ตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 ราคาทองคำโลกมีการปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ราคา $272 เหรียญต่อออนซ์ไปถึง $1,920 เหรียญ ก่อนจะปรับตัวลงมาจนถึงปัจจุบันที่ราคาแถวๆ $1,180 เหรียญต่อออนซ์ ขึ้นมา 4 เท่าตัวตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทองคำที่เคยเป็นสินทรัพย์ที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้ จนมันเป็นขาลงที่ผ่านมา ความนิยมก็เริ่มลดลง แต่แน่นอนว่าในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มมีความผันผวนมากยิ่งขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ได้เช่นกัน ทำให้ความสนใจในทองคำในอนาคตก็น่าจะกลับมาดีได้ ซึ่งแต่ก่อนบ้านเราที่ซื้อขายทองคำมักจะซื้อทองคำรูปพรรณเป็นเครื่องประดับ หรือไม่ก็ซื้อไว้เป็นการออมชนิดหนึ่งในระยะยาว เดี๋ยวนี้มีในตลาดทองคำมีนักเก็งกำไรเป็นจำนวนมากที่หาช่องทางในการซื้อๆ ขายๆ เพื่อหวังกำไรส่วนต่างของราคาทองคำที่ขึ้นลง ทำให้เกิดสินค้ามากมายหลายยี่ห้อที่เกี่ยวกับทองคำออกมาเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดเก็งกำไรทองคำ แต่ละสินค้าก็มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน นักลงทุนควรเลือกมองหาสินค้าที่เหมาะสมต่อตัวเองเพื่อประโยชน์ที่สูงสุด
1.ทองคำแท่ง - ในบ้านเรานิยมซื้อขายทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะมีซื้อขายน้ำหนักทองคำขั้นต่ำ 5 บาททอง แต่อาจจะมีบางแห่งที่ซื้อขายเริ่มต้นที่แท่งละ 1 บาท แต่ราคาก็จะแพงขึ้นกว่าปกติขึ้นไปอีก ส่วนต่างราคาเสนอซื้อเสนอขายจะอยู่ในช่วง 40-150 บาท ถ้าเป็นราคาของสมาคมผู้ค้าทองก็จะอยู่ที่ 100 บาท ปัจจุบัน นักเก็งกำไรสามารถซื้อขายผ่านโทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ตก็ได้ ข้อเสียคือ ร้านทองในต่างจังหวัดมักไม่ค่อยมีทองคำแท่งให้ซื้อขาย และนักเก็งกำไรจำเป็นต้องเลือกร้านทองคำที่น่าเชื่อถือเป็นพิเศษ เนื่องจากความบริสุทธิ์ของทองคำแท่งบางแห่งอาจจะไม่ได้มาตรฐาน แต่หากเป็นนักเก็งกำไรรายใหญ่ก็อาจซื้อขายทองคำความบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งซื้อขายเป็นกิโลไปเลยก็ได้
2.ทองคำออนไลน์ - ทองคำออนไลน์มีกันมานานแล้ว ปัจจุบันมีอยู่นับ 10 กว่าเจ้าที่ให้บริการ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายทองคำแท่งผ่านอินเทอร์เน็ต วางหลักประกันประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และจ่ายส่วนที่เหลือหลังมีการซื้อไปแล้ว 1-3 วันทำการ ซึ่งราคาส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อกับขายออกจะแคบกว่าตามหน้าร้านทองทั่วไปอยู่ประมาณ 40-100 บาท ถือว่าเป็นช่องทางเก็งกำไรที่สะดวกสบาย และส่วนใหญ่เปิดซื้อขายกันถึงเที่ยงคืน หรือ 24 ชั่วโมงของวันทำการปกติเลย แต่ข้อเสียก็คือ บางแห่งให้วางหลักประกัน 10 เปอร์เซ็นต์ หรือต่ำกว่า แถมไม่ต้องจ่ายส่วนที่เหลือเมื่อครบกำหนด และไม่มีการส่งรับมอบทองคำจริง พวกนี้ถือว่าผิดกฎหมาย นักลงทุนที่ไปซื้อขายกับบริษัทออนไลน์พวกหลังนี้อาจสูญเสียเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดในกรณีที่บริษัท หรือร้านเหล่านี้โดนจับและถูกยึดทรัพย์ ยิ่งพวกที่ซื้อขายเป็นดอลลาร์ด้วยยิ่งชัดว่าผิดกฎแน่นอน
3.ทองคำรูปพรรณ - ช่องทางนี้มีมานมนาน และเป็นที่คุ้นเคยกันดี นักเก็งกำไรมักให้ความสำคัญต่อการใช้งานเป็นเครื่องประดับไปด้วยพร้อมๆ กับการเก็งกำไรราคา
4.สัญญาล่วงหน้าทองคำ - ตลาดล่วงหน้าทองคำ หรือโกลด์ฟิวเจอร์สเป็นที่รู้จักกันดีในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นตลาดซื้อขายเก็งกำไรราคาทองคำที่มีทางการมาช่วยดูแล ทำให้มีความโปร่งใสสูงสุดในบรรดาทุกช่องทาง ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน บวกกับสามารถใช้เก็งกำไรเมื่อราคาขึ้น หรือใช้เก็งกำไรเมื่อนักลงทุนมองว่าราคาลงก็ได้ทั้ง 2 ด้าน ข้อเสียคือ สัญญาล่วงหน้ามีหมดอายุ และนักลงทุนต้องศึกษาเรื่องค่าพรีเมียม และเรื่องการวางหลักประกันให้ดี
5.หน่วยลงทุนทองคำ - Gold ETF บ้านเรามีมานานแล้ว แต่ก่อนจะซื้อขายผ่านธนาคารที่ราคา NAV ณ สิ้นวัน ซึ่งราคาที่ได้มักจะแตกต่างจากราคาที่เราคาดหวังพอสมควร และการรับเงินหลังขายหน่วยมักกินเวลา 3-6 วันทำการ ทำให้การบริหารเงินทุนอาจไม่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ แต่ในปัจจุบันก็มี Gold ETF ที่ซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์แล้ว ทำให้การซื้อขายสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยผ่านทางโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะซื้อ หรือจะขายก็ชำระราคากัน 3 วันทำการถัดไป ทำให้การบริหารเงินทุนมีความแน่นอนมากยิ่งขึ้น แถมนักเก็งกำไรซื้อขายที่โบรกเกอร์ไหนก็ได้ที่เป็นสมาชิกกับตลาดหลักทรัพย์ แถมเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียงหลักร้อยหลักพันบาทเท่านั้น ข้อเสียคือ ต้นทุนเทียบเป็นต่อบาททองคำแล้วแพงกว่าการซื้อขายทองคำแท่งปกติ
ช่องทางแต่ละช่องทางเหมาะต่อนักเก็งกำไรที่มีลักษณะต่างกัน นักเก็งกำไรระยะยาวเงินเย็นๆ ก็อาจจะเหมาะต่อทองคำแท่ง และ Gold ETF มากกว่า แต่หากเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้นๆ ก็อาจจะหันไปดูโกลด์ฟิวเจอร์ส หรือทองคำออนไลน์จะดีกว่า ไม่ว่าจะลงทุนในช่องทางไหน หากเราเลือกใช้ประโยชน์ให้ถูกจุดก็น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรของเรา ส่วนออปชันทองนั้นจะมาเมื่อไร คงต้องรอกันอีกยาวๆ หลังออปชันดัชนีเซต 50 ได้รับความนิยมซะก่อน
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก