ASTVผู้จัดการรายวัน - "ตร.- ทหาร" สนธิกำลังเข้าตรวจค้นหอพักสตรีย่าน ม.หอการค้า เขตดินแดง ชุดสืบสวนพบเพื่อนของแม่นักศึกษาเจ้าของห้องพัก มีความเชื่อมโยงกับชายเสื้อฟ้าที่ก่อเหตุบริเวณท่าเรือสาทร ควบคุมผู้เช่าอาศัยเป็นหญิงในห้องจำนวน 3 คนไปสอบปากคำ หลังก่อนหน้านี้ มีชาย 3 คน นำของกลางมาฝาก พร้อมอนุมัติหมายจับอีซานผู้ต้องหาคนที่ 12 ประสานทางการจีนล่า เชื่อมีตัวบงการใหญ่กว่า คสช.แจง พม.สรุปเยียวยาเหยื่อ มอบเงินช่วยแล้ว 73,000 บาท พร้อมส่ง จนท.ลงพื้นที่ช่วยเหลือระยะยาว
วานนี้ (13 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.45 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ ผบก.น.1 พล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก. กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี)
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ทหารร่วมตรวจค้นหอพักสตรีอู๊ด เลขที่ 102/16 แขวง/เขตดินแดง กทม. หลังเมื่อกลางดึกวันที่ 11 ก.ย. เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นแมนชั่น ระหว่างซอยอ่อนนุช 44-46 ท้องที่สน.พระโขนง และว่า หอพักสตรีอู๊ด มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร
ที่เกิดเหตุเป็นหอพักสตรีอู๊ด 4 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 24 ห้อง โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 104 พบกระเป๋าเดินทาง และคอมพิวเตอร์ ก่อนรวบรวมของกลางไปตรวจสอบเพื่อหาดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงว่าตรงกับผู้ที่อยู่ในขบวนการก่อเหตุหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับห้องเลขที่ 104 ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นนั้น มีนักศึกษาสาว 2 คน มาเช่าห้องดังกล่าว ต่อมาแม่ของ 1 ใน 2 นักศึกษาได้ฝากหญิงวัยกลางคน ซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อน มาขอพักอาศัยด้วย ทั้งนี้ จากแนวทางสืบสวนพบว่ามีชาย 3 คน นำของกลางมาฝากที่ห้องดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า บุคคลทั้ง 3 คน น่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามตัว
โดยหลังจากเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ทหารพบหญิงสาวที่เช่าห้องทั้ง 3 ราย จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง และจะดำเนินการติดต่อแม่ของนักศึกษาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นในห้องดังกล่าวพบเพียงของใช้บางส่วน ไม่ได้พบสารตั้งต้นหรือสารประกอบระเบิดแต่อย่างใด
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวภายหลังจากการตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากมีข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนว่า มีบุคคลที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรว่า ซึ่งหลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพบว่า มีบุคคลที่เชื่อว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดไม่ได้พักอาศัยที่นี่ แต่เมื่อ 1 - 2 วันที่ผ่านมา ได้นำของใช้ส่วนตัวบางอย่างมาฝากไว้กับเจ้าของห้องพัก เลขที่ 104 โดยทหารได้ควบคุมตัวหญิงสาวที่เป็นเจ้าของห้องพักจำนวน 3 คน ไปสอบปากคำ เพื่อนำมาสเกตช์ภาพหาบุคคลที่นำของมาฝากไว้ โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าบุคคลที่นำของมาฝากนั้น เคยถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวแล้วหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่า บุคคลดังกล่าวไม่ใช่ น.ส.วรรณา สวนสัน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีการพาดพิงถึงบุคคลใดก็จะออกหมายจับทันที
มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่หอพักดังกล่าว ทราบว่า เพื่อนของแม่นักศึกษาเจ้าของห้องพักเลขที่ 104 มีความเชื่อมโยงกับชายเสื้อฟ้าที่ก่อเหตุบริเวณท่าเรือสาทร โดยการจัดหารถแท็กซี่ไปรับชายเสื้อฟ้าไปส่งที่ท่าเรือสาทร ทั้งนี้ หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้ไปเก็บข้าวของเกี่ยวกับการประกอบระเบิดที่แมนชั่นระหว่างซอย 44 - 46 ในท้องที่ สน.พระโขนง มาซุกซ่อนไว้ในหอพักสตรีอู๊ดอีกด้วย
*** อนุมัติหมายจับอีซาน เชื่อมีตัวบงการใหญ่กว่า
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่าศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับนายอีซานในข้อหามียุทธภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครองตามหลักฐานการสืบพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏชัดเจนว่านายอีซานพักอาศัยอยู่ที่เดียวกันกับนายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและถูกควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้
"เรายังไม่ยืนยันว่านายอีซานเป็นผู้บงการ แต่มีข้อมูลยืนยันว่าเขาอยู่ในห้องที่มียุทธภัณฑ์และอยู่กับนายเมียไรลี ยูซูฟูในช่วงหนึ่ง จึงน่าจะอยู่ในกลุ่มที่ร่วมกันกระทำความผิดเท่านั้น แต่บทบาทว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้บงการนั้นยังไม่ยืนยัน" พล.ต.ท.ประวุม
นายอีซานเป็นผู้ต้องหาคนที่ 12 ที่ถูกออกหมายจับในคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์และสะพานสาทร
พล.ต.ท.ประวุฒิเปิดเผยด้วยว่าจากข้อมูลด้านการข่าว นายอีซานไม่ใช่ผู้บงการในการก่อเหตุตามที่ปรากฏข้อมูลก่อนหน้านี้ เนื่องจากตำรวจและเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พบข้อมูลมีชาวไทยและชาวต่างชาติเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกหลายคน แต่ยืนยันว่านายอีซานเป็นบุคคลหนึ่งที่ร่วมในขบวนการนี้ และเกี่ยวข้องกับขบวนการนำคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ขณะนี้ตำรวจได้ประสานไปยังตำรวจสากลเพื่อให้ช่วยตรวจสอบการเดินทางเข้าออกประเทศต่างๆ รวมทั้งได้ทำหนังสือไปยังทางการจีน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีข้อมูลว่านายอีซานหลบหนีเข้าไปในประเทศจีนแล้ว
***คสช.แจงมอบเงินช่วยแล้ว 73,000 บาท
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (13 ก.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการดำเนินงานของศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.ถึงความคืบหน้ากรณีเหตุลอบวางระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า ขณะนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างดีที่สุดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
ด้าน น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ดูแลงานด้านสังคมในการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหา ตั้งแต่ภายหลังจากที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมฯ ได้ไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย โดยเป็นคนไทย 1 ราย คนญี่ปุ่น 1 ราย และคนจีน 4 ราย ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยไปกำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือ จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือ คุ้มครอง และช่วยยาฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้ศูนย์ปฏิบัติการของพม.ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานต่อพล.ต.อ.อดุลย์ทุกวัน
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือสังคมของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน และจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต รวม 35 ราย พร้อมกับมอบเงินเยียวยาให้รวมเป็นเงิน 73,000 บาท โดยเป็นคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บรายละ 2,000 บาท และที่เสียชีวิต รายละ 5,000 บาท แม้จะเป็นจำนวนเงินที่เล็กน้อย แต่เป็นการเสริมที่ได้รับจากกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดทางสำนักพัฒนาสังคมฯของแต่ละจังหวัดจะลงพื้นที่เยี่ยมเยือนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กลับไปรักษาตัวอยู่ในภูมิลำเนาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและการช่วยเหลือด้านต่างๆในระยะยาวต่อไป.