ASTVผู้จัดการรายวัน- “บิ๊กโย่ง”นั่งหัวโต๊ะถก”กบง.”วันนี้(7 ก.ย.) เคาะราคาขายปลีกแอลพีจีเดือนก.ย.คาดลดตามราคาโลกได้ 0.67-1 บาทต่อกก. ขณะที่NGV รอเคาะทางเลือกขึ้นหรือไม่และจะใช้แนวทางใดหากขึ้นคาดทยอยปรับ 0.50บาทต่อกก. พร้อมใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯทำราคาโซฮอล์91ให้ต่างจาก95เพียง25สต./ลิตรปูทางยกเลิกขายโซฮอล์91 ขณะที่FPTและSCกรุ๊ปยื่นเสนอทำท่อน้ำมันไปเหนือและอีสาน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีพล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาเป็นประธานจะมีการพิจารณาวาระสำคัญว่าด้วยการกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) เดือนก.ย. ซึ่งที่ประชุมจะเสนอให้พิจารณาปรับลดราคาลง0.67-1.00 บาทกิโลกรัม(กก.)ตามทิศทางราคาLPGตลาดโลกที่ปรับลดลง52เหรียญสหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่327เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งหากกบง.พิจารณาปรับลด 0.67 บาทต่อกก.จะทำให้LPGครัวเรือนถัง15กก.ลดลง10บาทต่อถังหากลด1บาทต่อกก.จะลดลง15 บาทต่อถังโดยปัจจุบันLPGขายปลีกอยู่ที่ 22.96บาทต่อก ก.
นอกจากนี้จะเสนอที่ประชุมถึงแนวทางปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริงอยู่ระหว่าง14-15บาทต่อกก.แต่ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 13 บาทต่อกก. ส่วนรถโดยสารสาธารณะใช้ในราคา 10บาทต่อกก.โดยให้บมจ.ปตท.ดูแลดังนั้นจึงต้องปรับขึ้น0.50-1บาทต่อกก.เพื่อให้สะท้อนต้นทุนซึ่งมีการเสนอทางเลือกหลายทางเช่น ขึ้นทั้งรถส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะหรือขึ้นเฉพาะรถส่วนบุคคลเท่านั้น เป็นต้น
พร้อมกันนี้ที่ประชุมจะมีการเสนอให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ให้ใกล้เคียงกันโดยจะเสนอให้ปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯให้เท่ากันมาอยู่ที่ 0.01 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน แก๊สโซฮอล์95เก็บอยู่0.45บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอลล์91 ชดเชยอยู่0.05บาทต่อลิตรซึ่งจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์91ถูกกว่าเพียง0.25บาทต่อลิตรจากเดิมมีราคาถูกกว่า 0.50 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้ใช้แก๊สโซฮอล์95และเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์91ในที่สุดเพื่อทำให้หัวจ่ายน้ำมันในส่วนของ E10เหลือชนิดเดียวเพื่อที่จะมีการนำหัวจ่ายไปขาย E 20และ E85เพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทดแทน
*** เอกชน2รายสนลงทุนท่อน้ำมันเหนือ-อีสาน
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการ2 ราย ที่แสดงความสนใจลงทุนโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อโดยบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัดหรือ FPT สนใจวางท่อไปยังภาคเหนือบางปะอิน-กำแพงเพชร-พิษณุโลก- ลำพูนหรือลำปาง เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่วน กลุ่ม เอสซี
กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ของประเทศกำหนดที่จะขอพบสัปดาห์นี้ซึ่งสนใจวางท่อไปยังภาค จากสระบุรี-นคราชสีมา -ขอนแก่น ซึ่งน่าจะไปรองรับกับธุรกิจขนส่งสินค้าที่ดำเนินการอยู่ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งกรมฯจะสรุปให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ในรัฐบาลชุดนี้
*** น้ำมันโลกดิ่งไทยควักจ่ายลดลงกว่า2.2แสนลบ.
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) แจ้งว่า ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.58) อยู่ที่ 30,011 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 141.6 ล้านลิตร หรือ 890,656 บาร์เรล/วัน คิดเป็น มูลค่าการนำเข้ารวม 372,436 ล้านบาท โดยปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,755 ล้านลิตร คิดเป็น 14.3% ส่วน มูลค่าการนำเข้าลดลง222,596 ล้านบาท คิดเป็น
37.4%เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ที่ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับการใช้น้ำมันภายในประเทศ 7 เดือนแรก มีปริมาณ 30,370 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 143.3 ล้านลิตร หรือ 901,349 บาร์เรล/วัน คิดเป็น 83.4% ของปริมาณ น้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ภายในประเทศ การจำหน่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนวันละ 2.1 ล้านลิตร หรื 1.4 % โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันอากาศยานกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันก๊าด เมื่อแยกประเภทน้ำมันพบว่า การจำหน่ายน้ำมันกลุ่มเบนซินอยู่ที่ 5,532 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 14.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยหลักมาจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นและน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามทิศทางตลาดโลกทำให้คนหันมาใช้รถส่วนตัวมากขึ้น โดยกลุ่มเบนซินการใช้แยกเป็น แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 2,325 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 14.5% แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 1,827 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 16.3% E20 อยู่ที่ 853 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 14.5% E 85อยู่ที่ 187.7 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 11.9% เบนซิน91อยู่ที่ 44.6 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 23.6% ขณะที่ดีเซลการจำหน่ายอยู่ที่ 12,904 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนยอดการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 3,355 ล้านกิโลกรัม(กก.) ลดลง 12% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV อยู่ที่ 1,844 ล้านกก.ลดลง 1.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนปัจจัยหลักมาจากนโยบายการปรับโครงสร้างราคา LPGให้สะท้อนกลไกตลาดโลกช่วงที่ผ่านมาทำให้ราคาLPGเริ่มสูงขึ้นขณะที่ NGV การใช้ภาคขนส่งลดลงเพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีพล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาเป็นประธานจะมีการพิจารณาวาระสำคัญว่าด้วยการกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) เดือนก.ย. ซึ่งที่ประชุมจะเสนอให้พิจารณาปรับลดราคาลง0.67-1.00 บาทกิโลกรัม(กก.)ตามทิศทางราคาLPGตลาดโลกที่ปรับลดลง52เหรียญสหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่327เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งหากกบง.พิจารณาปรับลด 0.67 บาทต่อกก.จะทำให้LPGครัวเรือนถัง15กก.ลดลง10บาทต่อถังหากลด1บาทต่อกก.จะลดลง15 บาทต่อถังโดยปัจจุบันLPGขายปลีกอยู่ที่ 22.96บาทต่อก ก.
นอกจากนี้จะเสนอที่ประชุมถึงแนวทางปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริงอยู่ระหว่าง14-15บาทต่อกก.แต่ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 13 บาทต่อกก. ส่วนรถโดยสารสาธารณะใช้ในราคา 10บาทต่อกก.โดยให้บมจ.ปตท.ดูแลดังนั้นจึงต้องปรับขึ้น0.50-1บาทต่อกก.เพื่อให้สะท้อนต้นทุนซึ่งมีการเสนอทางเลือกหลายทางเช่น ขึ้นทั้งรถส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะหรือขึ้นเฉพาะรถส่วนบุคคลเท่านั้น เป็นต้น
พร้อมกันนี้ที่ประชุมจะมีการเสนอให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ให้ใกล้เคียงกันโดยจะเสนอให้ปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯให้เท่ากันมาอยู่ที่ 0.01 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน แก๊สโซฮอล์95เก็บอยู่0.45บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอลล์91 ชดเชยอยู่0.05บาทต่อลิตรซึ่งจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์91ถูกกว่าเพียง0.25บาทต่อลิตรจากเดิมมีราคาถูกกว่า 0.50 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้ใช้แก๊สโซฮอล์95และเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์91ในที่สุดเพื่อทำให้หัวจ่ายน้ำมันในส่วนของ E10เหลือชนิดเดียวเพื่อที่จะมีการนำหัวจ่ายไปขาย E 20และ E85เพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทดแทน
*** เอกชน2รายสนลงทุนท่อน้ำมันเหนือ-อีสาน
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการ2 ราย ที่แสดงความสนใจลงทุนโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อโดยบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัดหรือ FPT สนใจวางท่อไปยังภาคเหนือบางปะอิน-กำแพงเพชร-พิษณุโลก- ลำพูนหรือลำปาง เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่วน กลุ่ม เอสซี
กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ของประเทศกำหนดที่จะขอพบสัปดาห์นี้ซึ่งสนใจวางท่อไปยังภาค จากสระบุรี-นคราชสีมา -ขอนแก่น ซึ่งน่าจะไปรองรับกับธุรกิจขนส่งสินค้าที่ดำเนินการอยู่ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งกรมฯจะสรุปให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ในรัฐบาลชุดนี้
*** น้ำมันโลกดิ่งไทยควักจ่ายลดลงกว่า2.2แสนลบ.
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) แจ้งว่า ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.58) อยู่ที่ 30,011 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 141.6 ล้านลิตร หรือ 890,656 บาร์เรล/วัน คิดเป็น มูลค่าการนำเข้ารวม 372,436 ล้านบาท โดยปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,755 ล้านลิตร คิดเป็น 14.3% ส่วน มูลค่าการนำเข้าลดลง222,596 ล้านบาท คิดเป็น
37.4%เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ที่ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับการใช้น้ำมันภายในประเทศ 7 เดือนแรก มีปริมาณ 30,370 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 143.3 ล้านลิตร หรือ 901,349 บาร์เรล/วัน คิดเป็น 83.4% ของปริมาณ น้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ภายในประเทศ การจำหน่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนวันละ 2.1 ล้านลิตร หรื 1.4 % โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันอากาศยานกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันก๊าด เมื่อแยกประเภทน้ำมันพบว่า การจำหน่ายน้ำมันกลุ่มเบนซินอยู่ที่ 5,532 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 14.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยหลักมาจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นและน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามทิศทางตลาดโลกทำให้คนหันมาใช้รถส่วนตัวมากขึ้น โดยกลุ่มเบนซินการใช้แยกเป็น แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 2,325 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 14.5% แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 1,827 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 16.3% E20 อยู่ที่ 853 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 14.5% E 85อยู่ที่ 187.7 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 11.9% เบนซิน91อยู่ที่ 44.6 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 23.6% ขณะที่ดีเซลการจำหน่ายอยู่ที่ 12,904 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนยอดการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 3,355 ล้านกิโลกรัม(กก.) ลดลง 12% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV อยู่ที่ 1,844 ล้านกก.ลดลง 1.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนปัจจัยหลักมาจากนโยบายการปรับโครงสร้างราคา LPGให้สะท้อนกลไกตลาดโลกช่วงที่ผ่านมาทำให้ราคาLPGเริ่มสูงขึ้นขณะที่ NGV การใช้ภาคขนส่งลดลงเพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว