ช่วงนี้คุณท่านผู้นำออกงานบ่อย พบปะนักธุรกิจระดับต่างๆ กระตุ้นขวัญและกำลังใจช่วงที่ทีมเศรษฐกิจใหม่นำโดย “เดอะสมคิด” พยายามสร้างความเชื่อมั่นด้วยทิศทางแนวนโยบายใหม่ “ประชารัฐ” ให้พ้นจากสภาวะซึมลึก
ต้องป้องกันไม่ให้สภาพชะลอตัวสู่การถดถอยโดยไม่มีจุดหยุดยั้ง
ทุกวันนี้สภาพของ “เงินฝืด” เกิดขึ้นจริงหลังจากอัตราเงินเฟ้อติดลบนานกว่า 8 เดือน เพียงแต่ยังไม่ยอมรับว่าอาจเป็นอาการของ “เฟ้อ” และ “ฝืด” เกิดพร้อมกันอย่างที่เรียกกันว่า “Stagflation” ซึ่งแก้ยากกว่าสภาวะซึมปกติมาก
รัฐบาลต้องใช้มาตรการกระตุ้นและเงินอัดฉีดเยอะ ทั้งยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจของแต่ละประเทศอีกด้วย ช่วงนี้ “เดอะสมคิด” จึงใช้ 2 ขาขับเคลื่อนคือความพยายามเร่งการส่งออก และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
ยังหวังว่าการท่องเที่ยงซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศ 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีจะยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เว้นแต่จะมีวิกฤตการเมืองระหว่างประเทศหรือในประเทศดังเช่นเหตุการณ์วางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ และสะพานสาทร
แผนกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจของคุณท่านผู้นำและ “เดอะสมคิด” จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และทรัพยากรของประเทศ
แน่นอนประเทศไทยมีเงินทุนสำรองมากกว่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มั่นคงมาก เพียงแต่อาการซึมลึกของเศรษฐกิจซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกยังคงเป็นไป หลายประเทศที่ว่าเก่งยังหาทางออกไม่เจอเพราะเป็นผลกระทบโยงใยต่อเนื่อง
คำว่าโลกไร้พรมแดน ต้องเชื่อมโยงกัน ถ้าใครติดหวัด จามออกมา ใครไม่มีภูมิต้านทาน ต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโรคไปด้วย ประเทศไทยก็เช่นกัน
บ้านเรานั้น “เดอะสมคิด” เน้นว่าต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับล่าง หรือระดับรากหญ้าให้สำเร็จ แต่สภาพปัจจุบันจะไม่ง่ายนักเพราะโครงสร้างได้ถูกเปลี่ยนไป เพราะเอสเอ็มอีหรือระดับล่างเดี้ยงเกือบไม่รอดเพราะทุนใหญ่กิน
ระบบโมเดิร์นเทรด มินิมาร์ทหรือเครือข่ายร้านโชวห่วยยุคใหม่ติดแอร์ได้ทำให้ธุรกิจรากหญ้าล้มหายตายจากไปเกือบไม่เหลือ เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ ทุกวันนี้เหลือเพียงส้มตำปลาร้าเท่านั้นที่ยังไม่มีขาย อีกต่อไปไม่แน่
ธุรกิจเครือข่ายทุนของเจ้าสัวได้วางแผนจะกอบโกยเชิงรุกต่อเนื่อง ไม่ให้คนอื่นได้มีพื้นที่ทำมาหากินจริงๆ ร้านค้าชุมชนอยู่ไปแต่ละวันโดยไร้อนาคต
เจ้าของร้านย่อยแต่ละวันหวาดผวา รอว่าในชุมชนจะมีห้างมินิมาร์ทเข้ามาแย่งเอาส่วนแบ่งการตลาดเมื่อไหร่ ถ้ามาแล้ว คงต้องรอรับสภาพเจ๊ง
“เดอะสมคิด” และคุณท่านควรรับรู้ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศได้เปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ จากเกษตรกรรมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราเป็นผู้ต้องพึ่งพาการส่งออกมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ชาวนาเป็นเพียงชาวนาเช่า
เจ้าของพื้นที่กว้างใหญ่กลายเป็นเจ้าสัว นักเก็งกำไร กว้านซื้อที่ มีเหลือเพียงเจ้าของนาซึ่งยังอยู่ได้ แต่ให้คนเช่าทำนาเพื่อแบ่งผลประโยชน์ ดังนั้น ความหวังจะให้ชาวนาจริงลืมตาอ้าปากได้นั้น เป็นความฝันบรรเจิดข้างเดียว
ถึงเวลาที่คุณท่านจะมองไปทั่วประเทศ แล้วตัดสินใจว่าทิศทางจากนี้ไปชาวไทยจะอยู่กันอย่างไร ทั้งภายใต้อิทธิพลทุนนิยมสามานย์ อำนาจเงิน
คุณท่านได้เป็นประธานงานวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 เท่ากับว่าแต่ละแผน 5 ปีนั้น ทำให้ประเทศไทยได้เปลี่ยนโครงสร้างตลอด 50 กว่าปี เพราะนักวางแผนด้วยการศึกษาจากต่างประเทศ ไม่เคยเดินในท้องนา
แผ่นดินไทยอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ความสมบูรณ์กลายเป็นแหล่งขุดทองของนักลงทุนต่างชาติ และหุ้นส่วนในประเทศ กอบโกยความมั่งคั่ง ทิ้งไว้แต่ซากของความล้มเหลวและสารพิษอุตสาหกรรม เคมีเกษตรสารพัด
ทุกวันนี้นอกจากยังไม่เปลี่ยนทิศทางการพัฒนาแล้ว คุณท่านยังกวักมือเรียกนักลงทุนต่างชาติเข้ามากอบโกยทรัพยากรแผ่นดิน มีมาตรการเอื้อและอวยด้วยมาตรการภาษี แทบไม่ต้องเสียอะไร เพราะคนไทยเสียภาษีจัดการให้
ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบสาธารณูปโภค ท่าเรือ รถไฟ ทางด่วน อื่นๆ คนไทยเสียภาษีให้ แต่บริษัทต่างประเทศเข้ามาใช้ประโยชน์ตามสิทธิประโยชน์การลงทุน แถมยังมีคำพูดให้ช้ำใจอีกว่า ถ้าไม่มีมาตรการเหล่านี้ เขาก็ไม่มา
คนไทยอยู่ด้วยความช้ำใจ กลายเป็นไก่รองบ่อนในบ้านเมืองของตัวเอง เจ้าหน้าที่ของรัฐรับสินบนปล่อยให้คนต่างชาติสารพัดประเภทเข้ามาทำมาหากินทั้งนอกกฎหมายและแฝงเร้น มีชีวิตความเป็นอยู่เหนือกว่าเจ้าของประเทศ
คนไทยจะเป็นจะตายเพราะกากสารพิษ ภัยร้ายจากอุตสาหกรรม ก็โอดครวญด้วยความทุกข์ก็ไม่ได้เพราะ “จะทำลายบรรยากาศการลงทุน”
ทุกวันนี้คนไทยอย่างน้อย 4 จังหวัดมีปัญหาเสี่ยงตายผ่อนส่ง พิการจากสารพิษเพราะเหมืองทอง ต้องล่ารายชื่อถึง 2 หมื่นคนให้รัฐบาลรับรู้ ระงับเหตุ
ข่าวภัยร้ายจากสารพิษไซยาไนด์ การคุกคามด้วยกำลังอันธพาลเถื่อน เป็นข่าวหลายครั้ง ชาวบ้านต้องทิ้งหมู่บ้านหลบหนี ไม่เข้าหูคุณท่านบ้างหรือ
อย่าอยู่ในกลุ่ม “คนมีเงิน” นานนัก รากหญ้ารากเลือดจนจะไม่เหลือแล้ว
ต้องป้องกันไม่ให้สภาพชะลอตัวสู่การถดถอยโดยไม่มีจุดหยุดยั้ง
ทุกวันนี้สภาพของ “เงินฝืด” เกิดขึ้นจริงหลังจากอัตราเงินเฟ้อติดลบนานกว่า 8 เดือน เพียงแต่ยังไม่ยอมรับว่าอาจเป็นอาการของ “เฟ้อ” และ “ฝืด” เกิดพร้อมกันอย่างที่เรียกกันว่า “Stagflation” ซึ่งแก้ยากกว่าสภาวะซึมปกติมาก
รัฐบาลต้องใช้มาตรการกระตุ้นและเงินอัดฉีดเยอะ ทั้งยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจของแต่ละประเทศอีกด้วย ช่วงนี้ “เดอะสมคิด” จึงใช้ 2 ขาขับเคลื่อนคือความพยายามเร่งการส่งออก และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
ยังหวังว่าการท่องเที่ยงซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศ 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีจะยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เว้นแต่จะมีวิกฤตการเมืองระหว่างประเทศหรือในประเทศดังเช่นเหตุการณ์วางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ และสะพานสาทร
แผนกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจของคุณท่านผู้นำและ “เดอะสมคิด” จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และทรัพยากรของประเทศ
แน่นอนประเทศไทยมีเงินทุนสำรองมากกว่าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มั่นคงมาก เพียงแต่อาการซึมลึกของเศรษฐกิจซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกยังคงเป็นไป หลายประเทศที่ว่าเก่งยังหาทางออกไม่เจอเพราะเป็นผลกระทบโยงใยต่อเนื่อง
คำว่าโลกไร้พรมแดน ต้องเชื่อมโยงกัน ถ้าใครติดหวัด จามออกมา ใครไม่มีภูมิต้านทาน ต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโรคไปด้วย ประเทศไทยก็เช่นกัน
บ้านเรานั้น “เดอะสมคิด” เน้นว่าต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับล่าง หรือระดับรากหญ้าให้สำเร็จ แต่สภาพปัจจุบันจะไม่ง่ายนักเพราะโครงสร้างได้ถูกเปลี่ยนไป เพราะเอสเอ็มอีหรือระดับล่างเดี้ยงเกือบไม่รอดเพราะทุนใหญ่กิน
ระบบโมเดิร์นเทรด มินิมาร์ทหรือเครือข่ายร้านโชวห่วยยุคใหม่ติดแอร์ได้ทำให้ธุรกิจรากหญ้าล้มหายตายจากไปเกือบไม่เหลือ เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ ทุกวันนี้เหลือเพียงส้มตำปลาร้าเท่านั้นที่ยังไม่มีขาย อีกต่อไปไม่แน่
ธุรกิจเครือข่ายทุนของเจ้าสัวได้วางแผนจะกอบโกยเชิงรุกต่อเนื่อง ไม่ให้คนอื่นได้มีพื้นที่ทำมาหากินจริงๆ ร้านค้าชุมชนอยู่ไปแต่ละวันโดยไร้อนาคต
เจ้าของร้านย่อยแต่ละวันหวาดผวา รอว่าในชุมชนจะมีห้างมินิมาร์ทเข้ามาแย่งเอาส่วนแบ่งการตลาดเมื่อไหร่ ถ้ามาแล้ว คงต้องรอรับสภาพเจ๊ง
“เดอะสมคิด” และคุณท่านควรรับรู้ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศได้เปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ จากเกษตรกรรมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราเป็นผู้ต้องพึ่งพาการส่งออกมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ชาวนาเป็นเพียงชาวนาเช่า
เจ้าของพื้นที่กว้างใหญ่กลายเป็นเจ้าสัว นักเก็งกำไร กว้านซื้อที่ มีเหลือเพียงเจ้าของนาซึ่งยังอยู่ได้ แต่ให้คนเช่าทำนาเพื่อแบ่งผลประโยชน์ ดังนั้น ความหวังจะให้ชาวนาจริงลืมตาอ้าปากได้นั้น เป็นความฝันบรรเจิดข้างเดียว
ถึงเวลาที่คุณท่านจะมองไปทั่วประเทศ แล้วตัดสินใจว่าทิศทางจากนี้ไปชาวไทยจะอยู่กันอย่างไร ทั้งภายใต้อิทธิพลทุนนิยมสามานย์ อำนาจเงิน
คุณท่านได้เป็นประธานงานวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 เท่ากับว่าแต่ละแผน 5 ปีนั้น ทำให้ประเทศไทยได้เปลี่ยนโครงสร้างตลอด 50 กว่าปี เพราะนักวางแผนด้วยการศึกษาจากต่างประเทศ ไม่เคยเดินในท้องนา
แผ่นดินไทยอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ความสมบูรณ์กลายเป็นแหล่งขุดทองของนักลงทุนต่างชาติ และหุ้นส่วนในประเทศ กอบโกยความมั่งคั่ง ทิ้งไว้แต่ซากของความล้มเหลวและสารพิษอุตสาหกรรม เคมีเกษตรสารพัด
ทุกวันนี้นอกจากยังไม่เปลี่ยนทิศทางการพัฒนาแล้ว คุณท่านยังกวักมือเรียกนักลงทุนต่างชาติเข้ามากอบโกยทรัพยากรแผ่นดิน มีมาตรการเอื้อและอวยด้วยมาตรการภาษี แทบไม่ต้องเสียอะไร เพราะคนไทยเสียภาษีจัดการให้
ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบสาธารณูปโภค ท่าเรือ รถไฟ ทางด่วน อื่นๆ คนไทยเสียภาษีให้ แต่บริษัทต่างประเทศเข้ามาใช้ประโยชน์ตามสิทธิประโยชน์การลงทุน แถมยังมีคำพูดให้ช้ำใจอีกว่า ถ้าไม่มีมาตรการเหล่านี้ เขาก็ไม่มา
คนไทยอยู่ด้วยความช้ำใจ กลายเป็นไก่รองบ่อนในบ้านเมืองของตัวเอง เจ้าหน้าที่ของรัฐรับสินบนปล่อยให้คนต่างชาติสารพัดประเภทเข้ามาทำมาหากินทั้งนอกกฎหมายและแฝงเร้น มีชีวิตความเป็นอยู่เหนือกว่าเจ้าของประเทศ
คนไทยจะเป็นจะตายเพราะกากสารพิษ ภัยร้ายจากอุตสาหกรรม ก็โอดครวญด้วยความทุกข์ก็ไม่ได้เพราะ “จะทำลายบรรยากาศการลงทุน”
ทุกวันนี้คนไทยอย่างน้อย 4 จังหวัดมีปัญหาเสี่ยงตายผ่อนส่ง พิการจากสารพิษเพราะเหมืองทอง ต้องล่ารายชื่อถึง 2 หมื่นคนให้รัฐบาลรับรู้ ระงับเหตุ
ข่าวภัยร้ายจากสารพิษไซยาไนด์ การคุกคามด้วยกำลังอันธพาลเถื่อน เป็นข่าวหลายครั้ง ชาวบ้านต้องทิ้งหมู่บ้านหลบหนี ไม่เข้าหูคุณท่านบ้างหรือ
อย่าอยู่ในกลุ่ม “คนมีเงิน” นานนัก รากหญ้ารากเลือดจนจะไม่เหลือแล้ว