ตัวเลขเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจของบ้านเมืองยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นในเร็ววัน ดูสภาพแล้วน่าจะยังซึมลึกอีกนาน หน่วยงานของรัฐอ้างว่าตัวเลขเงินเฟ้อติดลบย่างเข้าเดือนที่ 7 ก็ไม่ใช่สภาวะเงินฝืดเพราะเงินยังเฟ้อ สินค้ายังแพงอยู่
เอาเป็นว่า “เงินหายาก” แบบนี้ยิ่งน่ากลัว เพราะจะเป็นปัญหาเงินทั้งเฟ้อ ทั้งฝืดพร้อมกัน เรียกว่า “Stagflation” คือ Stagnation บวกกับ Inflation นั่นเอง เงินหายาก เมื่อได้มาแล้วมีค่าไม่มาก ไม่คุ้มค่ากับการหาได้มา
เช่นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ทุกวันนี้หาคนจ้างได้ยาก เพราะคนจ้างมองว่าค่าแรงแพง เมื่อหาได้แล้ว คนรับเงินรู้ทันทีว่า 300 บาททำอะไรแทบไม่ได้สำหรับการครองชีพแต่ละวัน เพียงค่าใช้จ่ายกินคนเดียวก็ไม่พอแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการมีครอบครัว แค่ลำพังตัวคนเดียวแทบไม่มีปัญหาหาห้องเช่าซุกหัวนอน เมื่อเป็นค่าจ้างรายวัน วันหยุด ไม่ทำงาน ก็ไม่ได้เงิน
อาการซึมลึกของเศรษฐกิจไทย นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกเกี่ยวโยงกันไปหมด ถ้านอกบ้านเราไม่ฟื้น เราก็ไม่ฟื้นตัว
แบบนี้เศรษฐศาสตร์ชาวบ้านบอกว่านี่คือการ “เผาจริง” ยืดเยื้อยาวอาจลากไปถึงปีหน้าโน่น ดูสภาพแล้วมนุษย์เงินเดือนภาคราชการและรัฐวิสาหกิจจะประคองตัวไปได้ ส่วนพนักงานภาคเอกชนเริ่มไม่แน่นอน อาจถูกเลิกจ้างได้
ใครโชคร้ายตกงาน ไม่มีความรู้ ความสามารถพิเศษ จะหางานใหม่ได้ยาก เงินชดเชยคงช่วยอยู่ได้สักระยะหนึ่ง จะคิดทำมาค้าขายรายย่อย ต้องแหวกตลาด เรียกลูกค้าได้จริงๆ ต้องแข่งกับเครือข่ายพวกร้านสะดวกโกยด้วย
ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน เพราะไม่มั่นใจทิศทางของเศรษฐกิจโลก ช่วงนี้ต้องรัดเข็มขัด ประคองตัวเองให้อยู่ได้ ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นต้องตัดทิ้ง
เหตุผลประการหนึ่งคงอยากรู้ว่ารัฐบาลคุณท่านจะเอาอย่างไรกับการปรับคณะรัฐมนตรีด้วย จะมีปรับมั้ย ปรับใหญ่หรือปรับย่อย ทีมเศรษฐกิจปรับด้วยหรือไม่ และใครจะมา มีฝีมือน่าเชื่อถือหรือดูแล้วฝากความหวังไม่ได้
การปรับช้า รอให้ครบ 1 ปี เท่ากับการเสียเวลา ทุกวันนี้เกิดปัญหาด้านความเชื่อมั่นและลามไปถึงวิกฤตศรัทธา เพียงแต่กลุ่มคุณท่านยังไม่ยอมรับ อ้างว่าทำงานเต็มที่แล้ว ปัญหาเก่าเรื้อรังต้องใช้เวลา แต่เชื่อว่ายัง “เอาอยู่”
เรื่องความเชื่อมั่นหรือวิกฤตศรัทธานี่แหละ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการค้าการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งภาคราชการซึ่งข้าราชการจงรักภักดีกับนายคนเดิมยังใช้วิธี “เกียร์ว่าง” แบบมีเหตุ นั่นคือใช้การประชุมเลี่ยงงาน
รอวันเลือกตั้ง ให้เครือข่ายนายเหลี่ยมกลับมาทวงคืนอำนาจ ข้าราชการหาเรื่องประชุมต่อเนื่อง แต่ไม่มีผลงานให้เห็นชัด บางกระทรวงมีงบประมาณค้างท่อมหาศาล เม็ดเงินไปไม่ถึงปลายทาง งานไม่เดิน เงินก็ไม่สะพัดติดขัด
กระตุ้นเท่าไหร่ก็ไม่ทำงาน ไม่รู้สึกกลัวอำนาจ เพราะคุณท่านย้ำว่าจะยังเดินหน้าตามโรดแหม็บๆ ข้าราชการกบดานรอวันพวกคุณเหลี่ยมเถลิงอำนาจ
ทุกวันนี้เครือข่ายคุณเหลี่ยมผลัดกันใช้น้ำลายกัดกร่อนเก้าอี้คุณท่านจนรู้สึกได้ว่าพิษร้ายของน้ำลายเริ่มส่งผลน่าห่วง เพราะการไม่ใช้อำนาจจัดการ ปล่อยให้พวกนี้ได้ใจ มีตัวช่วยแฝงอยู่ในเครือข่ายคุณท่านอ้างการปรองดอง
ด้วยเหตุนี้ มาตรการต่างๆ จึงถูกดองยาว เช่นการถอดยศคุณเหลี่ยม ซึ่งท่าน “ซอมยอส ณ กาสิโน” บอกว่าไม่รีบร้อน ว่าไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แบบนี้คุณท่านไม่ถูกทำให้มีสภาพย่ำแย่ ก็เก่งเกินไปแล้ว
มีอำนาจแล้วไม่ใช้อำนาจ มีแต่เสียงคำราม ทำให้กระบองกลายเป็นสากกะเบือ ไร้ความน่ากลัว พวกขบวนการนกกรงหัวจุก หัวเถิก หัวล้าน จึงเริงร่า มั่นใจว่าพวกตัวเองรวมทั้งแม่นางเก็บเห็ดไม่มีภัยร้ายมาแผ้วพานแน่นอน
คุณท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทุกวันนี้พวกไอ้ตัวร้ายไม่กลัวอำนาจคุณท่านแล้ว เพราะกว่า 1 ปีผ่านไปยังไม่มีใครเผชิญกับแรงกดดันจนเคลื่อนไหวไม่ได้ เว้นแต่พวกที่โดนอายัดทรัพย์สิน แต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกขบวนการนกกรงหัวจุกแดงเริ่มเสียงดังให้ชาวบ้านได้รู้สึกว่าอีกไม่นาน การเลือกตั้งเกิดเมื่อไหร่ ขบวนการคุณเหลี่ยมกลับมาเป็นใหญ่ จะเช็กบิลย้อนหลังพวกที่เคยเอาตัวไปกักในค่ายทหาร
เริ่มมีเสียงเปรียบเทียบกับการ “เสียของ” ยุครุ่นพี่กับยุคปัจจุบันว่าใครเสียหายมากกว่า อันที่จริงก็เป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่หัวหน้ารุ่นก่อนเล่นงานตัวพี่ชาย ทำเอาถูกยึดทรัพย์จนไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่รุ่นปัจจุบันเล่นงานน้องสาว
แต่แม่นางนักเพาะเห็ดยังไม่มีอะไรหนักใจ แม้รัฐบาลแม่นางได้ทำความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมากกว่า 9 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ของประเทศไทย นอกจากไม่ทวงคืนแล้ว ยังให้ชาวบ้านจ่ายแทน
จากนี้ไปคุณท่านน่าจะต้องเผชิญกับการลองของ ท้าทายอำนาจ วันก่อนลูกเขยเศรษฐีเครือข่ายเจ้าสัวออกมาหยามแบบไม่เกรงใจ ใช้คำเชิงขับไล่ อ้างว่าเป็นตัวปัญหาเศรษฐกิจ ต่างชาติไม่คบหาสมาคม และคงมีอีกหลายชุด
คนมีอำนาจ คนรวย จะหยุดรักชาติ จะมุ่งแต่รักษาอำนาจและรักตัวเอง
เอาเป็นว่า “เงินหายาก” แบบนี้ยิ่งน่ากลัว เพราะจะเป็นปัญหาเงินทั้งเฟ้อ ทั้งฝืดพร้อมกัน เรียกว่า “Stagflation” คือ Stagnation บวกกับ Inflation นั่นเอง เงินหายาก เมื่อได้มาแล้วมีค่าไม่มาก ไม่คุ้มค่ากับการหาได้มา
เช่นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ทุกวันนี้หาคนจ้างได้ยาก เพราะคนจ้างมองว่าค่าแรงแพง เมื่อหาได้แล้ว คนรับเงินรู้ทันทีว่า 300 บาททำอะไรแทบไม่ได้สำหรับการครองชีพแต่ละวัน เพียงค่าใช้จ่ายกินคนเดียวก็ไม่พอแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการมีครอบครัว แค่ลำพังตัวคนเดียวแทบไม่มีปัญหาหาห้องเช่าซุกหัวนอน เมื่อเป็นค่าจ้างรายวัน วันหยุด ไม่ทำงาน ก็ไม่ได้เงิน
อาการซึมลึกของเศรษฐกิจไทย นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกเกี่ยวโยงกันไปหมด ถ้านอกบ้านเราไม่ฟื้น เราก็ไม่ฟื้นตัว
แบบนี้เศรษฐศาสตร์ชาวบ้านบอกว่านี่คือการ “เผาจริง” ยืดเยื้อยาวอาจลากไปถึงปีหน้าโน่น ดูสภาพแล้วมนุษย์เงินเดือนภาคราชการและรัฐวิสาหกิจจะประคองตัวไปได้ ส่วนพนักงานภาคเอกชนเริ่มไม่แน่นอน อาจถูกเลิกจ้างได้
ใครโชคร้ายตกงาน ไม่มีความรู้ ความสามารถพิเศษ จะหางานใหม่ได้ยาก เงินชดเชยคงช่วยอยู่ได้สักระยะหนึ่ง จะคิดทำมาค้าขายรายย่อย ต้องแหวกตลาด เรียกลูกค้าได้จริงๆ ต้องแข่งกับเครือข่ายพวกร้านสะดวกโกยด้วย
ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน เพราะไม่มั่นใจทิศทางของเศรษฐกิจโลก ช่วงนี้ต้องรัดเข็มขัด ประคองตัวเองให้อยู่ได้ ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นต้องตัดทิ้ง
เหตุผลประการหนึ่งคงอยากรู้ว่ารัฐบาลคุณท่านจะเอาอย่างไรกับการปรับคณะรัฐมนตรีด้วย จะมีปรับมั้ย ปรับใหญ่หรือปรับย่อย ทีมเศรษฐกิจปรับด้วยหรือไม่ และใครจะมา มีฝีมือน่าเชื่อถือหรือดูแล้วฝากความหวังไม่ได้
การปรับช้า รอให้ครบ 1 ปี เท่ากับการเสียเวลา ทุกวันนี้เกิดปัญหาด้านความเชื่อมั่นและลามไปถึงวิกฤตศรัทธา เพียงแต่กลุ่มคุณท่านยังไม่ยอมรับ อ้างว่าทำงานเต็มที่แล้ว ปัญหาเก่าเรื้อรังต้องใช้เวลา แต่เชื่อว่ายัง “เอาอยู่”
เรื่องความเชื่อมั่นหรือวิกฤตศรัทธานี่แหละ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการค้าการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งภาคราชการซึ่งข้าราชการจงรักภักดีกับนายคนเดิมยังใช้วิธี “เกียร์ว่าง” แบบมีเหตุ นั่นคือใช้การประชุมเลี่ยงงาน
รอวันเลือกตั้ง ให้เครือข่ายนายเหลี่ยมกลับมาทวงคืนอำนาจ ข้าราชการหาเรื่องประชุมต่อเนื่อง แต่ไม่มีผลงานให้เห็นชัด บางกระทรวงมีงบประมาณค้างท่อมหาศาล เม็ดเงินไปไม่ถึงปลายทาง งานไม่เดิน เงินก็ไม่สะพัดติดขัด
กระตุ้นเท่าไหร่ก็ไม่ทำงาน ไม่รู้สึกกลัวอำนาจ เพราะคุณท่านย้ำว่าจะยังเดินหน้าตามโรดแหม็บๆ ข้าราชการกบดานรอวันพวกคุณเหลี่ยมเถลิงอำนาจ
ทุกวันนี้เครือข่ายคุณเหลี่ยมผลัดกันใช้น้ำลายกัดกร่อนเก้าอี้คุณท่านจนรู้สึกได้ว่าพิษร้ายของน้ำลายเริ่มส่งผลน่าห่วง เพราะการไม่ใช้อำนาจจัดการ ปล่อยให้พวกนี้ได้ใจ มีตัวช่วยแฝงอยู่ในเครือข่ายคุณท่านอ้างการปรองดอง
ด้วยเหตุนี้ มาตรการต่างๆ จึงถูกดองยาว เช่นการถอดยศคุณเหลี่ยม ซึ่งท่าน “ซอมยอส ณ กาสิโน” บอกว่าไม่รีบร้อน ว่าไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แบบนี้คุณท่านไม่ถูกทำให้มีสภาพย่ำแย่ ก็เก่งเกินไปแล้ว
มีอำนาจแล้วไม่ใช้อำนาจ มีแต่เสียงคำราม ทำให้กระบองกลายเป็นสากกะเบือ ไร้ความน่ากลัว พวกขบวนการนกกรงหัวจุก หัวเถิก หัวล้าน จึงเริงร่า มั่นใจว่าพวกตัวเองรวมทั้งแม่นางเก็บเห็ดไม่มีภัยร้ายมาแผ้วพานแน่นอน
คุณท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทุกวันนี้พวกไอ้ตัวร้ายไม่กลัวอำนาจคุณท่านแล้ว เพราะกว่า 1 ปีผ่านไปยังไม่มีใครเผชิญกับแรงกดดันจนเคลื่อนไหวไม่ได้ เว้นแต่พวกที่โดนอายัดทรัพย์สิน แต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกขบวนการนกกรงหัวจุกแดงเริ่มเสียงดังให้ชาวบ้านได้รู้สึกว่าอีกไม่นาน การเลือกตั้งเกิดเมื่อไหร่ ขบวนการคุณเหลี่ยมกลับมาเป็นใหญ่ จะเช็กบิลย้อนหลังพวกที่เคยเอาตัวไปกักในค่ายทหาร
เริ่มมีเสียงเปรียบเทียบกับการ “เสียของ” ยุครุ่นพี่กับยุคปัจจุบันว่าใครเสียหายมากกว่า อันที่จริงก็เป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่หัวหน้ารุ่นก่อนเล่นงานตัวพี่ชาย ทำเอาถูกยึดทรัพย์จนไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่รุ่นปัจจุบันเล่นงานน้องสาว
แต่แม่นางนักเพาะเห็ดยังไม่มีอะไรหนักใจ แม้รัฐบาลแม่นางได้ทำความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมากกว่า 9 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ของประเทศไทย นอกจากไม่ทวงคืนแล้ว ยังให้ชาวบ้านจ่ายแทน
จากนี้ไปคุณท่านน่าจะต้องเผชิญกับการลองของ ท้าทายอำนาจ วันก่อนลูกเขยเศรษฐีเครือข่ายเจ้าสัวออกมาหยามแบบไม่เกรงใจ ใช้คำเชิงขับไล่ อ้างว่าเป็นตัวปัญหาเศรษฐกิจ ต่างชาติไม่คบหาสมาคม และคงมีอีกหลายชุด
คนมีอำนาจ คนรวย จะหยุดรักชาติ จะมุ่งแต่รักษาอำนาจและรักตัวเอง