ASTV ผู้จัดการ - ผบ.ตร.ระบุ “จักรทิพย์” ไปมาเลเซียจริง แต่เพื่อหารือการทำงานร่วมกัน ยังไม่มีรายละเอียดการจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวข้องเหตุระเบิด และไม่มีการส่งภาพผู้ต้องหามาให้ทางการไทย พร้อมทั้งไม่ยืนยันชื่อจริงชายเสื้อเหลือง
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่าทุกอย่างที่มีข้อสงสัยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำให้ประจักษ์ แต่ในชั้นนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียควบคุมตัวไว้นั้นเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรในประเทศไทยหรือไม่ และใช่คนเสื้อเหลืองหรือไม่ เรื่องนี้เราไม่สามารถยืนยันได้ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานหรือยืนยันจากประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ หากมีการยืนยันจากประเทศมาเลเซียแล้วทางการไทยก็ต้องไปสอบถามหรือซักถามให้ประจักษ์ก่อนว่าผู้ต้องสงสัยที่ประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้เกี่ยวข้องอย่างไร หรือเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ในเบื้องต้นไม่สามารถยืนยันเรื่องดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.เดินทางไปประเทศมาเลเซียจริง และได้กลับมารายงานกับตนว่าเบื้องต้นเป็นแค่การหารือเพื่อจะทำงานร่วมกันอย่างไร และหากมีการควบคุมตัวตามที่เป็นข่าวจะต้องดำเนินการอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ส่วนประเทศมาเลเซียได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้กี่วันแล้ว เรื่องนี้ตนไม่ทราบในรายละเอียด เป็นเพียงข่าวเท่านั้นและไม่ได้รับการยืนยันจากประเทศมาเลเซียด้วยว่ามีการควบคุมตัวอย่างไรมากน้อยเพียงใด มีจำนวนกี่คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้เดินทางไปคุยเรื่องหลักการกับทางการมาเลเซียแล้วนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เมื่อมีข่าวขึ้นมาก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องค้นหาความจริง เพราะจะมีคำถามจากสื่อถึงเรื่องข่าวต่างๆ ที่ประเทศมาเลเซียและเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ดังนั้นเราจึงต้องไปสอบถามให้มีความชัดเจน ในขณะนี้ความชัดเจนมีเพียงเท่านี้ ส่วนจะให้น้ำหนักไปกับข่าวที่ออกมานั้น ถ้าตนไม่ไป ตำรวจไม่ไป สื่อก็มาตั้งคำถามกับตนอีกว่าทำไมไม่ไป ไปเพื่อทำให้ประจักษ์ในข้อเท็จจริงที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่ามาเลเซียกับไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถ้ามีก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามกระบวนการ ตามข้อตกลง ส่วนกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้นำตัวผู้ต้องหากลับมาในวันนี้ด้วย ยืนยันว่าไม่มี ตนยังไม่รู้เรื่อง
ต่อข้อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เรียกหลายคนเข้าไปซึ่งไม่ใช่ตนคนเดียว มีรองนายกรัฐมนตรีทุกท่านเพื่อเข้าไปขอบคุณเรื่องที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ก่อนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
“ส่วนข่าวที่ว่าทางการมาเลเซียได้ส่งภาพผู้ต้องสงสัยมาให้ทางการไทยนั้น ไม่มีการประสานงานถึงขนาดนั้น ที่บอกว่าชื่อนายนาริเป็นชื่อของชายเสื้อเหลืองก็ไม่ทราบ ไม่ยืนยัน ส่วนทางประเทศมาเลเซียควบคุมผู้ต้องสงสัยด้วยข้อหาอะไร ผมไม่ทราบ เราไปพูดคุยเราไม่สามารถซักถามหรือลงลึกในรายละเอียด พล.ต.อ.จักรทิพย์ไปหารือกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง” พล.ต.อ.สมยศระบุ
เมื่อถามว่าต้องรอให้มาเลเซียดำเนินคดีเสร็จแล้วหรือไม่จึงจะเข้าไปสอบถามได้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อันดับแรกต้องดูว่าควบคุมตัวในข้อหาใด และสอบสวนซักถามว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หากเกี่ยวข้องและแจ้งมาว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องเราจะต้องไปสอบถามหรือไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไร และต้องเอาคำให้การของผู้ต้องหารวมทั้งหลักฐานอื่นๆ มาเทียบเคียงว่าสิ่งที่เขาบอกว่าใช่หรือไม่ ไม่ใช่จะเชื่อไปแบบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ต้องมีการตรวจสอบคำให้การว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหรือไม่ด้วย ต้องมีความเชื่อมโยงกัน เพราะฉะนั้นการรีบนำเสนอบางครั้งมันผิดพลาด ส่วนทางการไทยต้องรอให้ทางการมาเลเซียประสานมาใช่หรือไม่ในเรื่องของการยืนยันตัวบุคคลนั้น ขนาดเป็นข่าวเรายังไปประสานเลย หากเขาประสานมาเราไปแน่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังไม่ได้รายงานว่าไปพบใคร น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่
ส่วนการรายงานผลการตรวจสอบการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ สตม.โดยจเรตำรวจแห่งชาตินั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน