"ณรงค์ชัย" ลั่นเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ตามกระบวนการ ยันนายกฯตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายเพื่อทำความเข้าใจเป็นหลัก และไม่มีการถอนEHIA พร้อมจัดหนัก! เคาะลดราคาขายปลีกแอลพีจีลง 1 บาทต่อกก.มีผลตั้งแต่ 4 ส.ค.เป็นต้นไป หลังตลาดโลกลงแรงแถมใจดีลดอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯแอลพีจีลงช่วยอีก 0.15 บาทต่อกก. เผยสื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์แซดกรณี “ผู้ว่าฯ แย่เหม็ด” ทำปากเปราะกลางประชุม อัดเละ “เอ็นจีโอ” กลุ่มค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เสนอให้ “ยิงเสียให้หมด”
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 3 ส.ค.ว่า กบง.ได้พิจารณาโครงสร้างราคาแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม) เดือนสิงหาคม 2558 โดยมีมติให้ปรับลดราคาขายปลีกลง 1 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ส่งผลให้ราคาขายปลีกจากเดิม 23.96 บาทต่อกก.เป็น 22.96 บาทต่อกก.มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.เป็นต้นไป
ทั้งนี้การปรับลดราคาดังกล่าวเกิดจากการคำนวณราคาแบบถ่วงน้ำหนักซึ่งเป็นผลจากคำนวณราคารวมทั้งหมด(LPG Pool) เฉลี่ยลดลงจาก 463 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ 432.60 เหรียญฯต่อตันคิดเป็นการลดลงจาก 15.67 บาทต่อกก.เหลือ 14.89 บาทต่อกก. หรือปรับลดลงประมาณ 0.79 บาทต่อกก.(ไม่รวมภาษีฯ )
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การปรับลดราคาขายปลีกเป็นตัวเลขที่ง่ายขึ้นจึงได้พิจารณาลดอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของแอลพีจีลง 0.15 บาทต่อกก.เพื่อให้ราคาขายปลีกลดลงรวม 1 บาทต่อกก.
"ราคาดังกล่าวเป็นราคาแอลพีจีทั้งครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรม ซึ่งถ้าใช้ถัง 15 กก.ก็จะลดลงถังละ 15 บาททันที ซึ่งราคานี้หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ผู้ค้าไม่ลดลง รวมถึงปั๊มแอลพีจีไม่ลดราคาดังกล่าวก็ต้องไปร้องกระทรวงพาณิชย์เพราะแอลพีจีไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม ส่วนแอลพีจีที่ลดราคาแล้วจะให้แม่ค้าลดข้าวแกงด้วยก็เห็นใจเขาเถอะเพราะค่าแรงก็แพงอยู่แล้ว "นายณรงค์ชัยกล่าว
ทั้งนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิล่าสุดอยู่ที่ 42,991 ล้านบาทแยกเป็นเงินกองทุนน้ำมัน 35,175 ล้านบาท และกองทุนฯแอลพีจี 7,816 ล้านบาท ปัจจุบันเงินไหลเข้ากองทุนฯเฉพาะในส่วนของน้ำมันเฉลี่ย 21 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนแอลพีจีผลจากการลดอัตราเงินนำส่งจะทำให้รายรับจากแอลพีจีเข้ากองทุนฯจาก 320 ล้านบาทต่อเดือนเหลือ 267 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตามทิศทางราคาพลังงานยังมีแนวโน้มลดลงหลังจากที่อิหร่านมีทิศทางที่จะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีใครทราบได้ว่าจะลดมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตามอนาคตภาษีสรรพสามิตแอลพีจีที่สุดจะต้องปรับขึ้นซึ่งขณะนี้รอกฏหมายจากกระทรวงการคลังอยู่ดังนั้นกระทรวงพลังงานได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วเพราะขณะนี้แอลพีจีจ่ายภาษีสรรพสามิตต่ำหากเทียบกับผู้ใช้น้ำมันซึ่งหลักการจะต้องจ่ายในอัตราที่ใกล้กัน ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ที่สุดก็จะต้องปรับโครงสร้างราคาให้สะท้อนต้นทุนโดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อใดโดยต้องติดตามราคาตลาดโลกใกล้ชิดซึ่งแม้ว่าขณะนี้จะลดลงแต่ส่วนหนึ่งไทยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ที่เป็นสัญญาระยะยาวซึ่งมีต้นทุนที่แพง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้มีการชดเชยราคาให้กับโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับซื้อน้ำมันจากขยะพลาสติก ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2558 ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2561 และให้มีการทบทวนต้นทุนการผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติกทุกๆ 1 ปี
โดยใช้กลไกประกันราคารับซื้อน้ำมันขยะพลาสติกเฉลี่ยที่ 14.50 บาทต่อลิตร โดยหากโรงกลั่นหรือผู้ค้าน้ำมันรับซื้อน้ำมันขยะพลาสติกจะสามารถได้รับอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ซึ่งมีหลักเกณฑ์การคำนวณ คือ อัตราเงินชดเชย = 14.50 ลบด้วยราคาน้ำมันดิบหรือคิดเป็นอัตราชดเชย 3 บาทต่อลิตร
ยันเดินหน้ากระบี่ไม่มีการถอนEHIA
นายณรงค์ชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย(ไตรภาคี)เพื่อแก้ไขปัญหาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กระบี่ ว่า การจัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในกระบวนการสร้างโรงไฟฟ้าใดๆ แต่เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจไม่ได้เกี่ยวกับกระบวนการอนุมัติใดๆ ทั้งสิ้น เพราะยังมีประชาชนไม่เข้าใจอยู่ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจต่อไปนั่นคือเจตนาของนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ยังคงดำเนินการตามกรอบและหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติ ไม่ได้มีการสั่งให้หยุดจัดทำแต่อย่างใด และการดำเนินงานก็ยังทำควบคู่ไปกับการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน กระบี่ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ตามเดิม โดยหากที่สุดแล้วกระบวนการจัดทำ EHIA ไม่ผ่านความเห็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ก็ไม่สามารถก่อสร้างได้
"กระบวนการเปิดซองประกวดราคาก็เดินคู่ขนานไปกับกระบวนการด้านสิ่งแวดล้อม เพราะจะประกาศผลได้ทั้งเทคนิค ทั้งราคาก็หลายเดือนอยู่ และที่สำคัญถ้าไม่ผ่านสิ่งแวดล้อมก็สร้างไม่ได้อยู่ดี คนที่เขียนว่ากฟผ.ทำผิดกฏหมายช่วยบอกด้วยว่าเขียนไม่เป็นความจริงเลย " นายณรงค์ชัยกล่าว
ออนไลนจวก“ผู้ว่าฯ”ปากเปราะอัดเอ็นจีโอ
เช้าที่ 3 ส.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคใต้จังหวัดหนึ่ง พูดกลางที่ประชุมข้าราชการครูระดับจังหวัดที่ตนเองเป็นประธานทำนองว่า “ถ้าจะให้รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้ได้สำเร็จ โดยเฉพาะกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินด้วยแล้ว ต้องจับเอ็นจีโอ(นักพัฒนาภาคเอกชน) ที่นำชาวบ้านคักค้านไปยิงให้ตายเสียให้หมด แล้วปัญหาก็จะจบได้”
ผู้สื่อข่าวได้พยายามตรวจสอบข้อมูล พบว่ามีคำพูดในทำนองนั้นเกิดขึ้นจริง ซึ่งข้าราชการครูคนหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมด้วยยืนยันว่าที่ผู้ว่าฯคนนั้นกล่าวถึงการแก้ปัญหาด้วยการยิงเอ็นจีโอให้หมด บรรดาครูที่เข้าร่วมประชุมต่างส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ภายหลังเสียงหัวเราะซาลง มองไปรอบๆก็เห็นครูจำนวนมากที่นั่งอยู่ในห้องประชุมต่างรู้สึกตกใจกับท่าทีของผู้ว่าฯ เข้าใจว่าคงไม่คิดว่าข้าราชการระดับสูงสุดของจังหวัด จะแสดงออกต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ จริงอยู่ในห้องประชุมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่คนระดับผู้ว่าฯประกาศข่มขู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ ว่าจะใช้ความรุนแรงจัดการแก้ปัญหากลุ่มคนเห็นต่าง ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะความเป็นผู้บริหารระดับสูงอย่างเห็นได้ชัด
เจอตั้งฉายาตามสำสบถที่ชอบพูดทุกเวที
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน สื่อสังคมออนไลน์ก็เพิ่งจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูถึงเวทีการประชุมชี้แจงความจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะใน อ.เหนือคลอง จ.กะบี่ และที่อเทพา จ.สงขลา ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงทุนควักเงินสนับสนุนจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ปรากฏว่าผู้ว่าฯรายนี้ก็ประกาศกลางที่ประชุมทำนองว่า “พวกเอ็นจีโอมที่ออกมาค้าน เดี๋ยวจะให้คนไปตัดไฟฟ้าตามบ้านพวกนี้สัก 2-3 วัน แล้วมาดูกันสิว่าคนพวกนี้จะมีชีวิตอยู่กันได้ไหม”
คุยโวเพื่อนรุ่น”ตู่”นวลนรดิศคอนเน็กชัน
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯคนนี้เป็นที่รับรู้และร่ำลือกันในบรรดาข้าราชการ นักธุรกิจ และภาคประชาชนที่เคยได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่จังหวัดจัดขึ้นอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในเวทีการหารือ หรือแม้แต่งานเลี้ยงก็ตาม ผู้ว่าฯคนนี้มักมักจะหลุดคำพูดหยาบคายให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ และแทบจะทุกครั้งจะต้องมีคำสบถคำหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งเวลานี้บรรดาสื่อสังคมออนไลน์ได้นำกลับมาผวน และใช้ตั้งเป็นฉายาให้กับผู้พูดไปแล้วอย่างเป็นที่เข้าใจกัน คือ “ผู้ว่าฯ แย่เหม็ด” ซึ่งมีความหมายอย่างที่เข้าใจได้ในภาษาใต้
นอกจากนี้แล้ว ผู้ว่าฯคนนี้มักจะพูดแทบจะทุกเวทีเพื่อให้คนอื่นๆ ได้ยินในทำนองว่า แม้ตนเองจะเกษียณหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ก็ถือเป็นเพื่อนร่วมรุนในสมัยที่เรียนระดับมัธยมมาด้วยกัน โดยเฉพาะที่มักจะถูกหยิบยกมาอ้างบ้อยครั้ง คือ “วัดนวลนรดิศคอนเน็กชัน”
