xs
xsm
sm
md
lg

ยกระดับรปภ.รัฐสภาขั้นสูงสุด สนช.ชี้ปมการเมืองซ้ำรอยบึ้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเช้าวานนี้ (18 ส.ค.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เดินทางมาตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของรัฐสภา เริ่มตั้งแต่จุดเอ็กซเรย์ใต้ท้องรถยนต์ และจุดตรวจอาวุธ บริเวณประตูทางเข้าอาคารรัฐสภา 1 พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่แก้ไขในจุดเอ็กซเรย์ใต้ท้องรถ ที่ยังมีความล่าช้าอยู่ และในจุดตรวจตรงประตูที่ยังมีปัญหาในรายละเอียด
นายสุรชัย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจสอบว่า เพื่อความไม่ประมาท อีกทั้งรัฐสภาเป็นสถานที่เชื่อมโยงโดยตรงกับการปัญหาทางการเมืองของประเทศ จึงได้มีการกำชับให้มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้น ทั้งภายใน และภายนอกรัฐสภา โดยให้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา เต็มอัตรา และให้แก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ให้เสร็จภายใน 1 วัน
เมื่อถามว่า หน่วยข่าวกรองมีการแจ้งเตือนมายังรัฐสภาหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า ยังไม่มี แต่ในฐานะผู้บริหารสภาฯ และได้ปรึกษากับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เห็นตรงกันว่า ต้องให้ระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยของรัฐสภา เป็นระดับสูงสุดทั้งหมด ส่วนเรื่องเวลาการเข้าออก คงจะไปกำหนดอะไรมากไม่ได้ แต่จะสั่งเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ทุกผลัด และเพิ่มความละเอียดในการตรวจสอบ และพฤติกรรมของบุคคลที่อยู่ในสภาด้วย และหลังจากตรวจสอบพื้นที่เสร็จแล้ว จะมีการเรียกผู้บังคับบัญชาการดูแลรักษาความปลอดภัยของทั้งสองสภามาประชุม
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีเหตุจูงใจมาจากการเมืองหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่าคงสรุปอะไรไม่ได้ต้องรอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่า สมาชิก สนช. เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ในวันประชุม สนช. คงจะได้มีการแจ้งความคืบหน้าให้ที่ประชุมทราบข้อมูลมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่บริเวณหน้าอาคารัฐสภา ถนนอู่ทองใน ทางสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภา คุมเข้มมาตรการรักษาความความปลอดภัยในบริเวณรัฐสภาและบริเวณในระดับสูงสุด มีการตรวจบุคคลเข้า–ออก ภายในบริเวณรัฐสภา ตลอดจนตรวจรถยนต์สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สชป.) สปช. สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง
ประจำและผู้มาติดต่องานในรัฐสภา รวมถึงสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด โดยตรวจสอบภายใน และเปิดกระโปรงรถยนต์ทุกคัน รวมถึงภายในอาคารรัฐสภาก็มีการตรวจหาวัตถุต้องสงสัย โดนผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์สำหรับผู้เข้า–ออกภายในรัฐสภาเช่นเดียวกัน
ส่วนการประชุม สปช. จะมีวาระการพิจารณาคำถามประชามติ จำนวน 2 ญัตติ โดยญัตติที่ 1 เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิก สปช.และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กับ นายวรวิทย์ ศรีอนันตรักษา สมาชิก สปช. ที่เสนอว่า "ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการให้มีการปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนเลือกตั้ง" และ ญัตติที่ 2 เสนอโดย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สมาชิก สปช. และกมธ.ยกร่างฯ กับนายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสปช. ที่เสนอว่า“ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กับการมีกลไกป้องกันและขจัดความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยอย่างน้อยใน 4 ปี แรก หลังใช้รัฐธรรมนูญให้มีรัฐบาลปรองดองเพื่อการปฏิรูป ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร คือ 360 คน จาก 450 คน"

**เชื่อประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหตุการเมือง

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช. กล่าวถึง เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุการณ์ดังกล่าวมีความมุ่งหมายทำร้ายประเทศโดยตรง เพื่อทำลายความมั่นคงและความเชื่อมั่นของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณแยกราชประสงค์ เป็นจุดสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เป็นการมุ่งทำลายการท่องเที่ยว ซึ่งผู้ก่อเหตุจะเป็นใครหรือกลุ่มใดนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ตนขอประณามคนทำ และคนที่อยู่เบื้องหลังสั่งการก่อเหตุดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสันนิษฐานในการก่อเหตุ ว่าเป็นเรื่องการเมือง หรือ ก่อการร้ายจากต่างประเทศ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ส่วนตัวให้น้ำหนักในเรื่องการเมือง เพราะประเทศไทย ไม่ได้เป็นเป้าของการก่อการร้าย ซึ่งในอดีตก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดอยู่เสมอ เช่น ในปี พ.ศ. 2550 ก็เกิดเหตุระเบิด 10 จุด ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งมุ่งหวังทำลายความมั่นคงของรัฐบาลชุดพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร ในปี 2549 คิดว่าเหตุการณ์นี้ เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย คนทำเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ยังไม่สามารถชี้ชัดไปถึงได้ แต่มีแนวโน้มที่เบื้องหลังจะเป็นกลุ่มเดียวกัน
**สนช.เตรียมเห็นชอบ 7 กสม.

บ่ายวานนี้ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ พร้อมด้วยนายยุทธนา ทัพเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงภายหลังการประชุม ว่า วาระการประชุมสนช.ในสัปดาห์นี้ จะมีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบ 7 กรรมการสิทธิมนุษยชน หลังคณะกมธ.ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติธรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็น กสม. ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อย และจะมีการนำเสนอรายงานการพิจารณาต่อที่ประชุมในการประชุมวันที่ 20 ส.ค.นี้ ซึ่งการพิจารณาในวาระดังกล่าว จะมีทั้งแบบเปิดเผย และการประชุมลับ ทั้งนี้ ผู้ได้รับเลือกจะต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสนช. ทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีวาระการพิจารณาร่าง กฎหมายที่อีก 2 ฉบับ คือ 1. ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ... กับ 2. ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ... ซึ่งมีสาระในการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น หลังจากที่ส่วนราชการต่างๆ ไม่สามารถเบิกจ่ายงบได้ทันตามกำหนดไปตั้งจ่ายเป็นงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 7,917 พันล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีการโอนงบมากที่สุด คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ
นพ.เจตน์ กล่าวด้วยว่า จากกรณีเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ได้กำชับในที่ประชุมวิป สนช. ให้มีการยกระดับความปลอดภัยภายในอาคารรัฐสภา ในระดับสูงสุด โดยจะมีการสแกนระเบิดรถทุกคันที่เข้าออก และจะอนุญาตให้รถยนต์ของสมาชิกที่มีสติกเกอร์เท่านั้นที่สามารถเข้ามาจอดภายในบริเวณอาคารรัฐสภาได้
กำลังโหลดความคิดเห็น