xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"นัดสื่อทานข้าว ย้ำไม่เป็นนายกฯอีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"ตั้งโต๊ะกินข้าวกับสื่อมวลชน เผยยังงอนอยู่ แต่ยังไงก็ต้องพูดคุยกัน ยอมรับเป็นคนใจร้อน พร้อมขอบคุณสื่อ ลงข่าวตามข้อเท็จจริง วอนอย่าเปิดพื้นที่ให้พวกต่อต้านมาก ส่วนสื่อนอก หากอยากพบตอนไปประชุมยูเอ็น ให้ทำเรื่องมา แต่จะมีเวลาหรือไม่ค่อยว่ากัน ระบุอยากให้ประเทศสงบ ย้ำไม่เป็นนายกฯ แล้ว นายกฯ คนนอก ก็ไม่เอา ย้ำชื่อประธาน กรธ. ยังไม่มี แต่จะเดินตามโรดแมป ก.ค.60 เลือกตั้ง บ่นถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ยังคิดไม่ออกจะทำยังไงต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้พูดคุยและสัมภาษณ์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 หลังเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

สำหรับอาหารกลางวันในครั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้จัดเตรียมข้าวเหนียว ไก่ย่างเขาสวนกวาง ข้าวขาหมูตรอกซุง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟวัดแขก ขนมจีนแกงเขียวหวานปลากรายป้าน้อย ถนนดินสอ ลอดช่องวัดเจษ ไอศกรีมมหาชัย ผลไม้ เป็นต้น

ระหว่างรับประทานอาหาร นายกฯ ได้เล่าเรื่องให้ฟังว่า เป็นคนทานอะไรง่าย ตอนเด็กพ่อสอนให้ทำทุกอย่าง ถ้าพ่อไม่ดุ เสียคนไปแล้ว แต่วันนี้มีคนดูแลให้ จะได้มีแรงมาทำงานให้ประเทศ พร้อมพูดถึงเรื่องลูก โดยบอกว่า มีตีบ้าง ทำผิดก็ตี แต่ตอนนี้โตแล้ว ไม่ตี พร้อมระบุว่า ขนาดลูกยังไม่คิดเหมือนเรา คนอื่นจะคิดแบบเราคงไม่ได้ และขอให้ร่วมมือในการแก้ไขปัญหา

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวต่อว่า วันนี้เกือบจะไม่ได้ลงมาร่วมทานอาหารด้วยแล้ว เพราะยังรู้สึกงอนๆ อยู่ แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก ถ้าไม่ได้พูด ไม่เห็นหน้ากัน ก็คิดถึง เรามันคู่กัน ต่างคนต่างขาดกันไม่ได้ ถ้าไม่ได้พูดหรือโต้เถียงกันก็ปวดท้อง แต่ถ้าให้โมโหมากๆ เส้นโลหิตในสมองก็แตก แต่โชคดีที่คนข้างๆ ตน ทั้งท่านสมคิด พล.อ.สุรศักดิ์ และพล.อ.วิลาส อรุณศรี เป็นคนใจเย็น มีตนใจร้อนอยู่คนเดียว

เมื่อถามว่า เวลานายกฯ ใจร้อน และเผลอหลุดคำพูดต่างๆ ออกมา ภริยาดุ หรือตำหนิบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า "ผมดุก่อน แต่พอเขาดุมา ผมก็สู้ไม่ได้ เขาเป็นอาจารย์ ผมเป็นลูกศิษย์ พอเวลาภรรยาผมดุ ผมก็เงียบ"

ผู้สื่อข่าวชายจึงกระเซ้าว่า เจอแล้วคนที่นายกฯ กลัวที่สุดในประเทศ ทำให้นายกฯ หันย้อนถามกลับว่า แล้วไม่กลัวหรือ ต้องเกรงใจด้วยนะ คือในบ้านมันควรจะไม่มีอะไร โมโหก็ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งวันนี้เราโมโหอะไรไม่ได้เลย พอเข้าบ้านเราอยากให้บ้านเราสงบสุขสบายใจ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนว่า ต้องขอบคุณทุกคนที่เสนอข่าวและลงความเห็นของตนเกือบทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เพราะไม่เช่นนั้น คนเพียงไม่กี่คนก็มาสร้างความวุ่นวาย ซึ่งตนก็รู้สึกเบื่อหน่าย ยิ่งสื่อไปเปิดพื้นที่ให้คนเหล่านี้ ประชาชนก็จะเกิดความเข้าใจผิด และตั้งแต่ช่วงที่ตนเข้ามาทำงานเป็นนายกฯ ทำให้หนังสือพิมพ์ขายดีกว่าช่วงอื่นๆ เพราะคนชอบอ่านสิ่งที่พวกสื่อนำเสนอ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในงานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ในวันที่ 23 ก.ย.-1 ต.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีการไปพบสื่อต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า เขาจะมาพบตนหรือไม่ ถ้าพบได้ ก็จะพบ ให้เขาทำเรื่องมาซิ ถ้าพบก็พบ แต่ไม่รู้จะมีเวลาหรือเปล่า ตนไม่เคยกลัวนักข่าวอยู่แล้ว ส่วนหัวข้อที่จะไปพูดที่การประชุมยูเอ็นนั้น เขามีให้มา 4-5 ข้อ แต่ตนได้เลือก 2 หัวข้อ ที่ตรงกับของเรา คือ เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน และความยั่งยืน

เมื่อถามว่า เรื่องการเดินหน้าตามโรดแมปของเรา จะมีการพูดให้ประชาคมโลกฟังในเวทียูเอ็นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้อยู่ในวาระ จะพูดได้อย่างไรเล่า จะพูด 2-3 ประโยค ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในวาระ ซึ่งเราก็พูดเพียงแค่ว่า เราทำเต็มที่ในการขับเคลื่อนประเทศไทย ให้ไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ทำไมต้องไปอธิบายให้เขาเยอะ ทำไมต้องไปอธิบายเดือนไหน ปีไหน เมื่อไร มันได้ก็ได้ ตนไม่ได้อยากจะครองอำนาจอะไรนักหนา วันนี้ไปดูว่ามีอะไรดีขึ้นมาบ้าง อย่าไปทบทวนว่าตนมาอย่างไร

"ผมมาทำให้ใครเล่า เพื่อนผมก็มาลำบากกับผมด้วย รัฐมนตรีทุกคน เขาก็ไม่ได้มาขอผมเป็นซักคน ผมเป็นคนเลือกเขาเอง ไม่มีใครมาวิ่งเต้นกับผม ผมก็ดูว่าใครดี ก็ไปเชิญเขามา ที่ผ่านมาชุดที่แล้วเขาก็ทำในเรื่องแก้ปัญหาเดิม ออกกฎหมาย ก็ว่าไป แต่วันนี้จะมาลงในรายละเอียด ดูในเรื่องเล็กๆ และเรื่องใหญ่ไปด้วย ที่ผ่านมาปัญหามันเยอะ วันนี้ก็ยังเยอะอยู่ ลงไปจับข้างล่างก็เยอะกว่าเดิมอีก"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้ระบุอีกว่า อยากทำให้ประเทศไทยมีจุดยืนในเวทีโลก เป็นเมืองแห่งการเจริญเติบโต ไม่ใช่ประเทศที่มีแต่ความขัดแย้ง อยากให้บ้านเมืองสงบสุข กลับไปนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ แต่วันนี้ ดูทีวีไป เขียนงานไป เพราะกลัวลืม กลัวไม่ทันเวลา เร่งทำงานให้เสร็จ ไม่ใช่อยากอยู่ในอำนาจนานๆ หากอยากอยู่นาน ก็ทำไปเรื่อยๆ ทำติ๊งต๊องไปเรื่อยๆ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องสั่งมาก

นายกฯ ยังได้ชี้แจงถึงการแต่งตั้ง เลขาฯ สมช. ว่า ในเรื่องของ รองเลขาฯ สมช. ตนก็ได้ดูแล เรื่องก็จบแล้ว เราต้องอย่าสอนให้คนมุ่งหวังแต่อำนาจ เพราะพอมีอำนาจทุกคนก็จะสั่งนู้น สั่งนี่ คนไทยส่วนใหญ่อยากมีอำนาจ แล้วก็ใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูกต้อง ใช้ไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ เลยทำให้เกิดไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ "อยากให้คนไทยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ ถ้าเชื่อใจให้ผมทำ ก็ได้ทำงานของผม แต่ถ้าไม่เชื่อใจกันก็เปล่าประโยชน์ มีปัญหาไปหมด วันนี้อย่าไปแยก เว้นแต่เขาจะแยกตัวออกไป มีแต่เขามาแตะผมก่อน ผมบอกผมไม่ทะเลาะกับใคร ก็ยังพยายามมาเล่นงานผมอยู่ได้ทุกวัน อาจารย์สมคิด ก็บอกผมว่าอย่าไปสนใจเลยครับ พอไม่สนใจก็เลยมาโมโหสื่อแทน แต่ผมก็รู้ ต้องให้กำลังใจกัน ทิ้งกันไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีช่วงไหนหนังสือพิมพ์จะขายดีเท่ากับตอนผมอยู่ ส่วนหนังสือพิมพ์ไหนชอบมากๆ ก็อ่านก่อน ชอบน้อย ก็อ่านทีหลัง ผมอ่านทุกคอลัมน์ รู้หมดใครเขียนอะไร คิดอย่างไร มีทั้งสองข้าง ไอ้สะเก็ดไฟตัวดี" นายกฯ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไปจีบนายสมคิดอย่างไรจึงยอมมาร่วมงานด้วย นายกฯ กล่าวว่า ไปบอกท่านว่ามาทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อตน หรือ คสช. ก่อนที่ตนจะสร้างความไว้วางใจกับประชาชน ก็ต้องสร้างความไว้วางใจกับพี่ๆ ที่มาร่วมงานก่อน อธิบายให้ฟังว่า เข้ามาเพื่ออะไร จำเป็นต้องมีทหารอยู่ เพื่ออะไร เพราะบางกระทรวงต้องเร่งงาน วันนี้จึงต้องปรับวิถีการทำงานของข้าราช ให้บูรณาการมากขึ้น เห็นได้ว่า กระทรวงหลักๆ ต้องให้ทหารลงไป ส่วนกระทรวงที่ต้องเร่งรัดด้านเศรษฐกิจ ก็ต้องให้อาจารย์สมคิดไปดูแล

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวหันไปสอบถามนายสมคิดว่า กังวลหรือไม่ที่เข้ามาในช่วงนี้ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเข้ามาทำเพื่อประเทศชาติ และเพื่อนายกฯ

เมื่อถามถึงกรณีการปล่อยตัวกลุ่มนักการเมือง หลัง คสช. เรียกควบคุมตัวไปปรับทัศนคติ นายกฯ กล่าวว่า หลังจากนี้สัญญาอะไรก็ต้องทำตามสัญญากันบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่าระยะกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ยังมีงานอะไรที่ติดขัดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการที่ให้คนกล้าใช้เงิน ก็อยู่ที่สื่ออย่าเขียนให้สร้างความเสียหาย โจมตีให้เศรษฐกิจตกต่ำ สื่อสารกันแบบนี้ทุกวัน คนจนก็ยิ่งไม่กล้าใช้ คนกลางๆ ก็ไม่กล้าใช้ไปด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 20 เดือน คนจะเบื่อนายกฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องมาเบื่อตน เพราะทุกวันนี้ ก็เบื่อตัวเองอยู่แล้ว บอกแล้วว่าอยู่มากอยู่น้อยก็แล้วแต่ แต่ถามว่าวันเวลาที่อยู่วันนี้คุ้มกับที่อยู่หรือไม่ ทุกวันนี้ปัญหาทับซ้อน เราก็พร้อมส่งต่อให้คนในวันหน้า แต่ต้องถามว่าเขาจะทำหรือไม่

เมื่อถามว่าถ้าได้นักการเมืองหน้าเดิมกลับมาจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะให้ทำอย่างไร อำนาจเป็นของทุกคนในการเลือกตั้ง

เมื่อถามย้ำว่า ทหารจะเข้ามาอีกในอนาคตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีแล้ว เพราะสถานการณ์เปลี่ยน โลกล้อมประเทศอยู่ ใครจะเข้ามาก็ต้องพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากเกิดสถานการณ์เหมือนเดิมอีก ก็ไม่เกี่ยว กลับบ้านแล้ว เรื่องทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกคน ไม่ต้องมากลัวนายกฯ คนนอก ตนไม่เป็นแน่นอน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเลื่อนระยะเวลาโรดแมป 6-4, 6-4 ว่า เป็นสิ่งที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ประเมินให้ฟังในฐานะนักกฎหมาย ตนไม่สามารถพูดแทนได้ เมื่อนักกฎหมายประเมินมาว่า ลดได้แค่ไหน เราก็บอกไปว่าลดได้ ก็ลด ซึ่งจากที่นายวิษณุบอกมาว่า สามารถลดได้ก็จะเป็นประมาณนี้ จากที่ข่าวออกมา ไม่ใช่ตนไปสั่ง ก็บอกแล้วว่า 20 เดือนก็ 20 เดือน รัฐธรรมนูญประกาศใช้ออกไปได้ก็ 20 เดือน หรือน้อยกว่านั้น แต่ถ้าประเด็นรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ตนคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า ถ้า 20 เดือน ตามโรดแมป จะมีการเลือกตั้งในเดือนก.ค.2560 ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มั้ง จำไม่ได้แล้ว ก็นับไป 20 เดือน เขากำหนดไว้แล้ว เดือนก.ค.2560 ถ้ามันเร็วกว่านั้นได้ ในการตัดทอนแต่ละขั้น ลดไปได้อย่างละครึ่งเดือนบ้าง รวมกันกี่เดือน ตนก็ไม่รู้

เมื่อถามว่าโควตาสัดส่วน สมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนปรับทุกวัน ส่วนชื่อประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตอนนี้ยังไม่มี
กำลังโหลดความคิดเห็น