เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (19 ส.ค.) ที่ ห้อง 107 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โครงการรัฐศาสตร์เสวนา ภาควิชาการปกครอง จัดงานเสวนาเนื่องในโอกาสวันสถาปนาคณะรัฐศาสตร์ ครบรอบ 67 ปี หัวข้อ "ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป คณะปฏิรูปการเมืองไทย" โดยมีตัวแทนจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้แก่ นายจรัส สุวรรณมาลา และ นายบัณฑูรย์ เศรษฐศิโรตม์ ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะกับอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง ได้แก่ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง และ นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี
เริ่มจาก นางสิริพรรณ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในช่วงแก้ไข จึงต้องเป็นความลับ ทั้งที่ก็รับทราบว่าประชาชนกระหายใคร่รู้อย่างมาก ท่ามกลางสถานการณ์พิเศษนี้ ส่วนรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ในทางรัฐศาสตร์แล้ว การมีรัฐบาลร่วมขนาดใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่การที่ กมธ.ยกร่างฯ อ้างว่า จะนำมาใช้กับสังคมไทย ถามว่าหากทำประชามติแล้วประชาชนเห็นชอบกับรัฐบาลปรองดอง 16 ล้านเสียงให้มีรัฐบาลปรองดอง แต่หากพรรคใหญ่ 2 พรรค ที่มีฐานเสียง 10 ล้าน และ 8 ล้านเสียง รวม 18 ล้านเสียงไม่เอาด้วย หลังจากการเลือกตั้งจะทำอย่างไร หรือ หาก 2 พรรคใหญ่เอาด้วย พรรคคะแนนเสียงอันดับ 1 หรือ อันดับ 2 จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ใช่หรือไม่
นางสิริพรรณ กล่าวว่า ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่มีอำนาจหน้าที่สูงมาก ทั้งทางด้านบริหาร นิติบัญญัติ ตลอดจนมีอำนาจทางการคลัง โดยอ้างว่าให้ใช้ในสภาวะการณ์ไม่ปกตินั้น ก็ทำให้สังคมเห็นว่า เป็นรัฐบาลซ้อนรัฐบาล รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะเหลือความสำคัญแค่ไหน ซึ่งแนวทางนี้จะย้อนไปไกลกว่า ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เมื่อ พ.ศ.2521 คำว่า คณะกรรมการชุดนี้มีไว้เฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงอยากทราบว่า เปลี่ยนผ่านคือแค่ไหน แล้วเมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เข้ามาทำหน้าที่ รัฐบาลจากการเลือกตั้งจะอยู่อย่างไร ทำไมไม่ใช้ระบอบประชาธิปไตยแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา
"ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สร้างการควบคุม มากกว่าการมุ่งเน้นให้มีการตรวจสอบ การร่างรัฐธรรมนูญที่ดี ควรตัดอคติส่วนตัวออกไป เพราะมันจะทำให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมืองได้ การมุ่งเน้นกำจัดคนบางคนบางกลุ่ม ปิดกั้นการเข้าสู่วงการเมือง ก็จะไม่มีใครอยากเข้าสู่พื้นที่การเมือง หากกำหนดมาตราการให้เข้มข้นกันไป" นางสิริพรรณ กล่าว
**อาจารย์จุฬาฯซัดรธน."เสี้ยวใบ"
ขณะที่นายประภาส กล่าวว่า เป็นการร่างรัฐธรรมนูญที่เหมือนกับการเล่นไฮโล ลูกเต๋าอยู่ในถ้วย ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาให้รับทราบ ทั้งยังมีนักเลงคุมบ่อน คอยคุ้มครอง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความเป็นประชาธิปไตยเพียงแค่"เสี้ยวใบ" ยิ่งกว่า "ครึ่งใบ" ในรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2521 ที่มีลักษณะอำนาจดิบ กำหนดให้ นายกฯ มาจากข้าราชการประจำได้ แต่ฉบับนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่ามาก มีการกำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ และผู้มีอำนาจต่างก็ออกมายอมรับมาหน้าตาเฉยว่า รัฐธรรมนูญนี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย
นายประภาส กล่าวว่า เนื้อหาในร่างฯนี้ ยังมีองค์กรที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ยึดโยงกับประชาชนอยู่เยอะแยะไปหมด มีที่มาจากการสรรหา แต่มีอำนาจถอดถอนผู้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็พยายามอธิบายโดยอ้างภาวะ ของความไม่ปกติ จากความขัดแย้งก่อนหน้านี้ ทั้งที่ ความขัดแย้งเหล่านี้ สามารถจัดการได้โดยกระบวนการปกติ ซึ่งการที่เรามาถึงจุดนี้ ก็เพราะเราไม่ยอมรับกติกา ยอมทำเลวแบบไหนก็ได้ เพื่อกำจัดคนเลว
นายประภาส กล่าวอีกว่า กมธ.ยกร่างฯ ที่ต้องการผลักดัน รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ และกรรมการยุทธศาสตร์ฯ กล้าตั้งคำถามประชามติตามตรงว่า เราต้องการรัฐบาลที่ไม่ได้จากการเลือกตั้ง มาเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะการดำเนินการต่างๆ ภายใต้สภาวะที่คนคอยกำกับกันเอง เป็นสังคมของนักเลงแบบนี้ จะเป็นอย่างไร ประชามติ จะกลายเป็นการมัดมือชกหรือไม่ ประชาชนได้รับทราบหรือไม่ว่า คำถามประชามติจะทำให้ปัญหาตามมาอีกมาก
" นี่คือสร้างการเมืองแบบชนชั้นนำ เพิ่มอำนาจผู้ดี ลดอำนาจประชาชน เพิ่มองค์กรขึ้นมาตรวจสอบกำกับมากขึ้นไปอีก เพราะว่า ร่างรัฐธรรมนูญกันในลักษณะมองจากข้างบนลงไปที่คนข้างล่างว่า ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม สร้างปัญหาจากการเลือกตั้ง แทนที่จะมองในลักษณะในการถ่ายโอนอำนาจ มองจากข้างล่างขึ้นข้างบน ด้วยการสร้างความยึดโยงให้มากขึ้น รัฐธรรมนูญ คือ สัมพันธภาพทางอำนาจ รัฐธรรมนูญที่มาจากการยึดอำนาจของทหารก็มีลักษณะสืบทอดอำนาจ ผมไม่แปลกใจที่ร่างรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้" นายประภาส กล่าว
** "จรัส"ยอมรับร่างรธน.ไม่เป็นปชต.
ด้านนายจรัส ชี้แจงว่า สาเหตุที่ กมธ.ยกร่างฯ ต้องมีการประชุมลับในช่วงหลัง เนื่องจากมีบางประเด็นที่เราต้องโต้เถียงกันแรง และมันยังไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ มีเวลาปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญจนถึงวันที่ 20 ส.ค. เป็นวันสุดท้าย โดยเราพร้อมจะรับฟังความคิดเห็น แต่หากจะเสนออะไรยากๆ ให้แก้ก็คงไม่สามารถทำได้แล้ว ส่วนคณะกรรมกการยุทธศาสตร์ เราไม่ได้เขียนให้มารุกรานรัฐบาล หากเกิดวิกฤติขึ้นมา รัฐบาลอาจทำการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้
นายจรัส กล่าวว่า ตัวอย่างจากต่างประเทศทำให้เราเห็นว่า เขาแก้ปัญหาจากไม่สงบด้วยการนำรัฐบาลปรองดองแห่งชาติมาใช้ แต่ด้วยความไม่มั่นใจ จึงเสนอให้เป็นคำถามมประชามติ ซึ่งหากประชาชนเห็นชอบ พรรคการเมืองก็คงต้องพยามจัดตั้งให้ได้ เช่น อาจตกลงกันว่า จะะเป็นนายกฯ กันคนละ 2 ปี ก็ได้ ส่วนนายกฯคนนอกนั้น ถือว่ายาก เพราะะต้องเสียงเยอะ แต่หากตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เลือกตั้งใหม่
"ยอมรับว่ารธน.ไม่เป็นประชาธิปไตย ตามที่คณะรัฐศาสตร์ใช้เรียนกัน แต่เป็นรธน. ดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมืองไปอีก 3-4 ปี จากนั้นเมื่อกลับมาปกติแล้วค่อยมาแก้ไข จึงจำเป็นจะต้องทำประชามติให้เกิดการยอมรับ" นายจรัส ระบุ
ส่วน นายบัณฑูร กล่าวว่า หากไม่มีการกำหนดให้ต้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะไม่มีทางเขียนถึง คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองแห่งชาติ นี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งล่าสุดเราได้ปรับแก้ให้ชัดเจนแล้วว่า กรรมการชุดนี้ห้ามใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นการกำหนดทิศทางใหญ่ของประเทศ สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา
ทั้งนี้ ในการเสวนายังเปิดให้ผู้ร่วมฟังการเสวนาที่เป็นนิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นและซักถาม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ โดยชี้ว่า หากหวังจะให้คณะกรรมการชุดนี้คอยควบคุมกำกับนโยบายเหมือนประเทศจีนนั้น คงนำมาใช้สังคมไทยไม่ได้ เพราะแนวปฏิบัติของจีนนั้น เกิดขึ้นมานานจนได้รับการยอมรับไปแล้ว ส่วนสังคมไทยนั้น เพียงแค่การรัฐประหาร ประชาชนไม่ก็เอาด้วยแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าแนวทางปฏิรูปการเมือง คล้ายกับข้อเสนอของ กปปส. ที่ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปีที่ผ่านมาอีกด้วย
เริ่มจาก นางสิริพรรณ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในช่วงแก้ไข จึงต้องเป็นความลับ ทั้งที่ก็รับทราบว่าประชาชนกระหายใคร่รู้อย่างมาก ท่ามกลางสถานการณ์พิเศษนี้ ส่วนรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ในทางรัฐศาสตร์แล้ว การมีรัฐบาลร่วมขนาดใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่การที่ กมธ.ยกร่างฯ อ้างว่า จะนำมาใช้กับสังคมไทย ถามว่าหากทำประชามติแล้วประชาชนเห็นชอบกับรัฐบาลปรองดอง 16 ล้านเสียงให้มีรัฐบาลปรองดอง แต่หากพรรคใหญ่ 2 พรรค ที่มีฐานเสียง 10 ล้าน และ 8 ล้านเสียง รวม 18 ล้านเสียงไม่เอาด้วย หลังจากการเลือกตั้งจะทำอย่างไร หรือ หาก 2 พรรคใหญ่เอาด้วย พรรคคะแนนเสียงอันดับ 1 หรือ อันดับ 2 จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ใช่หรือไม่
นางสิริพรรณ กล่าวว่า ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่มีอำนาจหน้าที่สูงมาก ทั้งทางด้านบริหาร นิติบัญญัติ ตลอดจนมีอำนาจทางการคลัง โดยอ้างว่าให้ใช้ในสภาวะการณ์ไม่ปกตินั้น ก็ทำให้สังคมเห็นว่า เป็นรัฐบาลซ้อนรัฐบาล รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะเหลือความสำคัญแค่ไหน ซึ่งแนวทางนี้จะย้อนไปไกลกว่า ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เมื่อ พ.ศ.2521 คำว่า คณะกรรมการชุดนี้มีไว้เฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงอยากทราบว่า เปลี่ยนผ่านคือแค่ไหน แล้วเมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เข้ามาทำหน้าที่ รัฐบาลจากการเลือกตั้งจะอยู่อย่างไร ทำไมไม่ใช้ระบอบประชาธิปไตยแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา
"ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สร้างการควบคุม มากกว่าการมุ่งเน้นให้มีการตรวจสอบ การร่างรัฐธรรมนูญที่ดี ควรตัดอคติส่วนตัวออกไป เพราะมันจะทำให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมืองได้ การมุ่งเน้นกำจัดคนบางคนบางกลุ่ม ปิดกั้นการเข้าสู่วงการเมือง ก็จะไม่มีใครอยากเข้าสู่พื้นที่การเมือง หากกำหนดมาตราการให้เข้มข้นกันไป" นางสิริพรรณ กล่าว
**อาจารย์จุฬาฯซัดรธน."เสี้ยวใบ"
ขณะที่นายประภาส กล่าวว่า เป็นการร่างรัฐธรรมนูญที่เหมือนกับการเล่นไฮโล ลูกเต๋าอยู่ในถ้วย ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาให้รับทราบ ทั้งยังมีนักเลงคุมบ่อน คอยคุ้มครอง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความเป็นประชาธิปไตยเพียงแค่"เสี้ยวใบ" ยิ่งกว่า "ครึ่งใบ" ในรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2521 ที่มีลักษณะอำนาจดิบ กำหนดให้ นายกฯ มาจากข้าราชการประจำได้ แต่ฉบับนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่ามาก มีการกำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ และผู้มีอำนาจต่างก็ออกมายอมรับมาหน้าตาเฉยว่า รัฐธรรมนูญนี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย
นายประภาส กล่าวว่า เนื้อหาในร่างฯนี้ ยังมีองค์กรที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ยึดโยงกับประชาชนอยู่เยอะแยะไปหมด มีที่มาจากการสรรหา แต่มีอำนาจถอดถอนผู้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็พยายามอธิบายโดยอ้างภาวะ ของความไม่ปกติ จากความขัดแย้งก่อนหน้านี้ ทั้งที่ ความขัดแย้งเหล่านี้ สามารถจัดการได้โดยกระบวนการปกติ ซึ่งการที่เรามาถึงจุดนี้ ก็เพราะเราไม่ยอมรับกติกา ยอมทำเลวแบบไหนก็ได้ เพื่อกำจัดคนเลว
นายประภาส กล่าวอีกว่า กมธ.ยกร่างฯ ที่ต้องการผลักดัน รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ และกรรมการยุทธศาสตร์ฯ กล้าตั้งคำถามประชามติตามตรงว่า เราต้องการรัฐบาลที่ไม่ได้จากการเลือกตั้ง มาเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะการดำเนินการต่างๆ ภายใต้สภาวะที่คนคอยกำกับกันเอง เป็นสังคมของนักเลงแบบนี้ จะเป็นอย่างไร ประชามติ จะกลายเป็นการมัดมือชกหรือไม่ ประชาชนได้รับทราบหรือไม่ว่า คำถามประชามติจะทำให้ปัญหาตามมาอีกมาก
" นี่คือสร้างการเมืองแบบชนชั้นนำ เพิ่มอำนาจผู้ดี ลดอำนาจประชาชน เพิ่มองค์กรขึ้นมาตรวจสอบกำกับมากขึ้นไปอีก เพราะว่า ร่างรัฐธรรมนูญกันในลักษณะมองจากข้างบนลงไปที่คนข้างล่างว่า ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม สร้างปัญหาจากการเลือกตั้ง แทนที่จะมองในลักษณะในการถ่ายโอนอำนาจ มองจากข้างล่างขึ้นข้างบน ด้วยการสร้างความยึดโยงให้มากขึ้น รัฐธรรมนูญ คือ สัมพันธภาพทางอำนาจ รัฐธรรมนูญที่มาจากการยึดอำนาจของทหารก็มีลักษณะสืบทอดอำนาจ ผมไม่แปลกใจที่ร่างรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้" นายประภาส กล่าว
** "จรัส"ยอมรับร่างรธน.ไม่เป็นปชต.
ด้านนายจรัส ชี้แจงว่า สาเหตุที่ กมธ.ยกร่างฯ ต้องมีการประชุมลับในช่วงหลัง เนื่องจากมีบางประเด็นที่เราต้องโต้เถียงกันแรง และมันยังไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ มีเวลาปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญจนถึงวันที่ 20 ส.ค. เป็นวันสุดท้าย โดยเราพร้อมจะรับฟังความคิดเห็น แต่หากจะเสนออะไรยากๆ ให้แก้ก็คงไม่สามารถทำได้แล้ว ส่วนคณะกรรมกการยุทธศาสตร์ เราไม่ได้เขียนให้มารุกรานรัฐบาล หากเกิดวิกฤติขึ้นมา รัฐบาลอาจทำการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้
นายจรัส กล่าวว่า ตัวอย่างจากต่างประเทศทำให้เราเห็นว่า เขาแก้ปัญหาจากไม่สงบด้วยการนำรัฐบาลปรองดองแห่งชาติมาใช้ แต่ด้วยความไม่มั่นใจ จึงเสนอให้เป็นคำถามมประชามติ ซึ่งหากประชาชนเห็นชอบ พรรคการเมืองก็คงต้องพยามจัดตั้งให้ได้ เช่น อาจตกลงกันว่า จะะเป็นนายกฯ กันคนละ 2 ปี ก็ได้ ส่วนนายกฯคนนอกนั้น ถือว่ายาก เพราะะต้องเสียงเยอะ แต่หากตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เลือกตั้งใหม่
"ยอมรับว่ารธน.ไม่เป็นประชาธิปไตย ตามที่คณะรัฐศาสตร์ใช้เรียนกัน แต่เป็นรธน. ดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมืองไปอีก 3-4 ปี จากนั้นเมื่อกลับมาปกติแล้วค่อยมาแก้ไข จึงจำเป็นจะต้องทำประชามติให้เกิดการยอมรับ" นายจรัส ระบุ
ส่วน นายบัณฑูร กล่าวว่า หากไม่มีการกำหนดให้ต้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะไม่มีทางเขียนถึง คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองแห่งชาติ นี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งล่าสุดเราได้ปรับแก้ให้ชัดเจนแล้วว่า กรรมการชุดนี้ห้ามใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นการกำหนดทิศทางใหญ่ของประเทศ สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา
ทั้งนี้ ในการเสวนายังเปิดให้ผู้ร่วมฟังการเสวนาที่เป็นนิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นและซักถาม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ โดยชี้ว่า หากหวังจะให้คณะกรรมการชุดนี้คอยควบคุมกำกับนโยบายเหมือนประเทศจีนนั้น คงนำมาใช้สังคมไทยไม่ได้ เพราะแนวปฏิบัติของจีนนั้น เกิดขึ้นมานานจนได้รับการยอมรับไปแล้ว ส่วนสังคมไทยนั้น เพียงแค่การรัฐประหาร ประชาชนไม่ก็เอาด้วยแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าแนวทางปฏิรูปการเมือง คล้ายกับข้อเสนอของ กปปส. ที่ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปีที่ผ่านมาอีกด้วย