 44/2 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากนั้นชุดสืบสวนจึงไปตรวจสอบภายในร้านดังกล่าว พร้อมทั้งขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีชายรูปร่างสูงสันทัด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้น ลายทางสีฟ้า-ดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมแว่นสายตา เข้ามาเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทท่อแป๊ปเหล็ก และได้สั่งทำเกลียวหมุนปิดฝาท่อหัวท้ายจำนวน 10 ชุด โดยทางร้านได้จัดทำให้ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ก่อนชายดังกล่าวจะเดินออกไป
นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวยังมีความเชื่อมโยงกับของกลางวัสดุประกอบระเบิดที่พบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ทเมนต์ ย่านหนองจอกด้วย
***ยังไม่ฟันธงมาเลเซียจับมือบึ้มได้
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ทุกอย่างที่มีข้อสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำให้ประจักษ์ แต่ในชั้นนี้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียควบคุมตัวไว้นั้น เป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรในประเทศไทยหรือไม่ และใช่คนเสื้อเหลืองหรือไม่ เรื่องนี้เราไม่สามารถยืนยันได้ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานหรือยืนยันจากประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ หากมีการยืนยันจากประเทศมาเลเซียแล้ว ทางการไทยก็ต้องไปสอบถามหรือซักถามให้ประจักษ์ก่อนว่าผู้ต้องสงสัยที่ประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้เกี่ยวข้องอย่างไร หรือเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ในเบื้องต้นไม่สามารถยืนยันเรื่องดังกล่าวได้
***"จักรทิพย์"ไปหารือเพื่อทำงานร่วมกัน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวยอมรับว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เดินทางไปประเทศมาเลเซียจริง และได้กลับมารายงานกับตนว่าเบื้องต้นเป็นแค่การหารือเพื่อจะทำงานร่วมกัน และหากมีการควบคุมตัวตามที่เป็นข่าวจะต้องดำเนินการอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ส่วนประเทศมาเลเซียได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้กี่วันแล้ว เรื่องนี้ตนไม่ทราบในรายละเอียด เป็นเพียงข่าวเท่านั้น และไม่ได้รับการยืนยันจากประเทศมาเลเซียด้วยว่ามีการควบคุมตัวอย่างไรมากน้อยเพียงใด มีจำนวนกี่คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้เดินทางไปคุยเรื่องหลักการกับทางการมาเลเซียแล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เมื่อมีข่าวขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องค้นหาความจริง เพราะจะมีคำถามจากสื่อถึงเรื่องข่าวต่างๆ ที่ประเทศมาเลเซียและเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ดังนั้น เราจึงต้องไปสอบถามให้มีความชัดเจน ในขณะนี้ความชัดเจนมีเพียงเท่านี้ ส่วนจะให้น้ำหนักไปกับข่าวที่ออกมานั้น ถ้าตนไม่ไป ตำรวจไม่ไป สื่อก็มาตั้งคำถามกับตนอีกว่าทำไมไม่ไป ไปเพื่อทำให้ประจักษ์ในข้อเท็จจริงที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่ามาเลเซียกับไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถ้ามีก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามกระบวนการ ตามข้อตกลง ส่วนกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้นำตัวผู้ต้องหากลับมาด้วย ยืนยันว่าไม่มี ตนยังไม่รู้เรื่อง
***ต้องรอให้ชัดเจนก่อนดำเนินการขั้นต่อไป
ต่อข้อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เรียกหลายคนเข้าไป ซึ่งไม่ใช่ตนคนเดียว มีรองนายกรัฐมนตรีทุกท่าน เพื่อเข้าไปขอบคุณเรื่องที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ก่อนจะเดินทางไปสหรัฐฯ
ส่วนข่าวที่ว่าทางการมาเลเซียได้ส่งภาพผู้ต้องสงสัยมาให้ทางการไทยนั้น ไม่มีการประสานงานถึงขนาดนั้น ที่บอกว่าชื่อนายนาริ เป็นชื่อของชายเสื้อเหลือง ก็ไม่ทราบ ไม่ยืนยัน ส่วนทางประเทศมาเลเซียควบคุมผู้ต้องสงสัยด้วยข้อหาอะไร ไม่ทราบ เราไปพูดคุย เราไม่สามารถซักถามหรือลงลึกในรายละเอียด พล.ต.อ.จักรทิพย์ไปหารือกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง
เมื่อถามว่าต้องรอให้มาเลเซียดำเนินคดีเสร็จแล้วหรือไม่จึงจะเข้าไปสอบถามได้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อันดับแรกต้องดูว่าควบคุมตัวในข้อหาใด และสอบสวนซักถามว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หากเกี่ยวข้องและแจ้งมาว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องเราจะต้องไปสอบถามหรือไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไร และต้องเอาคำให้การของผู้ต้องหารวมทั้งหลักฐานอื่นๆ มาเทียบเคียงว่าสิ่งที่เขาบอกว่าใช่หรือไม่ ไม่ใช่จะเชื่อไปแบบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ต้องมีการตรวจสอบคำให้การว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหรือไม่ด้วย ต้องมีความเชื่อมโยงกัน เพราะฉะนั้นการรีบนำเสนอบางครั้งมันผิดพลาด ส่วนทางการไทยต้องรอให้ทางการมาเลเซียประสานมาใช่หรือไม่ในเรื่องของการยืนยันตัวบุคคลนั้น ขนาดเป็นข่าวเรายังไปประสานเลย หากเขาประสานมาเราไปแน่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังไม่ได้รายงานว่าไปพบใคร น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่
ส่วนการรายงานผลการตรวจสอบการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ สตม.โดยจเรตำรวจแห่งชาตินั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน
***"จักรทิพย์"งงข่าวจับมือบึ้มชี้เป็นข้อมูลเก่า
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามาเลเซียควบคุมตัวชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าผู้ต้องหาตามหมายจับคดีวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพและตำรวจไทยจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีว่า ยังไม่มีการควบคุมตัวมือระเบิดแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาอาจเป็นข้อมูลเก่า ต้องตรวจสอบพูดคุยกับทางการมาเลเซียเสียก่อน ยืนยันว่ายังไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ยังคงสืบสวนติดตามจับกุมอยู่ ตนเพิ่งลงพื้นที่เพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา ข่าวที่ออกไปมีการระบุชื่อชายเสื้อเหลืองนั้น ตนเห็นแล้วก็งงเหมือนกัน ออกมาได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่ได้ตัวเลย
****ชี้แจงทูตต่างชาติดึงความเชื่อมั่น
พล.ต.ท.ประวุฒ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ถูกศาลออกหมายจับทั้งสิ้น 16 หมายจับ มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 15 คน จับได้แล้ว 2 คน เหลือหลบหนีอีก 13 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่ถูกออกหมายจับ 2 หมาย คือ นายเมียไรลี ยูซุฟู ขณะที่นายอาเดม คาราดัก ถูกจับกุมครั้งแรกที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นความผิดซึ่งหน้า จึงไม่ได้ออกหมายจับในคราวนั้น แต่ภายหลังมาพบความผิดในจุดอื่น จึงได้ออกหมายจับเพิ่มเติม
สำหรับการเดินทางไปชี้แจงทูตที่กระทรวงการต่างประเทศ เป็นการชี้แจงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการก็เพื่อหยุดยั้งการก่อเหตุหรือป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งมีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ไปอธิบายเกี่ยวกับการจัดวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ตลอดจนการเตรียมนำอุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในงานด้านความมั่นคงในอนาคต เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยและกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทยเช่นเดิม
ส่วนการติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาจากต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจน
***รอตำรวจยืนยันเป็นตัวจริงหรือไม่
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย สามารถจับกุมชายเสื้อเหลือง และเสื้อฟ้าได้ ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุทางทหารก็ร่วมกับตำรวจพยายามสืบตามพยายานหลักฐาน ซึ่งมีผลสำเร็จตามลำดับ แต่ขั้นตอนการสืบสวนขณะนี้ได้ผ่านพ้นช่วงทหารไปแล้ว จะต้องรอฟังจากตำรวจที่จะพยายามปฏิบัติตามนโยบายผู้บังคับบัญชา หาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนความคืบหน้าตนก็รอฟังอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นตัวจริงหรือไม่ ยังไม่ได้รับคำยืนยันชัดเจน แต่มีความคาดการณ์ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ขอไม่ระบุ เพราะไม่สามารถระบุได้ ต้องรอความชัดเจนจากตำรวจเป็นหลัก
***มาเลย์แถลงยังไม่มีหลักฐานชัดโยงบึ้ม
สำนักข่าวเอพี รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า วานนี้ (23 ก.ย.) พล.ต.อ.นูร์ราชิด อิบราฮิม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซียแถลงต่อผู้สื่อข่าวว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยในจำนวนนี้มีถึง 4 คนเป็นชาวมาเลเซีย และอีก 4 คนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นชาวอุยกูร์ โดยชาวมาเลเซีย 4 คน ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ลักลอบนำชาวต่างชาติ 4 คนที่อาจก่อเหตุวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ในกรุงเทพฯ เข้าประเทศมาเลเซีย เพียงแต่ตอนนี้ ทางการยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์โดยตรง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.นูร์ราชิด ระบุอีกว่า ได้แจ้งเรื่องนี้ ให้ทางการไทยได้ทราบแล้ว และหวังว่า พวกเขาจะสามารถช่วยระบุตัวคนร้าย ซึ่งไทยจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้เกี่ยวโยงกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ หากไทยต้องการให้มาเลเซียส่งตัวผู้ต้องสงสัยข้ามแดน
สำหรับชาวมาเลเซีย 4คน เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ขณะที่ชาวต่างชาติ 4คน ไม่มีเอกสารติดตัวและความผิดในข้อหาลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหมและท่าเรือสาทร ว่า ศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพกล้องวงจรปิดและภาพสเกตช์ เพิ่มเติม 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ อายุประมาณ 30 ปี สูง 171 เซนติเมตร เลขหมายจับ ที่ 862/2558 ลงวันที่ 23 ก.ย.2558 โดยกล่าวหาว่าร่วมกันทำวัตถุระเบิด ซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ มีความเชื่อมโยงเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันทำระเบิด บุคคลดังกล่าวสามารถพูดภาษาไทยได้ และอยู่ระหว่างสืบสวนว่าเป็นใคร โดยหลักฐานที่ไปทำการขอออกหมายจับได้จากพยานหลักฐานและพยานวัตถุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พบพยานหลักฐานที่จะออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมมากกว่า 1 ราย เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานครบก็จะขอออกหมายจับทั้งคนไทยและต่างชาติ ขุดรากถอนโคนให้หมด จนถึงขณะนี้ ทางนครบาลออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดไปมากกว่า 16 หมายแล้ว
ส่วนการข่าวที่บอกว่ามีการจับกุมชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าได้ที่มาเลเซียนั้น ตนยังไม่ทราบและไม่ปรากฏรายละเอียดในสำนวน
มีรายงานเพิ่มเติมว่า การออกหมายจับครั้งนี้ สืบเนื่องจากชายคนดังกล่าว ไปเลือกซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดภายในร้านแสงไพศาลเซลส์ ซอยสุขุมวิท 44/2 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากนั้นชุดสืบสวนจึงไปตรวจสอบภายในร้านดังกล่าว พร้อมทั้งขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีชายรูปร่างสูงสันทัด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้น ลายทางสีฟ้า-ดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมแว่นสายตา เข้ามาเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทท่อแป๊ปเหล็ก และได้สั่งทำเกลียวหมุนปิดฝาท่อหัวท้ายจำนวน 10 ชุด โดยทางร้านได้จัดทำให้ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ก่อนชายดังกล่าวจะเดินออกไป
นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวยังมีความเชื่อมโยงกับของกลางวัสดุประกอบระเบิดที่พบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ทเมนต์ ย่านหนองจอกด้วย
***ยังไม่ฟันธงมาเลเซียจับมือบึ้มได้
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ทุกอย่างที่มีข้อสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำให้ประจักษ์ แต่ในชั้นนี้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียควบคุมตัวไว้นั้น เป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรในประเทศไทยหรือไม่ และใช่คนเสื้อเหลืองหรือไม่ เรื่องนี้เราไม่สามารถยืนยันได้ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานหรือยืนยันจากประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ หากมีการยืนยันจากประเทศมาเลเซียแล้ว ทางการไทยก็ต้องไปสอบถามหรือซักถามให้ประจักษ์ก่อนว่าผู้ต้องสงสัยที่ประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้เกี่ยวข้องอย่างไร หรือเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ในเบื้องต้นไม่สามารถยืนยันเรื่องดังกล่าวได้
***"จักรทิพย์"ไปหารือเพื่อทำงานร่วมกัน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวยอมรับว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เดินทางไปประเทศมาเลเซียจริง และได้กลับมารายงานกับตนว่าเบื้องต้นเป็นแค่การหารือเพื่อจะทำงานร่วมกัน และหากมีการควบคุมตัวตามที่เป็นข่าวจะต้องดำเนินการอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ส่วนประเทศมาเลเซียได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้กี่วันแล้ว เรื่องนี้ตนไม่ทราบในรายละเอียด เป็นเพียงข่าวเท่านั้น และไม่ได้รับการยืนยันจากประเทศมาเลเซียด้วยว่ามีการควบคุมตัวอย่างไรมากน้อยเพียงใด มีจำนวนกี่คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้เดินทางไปคุยเรื่องหลักการกับทางการมาเลเซียแล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เมื่อมีข่าวขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องค้นหาความจริง เพราะจะมีคำถามจากสื่อถึงเรื่องข่าวต่างๆ ที่ประเทศมาเลเซียและเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ดังนั้น เราจึงต้องไปสอบถามให้มีความชัดเจน ในขณะนี้ความชัดเจนมีเพียงเท่านี้ ส่วนจะให้น้ำหนักไปกับข่าวที่ออกมานั้น ถ้าตนไม่ไป ตำรวจไม่ไป สื่อก็มาตั้งคำถามกับตนอีกว่าทำไมไม่ไป ไปเพื่อทำให้ประจักษ์ในข้อเท็จจริงที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่ามาเลเซียกับไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถ้ามีก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามกระบวนการ ตามข้อตกลง ส่วนกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้นำตัวผู้ต้องหากลับมาด้วย ยืนยันว่าไม่มี ตนยังไม่รู้เรื่อง
***ต้องรอให้ชัดเจนก่อนดำเนินการขั้นต่อไป
ต่อข้อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เรียกหลายคนเข้าไป ซึ่งไม่ใช่ตนคนเดียว มีรองนายกรัฐมนตรีทุกท่าน เพื่อเข้าไปขอบคุณเรื่องที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ก่อนจะเดินทางไปสหรัฐฯ
ส่วนข่าวที่ว่าทางการมาเลเซียได้ส่งภาพผู้ต้องสงสัยมาให้ทางการไทยนั้น ไม่มีการประสานงานถึงขนาดนั้น ที่บอกว่าชื่อนายนาริ เป็นชื่อของชายเสื้อเหลือง ก็ไม่ทราบ ไม่ยืนยัน ส่วนทางประเทศมาเลเซียควบคุมผู้ต้องสงสัยด้วยข้อหาอะไร ไม่ทราบ เราไปพูดคุย เราไม่สามารถซักถามหรือลงลึกในรายละเอียด พล.ต.อ.จักรทิพย์ไปหารือกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง
เมื่อถามว่าต้องรอให้มาเลเซียดำเนินคดีเสร็จแล้วหรือไม่จึงจะเข้าไปสอบถามได้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อันดับแรกต้องดูว่าควบคุมตัวในข้อหาใด และสอบสวนซักถามว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หากเกี่ยวข้องและแจ้งมาว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องเราจะต้องไปสอบถามหรือไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไร และต้องเอาคำให้การของผู้ต้องหารวมทั้งหลักฐานอื่นๆ มาเทียบเคียงว่าสิ่งที่เขาบอกว่าใช่หรือไม่ ไม่ใช่จะเชื่อไปแบบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ต้องมีการตรวจสอบคำให้การว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหรือไม่ด้วย ต้องมีความเชื่อมโยงกัน เพราะฉะนั้นการรีบนำเสนอบางครั้งมันผิดพลาด ส่วนทางการไทยต้องรอให้ทางการมาเลเซียประสานมาใช่หรือไม่ในเรื่องของการยืนยันตัวบุคคลนั้น ขนาดเป็นข่าวเรายังไปประสานเลย หากเขาประสานมาเราไปแน่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังไม่ได้รายงานว่าไปพบใคร น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่
ส่วนการรายงานผลการตรวจสอบการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ สตม.โดยจเรตำรวจแห่งชาตินั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน
***"จักรทิพย์"งงข่าวจับมือบึ้มชี้เป็นข้อมูลเก่า
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามาเลเซียควบคุมตัวชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าผู้ต้องหาตามหมายจับคดีวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพและตำรวจไทยจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีว่า ยังไม่มีการควบคุมตัวมือระเบิดแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาอาจเป็นข้อมูลเก่า ต้องตรวจสอบพูดคุยกับทางการมาเลเซียเสียก่อน ยืนยันว่ายังไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ยังคงสืบสวนติดตามจับกุมอยู่ ตนเพิ่งลงพื้นที่เพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา ข่าวที่ออกไปมีการระบุชื่อชายเสื้อเหลืองนั้น ตนเห็นแล้วก็งงเหมือนกัน ออกมาได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่ได้ตัวเลย
****ชี้แจงทูตต่างชาติดึงความเชื่อมั่น
พล.ต.ท.ประวุฒ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ถูกศาลออกหมายจับทั้งสิ้น 16 หมายจับ มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 15 คน จับได้แล้ว 2 คน เหลือหลบหนีอีก 13 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่ถูกออกหมายจับ 2 หมาย คือ นายเมียไรลี ยูซุฟู ขณะที่นายอาเดม คาราดัก ถูกจับกุมครั้งแรกที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นความผิดซึ่งหน้า จึงไม่ได้ออกหมายจับในคราวนั้น แต่ภายหลังมาพบความผิดในจุดอื่น จึงได้ออกหมายจับเพิ่มเติม
สำหรับการเดินทางไปชี้แจงทูตที่กระทรวงการต่างประเทศ เป็นการชี้แจงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการก็เพื่อหยุดยั้งการก่อเหตุหรือป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งมีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ไปอธิบายเกี่ยวกับการจัดวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ตลอดจนการเตรียมนำอุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในงานด้านความมั่นคงในอนาคต เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยและกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทยเช่นเดิม
ส่วนการติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาจากต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจน
***รอตำรวจยืนยันเป็นตัวจริงหรือไม่
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย สามารถจับกุมชายเสื้อเหลือง และเสื้อฟ้าได้ ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุทางทหารก็ร่วมกับตำรวจพยายามสืบตามพยายานหลักฐาน ซึ่งมีผลสำเร็จตามลำดับ แต่ขั้นตอนการสืบสวนขณะนี้ได้ผ่านพ้นช่วงทหารไปแล้ว จะต้องรอฟังจากตำรวจที่จะพยายามปฏิบัติตามนโยบายผู้บังคับบัญชา หาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนความคืบหน้าตนก็รอฟังอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นตัวจริงหรือไม่ ยังไม่ได้รับคำยืนยันชัดเจน แต่มีความคาดการณ์ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ขอไม่ระบุ เพราะไม่สามารถระบุได้ ต้องรอความชัดเจนจากตำรวจเป็นหลัก
***มาเลย์แถลงยังไม่มีหลักฐานชัดโยงบึ้ม
สำนักข่าวเอพี รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า วานนี้ (23 ก.ย.) พล.ต.อ.นูร์ราชิด อิบราฮิม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซียแถลงต่อผู้สื่อข่าวว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยในจำนวนนี้มีถึง 4 คนเป็นชาวมาเลเซีย และอีก 4 คนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นชาวอุยกูร์ โดยชาวมาเลเซีย 4 คน ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ลักลอบนำชาวต่างชาติ 4 คนที่อาจก่อเหตุวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ในกรุงเทพฯ เข้าประเทศมาเลเซีย เพียงแต่ตอนนี้ ทางการยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์โดยตรง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.นูร์ราชิด ระบุอีกว่า ได้แจ้งเรื่องนี้ ให้ทางการไทยได้ทราบแล้ว และหวังว่า พวกเขาจะสามารถช่วยระบุตัวคนร้าย ซึ่งไทยจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้เกี่ยวโยงกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ หากไทยต้องการให้มาเลเซียส่งตัวผู้ต้องสงสัยข้ามแดน
สำหรับชาวมาเลเซีย 4คน เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ขณะที่ชาวต่างชาติ 4คน ไม่มีเอกสารติดตัวและความผิดในข้อหาลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย