xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นเด้งรับ6มาตรการคลังกระตุ้นศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นปิดตลาดบวก 9.42จุด เด้งรับ6มาตรการกระทรวงคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ "ก้องเกียรติ" ระบุ ตลาด ยังไม่เข้าสู่ภาวะตลาดหมี แม้ดัชนีที่ปรับลงตั้งแต่ต้นปีราว 6% ชี้ดัชนียังเหมาะสมต่อการลงทุน คาดแนวรับจิตวิทยาที่ 1,400 จุด ด้านนักวิเคราะห์บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะจับตาผลประชุมเฟด

ผู้สื่อข่าวรายงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันที่ 28 กรกฏาคม 58 ไปที่ 1,417.49 จุด เพิ่มขึ้น 9.42 จุด เปลี่ยนแปลง +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 35,483.77 ล้านบาท โดยดัชนีทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,419.07 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,401.06 จุด โดยบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 138.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,352.75 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 351.19 ล้านบาท มีเพียงสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,842.40 ล้านบาท

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นวันพุธปรับตัวขึ้นมาขานรับ Sentiment ที่ดีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลมีแนวทางที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้านและเตรียมจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 4 ส.ค.นี้

“นักลงทุนเห็นความพยายามของ รัฐฯ ในการเร่งผลักดันเศรษฐกิจ แม้บางเรื่องอาจทำไม่ได้เร็วแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และอีก 2 เดือนก็ใกล้ปิดงบประมาณปี 58 ดังนั้นน่าจะมีการเร่งการใช้จ่ายก่อนสิ้นเดือนก.ย.58ทางเทคนิค ตลาดฯมีการรีบาวน์ขึ้นหลังจากเข้าเขต Oversold ที่บริเวณ 1,400 จุด อย่างไรก็ดีต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ในคืนนี้เกี้ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และทิศทางราคาน้ำมันจะมีการเด้งกลับขึ้นไปหรือไม่หลังจากปรับตัวลงมาต่อเนื่อง” น.ส.อาภาภรณ์ กล่าว

แนวโน้มการลงทุนในวันศุกร์ที่31 ก.ค. น.ส.อาภาภรณ์ คาดการณ์ว่า หากผลประชุม FED ยังคงไม่ส่งสัญญาณปรับอัตราดอกเบี้ย หรือ ยืนยันว่าจะทยอยปรับโดยปรับในปี 2558 เพียง 1 ครั้ง จะทำให้นักลงทุนเบาใจได้ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 จุด

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) พูดถึงภาวะตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ดัชนีปรับตัวลงมา 6% ยังไม่เข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือ bear market ซึ่งนิยามว่าดัชนีต้องลดลงอย่างน้อย 20% แต่ SET index ยังไม่ลดลงถึงขั้นนั้น

ส่วนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ นักลงทุนยังต้องติดตามเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ว่าจะเป็นอย่างไร แต่คาดว่าดัชนีฯ น่าอยู่ในลักษณะทรงตัว เพราะมองราคาหุ้นน่าจะตอบรับกับปัจจัยเชิงลบไปพอสมควรแล้ว

นายก้องเกียรติ มองดัชนีฯ ที่ระดับ 1,400 จุด มี P/E ที่ 15 เท่า ถือว่าเป็นระดับที่พอรับได้ในการลงทุน
สำหรับปัจจัยที่พลิกให้ตลาดหุ้นจะกลับมาเป็นเชิงบวกได้ ต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบ บจ.ว่า จะฟื้นตัวได้เมื่อใด ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังไม่น่าห่วง ส่วนหุ้นจีนที่ลดลงยังไม่ถึงขั้นต้องกังวลว่าจะกระทบในภาพรวมของเศรษฐกิจจีน เพราะทางการน่าจะยังใช้มาตรการประคองตลาดหุ้นไม่ให้ร่วงลงไปกว่านี้

"สำหรับตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ดัชนีปรับตัวลดลงมา 6% ซึ่งถือว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะตลาดหมี ซึ่งปกติตลาดหมีดัชนีจะลงมา 20% ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือนี้ต้องติดตามเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ว่าจะเป็นอย่างไรมองว่าดัชนีจะทรงตัวได้หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดัน โดยตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1400 จุด มี P/E ที่ 15 เท่า ถือว่าเป็นระดับที่พอรับได้" นายก้องเกียรติ กล่าวพร้อมคาดการณ์ระดับดัชนีสิ้นปี 2558ที่ 1497.67 จุด

บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด สรุปสภาวะตลาดวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,095.15-1,099.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,200 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ15 อยู่ที่ 18,280 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,220 บาท

GFMS ในเครือธอมสัน รอยเตอร์ เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 2 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2009 ความต้องการทองคำในตลาดส่งมอบปัจจุบันไม่ได้เพิ่มขึ้น แม้การดิ่งลงของราคาทองคำจะทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2010 แรงซื้อทองคำจากจีนและอินเดียซึ่งเป็นผู้ใช้ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกยังคงชะลอตัว

ขณะที่ในตลาดทองคำยังคงมีปัจจัยลบต่อเนื่อง เมื่อคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐรายงานว่า ผู้จัดการกองทุนและกองทุนเฮดจ์ฟันด์หันมาถือครองสถานะขายสุทธิในสัญญาทองคำสูงถึง 11,345 สัญญา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่นักเก็งกำไรหันมาถือครองสถานะขายสุทธิ และสิ่งนี้ส่งผลให้ราคาทองคำเผชิญกับความเสี่ยงจากแรงขายในระยะใกล้ เบื้องต้นหากราคาทองคำขึ้นทดสอบบริเวณ 1,105-1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ ก็จะเห็นการย่อตัวของราคากลับลงมาบริเวณแนวรับ ยังแนะนำการลงทุนจากการเก็งกำไรระยะสั้น

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำ หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,085 ดอลลาร์ต่อออนซ์สามารถเข้าซื้อสะสมเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น เมื่อราคาทองคำขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,105-1,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,075-1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนในระยะสั้นและระยะกลางหากราคาการย่อตัวลงมาและสามารถตั้งฐานบริเวณแนวรับดังกล่าวได้แข็งแกร่งสามารถเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติมบางส่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น