“บิ๊กอ๊อด” เผย “จักรทิพย์” ระงับส่งทีมไปมาเลเซียไว้ก่อน ชี้ไม่เกิดประโยชน์ หลังชายเสื้อเหลือง-เสื้อฟ้าผู้ต้องหาตามหมายจับหนีออกไปแล้ว ขณะที่ 3 ผู้ต้องสงสัยเป็นแค่ผู้ชุมนุมทางการเมืองและเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ที่ทำความผิดในมาเลเซีย ระบุตุรกีตอบกลับมาแล้ว “อิซาน” ไม่ได้เดินทางเข้าประเทศ
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่าได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.และทีมชุดสืบสวน ว่าได้ระงับการเดินทางไปประเทศมาเลเซียไว้ก่อน เพราะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนว่าถ้าเราไปแล้วจะได้อะไร และต้องดูว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง เพราะว่าขณะนี้เรายังมีข้อมูลไม่ชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนที่ทางประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้นั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายหรือบุคคลที่เราคิดว่าเราจะได้ตัวที่เราเชื่อว่าได้หลบหนีเข้าไปกบดานในประเทศมาเลเซียนั้นได้มีการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศมาเลเซียแล้ว เพราะฉะนั้นการเดินทางไปของคณะทำงานหากไม่เกิดผลหรือไม่มีประโยชน์ก็คงไม่จำเป็นต้องเดินทางไป
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กรณีที่ชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าหลบหนีออกไปจากมาเลเซียแล้วตามข่าวที่ออกไปนั้น ก็เป็นไปตามรายงานที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ระบุว่าการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่ออกมานั้นว่าผู้ต้องหาชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าออกไปจากประเทศมาเลเซียแล้ว เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในประเทศมาเลเซียแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนที่มาเลเซียควบคุมตัวไว้แสดงว่าไม่ได้มีน้ำหนักคดีระเบิด พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คงไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะการกระทำผิดของทั้ง 3 คน ทั้งการร่วมชุมนุมทางการเมือง และเป็นผู้ที่ร่วมอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ในช่วงที่มีการเข้าไปในมาเลเซียมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ความผิดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลา 13.00 น.วันนี้ (18 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ทหารจะมีการนำส่งตัวนางปณิฐ์สรา ชาลีรัฐรมย์ อายุ 40 ปี ผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวจากหอพักย่านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมาให้ตำรวจสอบสวนต่อมีข้อหาเตรียมไว้แล้วหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนได้เตรียมการไว้แล้ว เช่นอาจจะมีการเตรียมขออนุมัติจากศาลเพื่อขอหมายจับด้วยข้อหาใดๆ ไว้แล้ว เมื่อทางเจ้าหน้าที่ทหารส่งมอบตัวก็จะมีการควบคุม เชื่อว่าทางพนักงานสอบสวนได้เตรียมการไว้แล้ว ส่วนจะในข้อหาใดตนไม่ทราบ ทั้งนี้ คนต่อไปที่จะออกหมายจับหรือเป็นใคร จะออกหมายจับตอนไหนตนคงตอบไม่ได้ หากมีการสอบสวนจนมีหลักฐานเพียงพอที่จะอนุมัติขอหมายจับก็ต้องดำเนินการตามนั้น ส่วนกรณีมีข่าวว่านางปณิฐ์สราเป็นคนเรียกรถแท็กซี่ให้ชายเสื้อฟ้าหรือไม่นั้น เป็นข่าว ตนไม่ยืนยันเพราะหากยืนยันแล้วจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะยากลำบาก เพราะฉะนั้นขอไม่ยืนยันข่าวใดๆ ทั้งสิ้น
“ส่วนการประสานงานกับประเทศตุรกีในการตรวจสอบว่านายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรือ อิซาน ยังได้รับการปฏิเสธว่านายอิซานไม่ได้อยู่ในประเทศตุรกี ผมเชื่อว่าเราทำได้เท่าที่ทำ เมื่อถามไปแล้วแต่ทางการประเทศตุรกีปฏิเสธและยืนยันว่าบุคคลต้องสงสัยไม่ได้เดินทางเข้าประเทศนั้น เราจะไปถามอะไรได้อีก เพราะถามอีกก็คงเป็นคำตอบเดิม ส่วนการตรวจสอบพาสปอร์ตที่ทางประเทศตุรกีต้องการนำกลับไปตรวจสอบที่ประเทศของเขา ยังมีการหารือกันอยู่ แต่บางครั้งเราไม่อาจจะส่งเอกสารหรือหลักฐานนั้นไปได้ เพราะเอกสารนั้นเป็นหลักฐานที่อยู่ในสำนวน หากเราส่งไปแล้วก็จะเหมือนกับว่าเป็นการนำเอกสารที่เป็นวัตถุพยานในคดีออกไปจากสำนวน จะทำให้สำนวนการสอบสวนเสียหาย ทางพนักงานสอบสวนเข้าใจตรงนี้ดี การตรวจสอบว่าพาสปอร์ตจะปลอมหรือไม่ ผมเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยสามารถตรวจสอบได้ แต่เราคงไม่กล้าหรือไม่สามารถที่จะนำเอกสารส่งไปให้ประเทศเหล่านั้นตรวจสอบ” ผบ.ตร.ระบุ และว่าสำหรับเรื่องการประสานงานได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร. ประสานกับสถานทูตทุกแห่งทุกประเทศที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ มีการนัดพูดคุยกับตัวแทนจากประเทศเหล่านั้นแล้ว