แม้จะสายไปหน่อย แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย สำหรับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเพิ่งออกคำชี้แจงกระบวนการตรวจสอบการโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่กำลังเป็นข่าวครึกโครม
ข่าวฉาวโฉ่การโอนหุ้นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์เกิดขึ้นเป็นแรมเดือนแล้ว แต่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหน่วยงานที่กำกับตลาดหุ้นกลับเงียบฉี่ จนกระทั่งถูกกระทุ้งถึงความรับผิดชอบ จึงออกโรงมาแถลงขั้นตอนตรวจสอบ
และแถลงการณ์ที่ออกมายังทำให้สาธารณชนสับสนเข้าไปอีก เพราะ ก.ล.ต. ระบุว่า ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจึงเปิดเผยผลสอบสวนการโอนหุ้นได้ ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน
การเบิกหุ้น ถอนหุ้น โอนหุ้น และย้ายหุ้นยาวยืดเป็นขั้นตอนปกติ โดยลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องมีระบบงานภายในที่รัดกุมเพียงพอ เพื่อรักษาประโยชน์ของลูกค้า มีการบันทึกเทปคำสั่งลูกค้า และมีระบบงานภายในตรวจยันอีกชั้นหนึ่ง
นายชูวงษ์เปิดบัญชีไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ก.ล.ต. จึงต้องตรวจสอบความโปร่งใสการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ผ่านโบรกเกอร์แห่งนี้
สอบตั้งแต่เจ้าหน้าที่การตลาดที่ดูแลบัญชีของนายชูวงษ์ ตรวจเทปคำสั่งขายหุ้น ตรวจเอกสารการโอนหุ้น และตรวจสอบระบบงานภายในของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี และควรตรวจสอบทันทีตั้งแต่มีข่าวฉาวโฉ่ โดยไม่ต้องรอใครร้องเรียน
แต่ ก.ล.ต. ปล่อยให้กองปราบปรามเข้ามาสอบสวนไปพักใหญ่ จนใกล้ออกหมายจับผู้ที่ร่วมทำธุรกรรมอำพรางการโอนหุ้นนายชูวงษ์อยู่รอมร่อ ก.ล.ต. จึงเพิ่งตื่น จะตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเขาบ้าง โดยขอเวลาประมาณ 3 เดือน จึงเผยผลสอบได้
ก.ล.ต. อ้างว่า ขั้นตอนการตรวจสอบการโอนหุ้นนายชูวงษ์กับบริษัทโบรกเกอร์ ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม
ไม่รู้ ก.ล.ต. ไปลอกคำพูดพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาหรือเปล่า เพราะการเตะถ่วงถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ใช้ภาษาเดียวกันนี่แหละ “ต้องรอบคอบและรัดกุม”
แต่จะรอบคอบและรัดกุมเพื่อสวรรค์วิมานอะไร ในเมื่อเป็นระเบียบปฏิบัติตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสำนักงาน ก.ล.ต.
เพราะการโอนหุ้นและขายหุ้นนายชูวงษ์ ก.ล.ต. เพียงแต่แจ้งให้บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี ส่งหลักฐานและเอกสารการขอโอน การโอน และหลักฐานคำสั่งขายหุ้นทั้งหมดมาให้เท่านั้น
ถ้า ก.ล.ต. มีข้อสงสัยก็ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ สามารถเชิญเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์มาชี้แจงอีกครั้งในภายหลัง
ถ้าไม่ทำงานประเภทเช้าชามเย็นชาม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับข่าวฉาวโฉ่ที่สังคมกำลังให้ความสนใจ ไม่มีเหตุผลใดต้องใช้เวลาสรุปผลงานสอบสวนถึง 3 เดือน
ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องรอบคอบและรัดกุม จนต้องประดิดประดอยการตรวจสอบ ทำให้สังคมเหยียดหยามการทำงานของ ก.ล.ต. เปล่าๆ
เพราะการตรวจสอบหุ้นปั่น ก.ล.ต. ก็ถูกตั้งคำถามหนักอยู่แล้ว เนื่องจากใช้เวลายาวนานมาก ประมาณ 5 ปีจึงจะกล่าวโทษหุ้นปั่นได้ ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไม ก.ล.ต. จึงต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานนานจนลืม กว่าจะกล่าวโทษหุ้นปั่นสักตัว
และแม้จะเสียเวลารวบรวมหลักฐานหุ้นปั่นหลายปี แต่ยังไม่มีผู้บริหารหุ้นตัวไหนที่ต้องติดคุก เพราะถูก ก.ล.ต. กล่าวหาปั่นหุ้น
ความอืดอาดล่าช้าในการตรวจสอบปั่นหุ้น ทำให้แก๊งปั่นหุ้นไม่เกรงกลัวกฎหมาย มอง ก.ล.ต. เป็นแค่เสือกระดาษ และก้มหน้าก้มตาปั่นหุ้น สูบเงินจากนักลงทุนรายย่อยกันอย่างสนุกสนานจนทุกวันนี้
การตรวจสอบการโอนหุ้นนายชูวงษ์ กำลังตอกย้ำกลไกการตรวจสอบที่ยืดยาดของ ก.ล.ต. เพราะควรใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ก็น่าจะมีบทสรุป และแถลงผลให้สาธารณชนรับทราบ เพราะไม่มีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะถ้า ก.ล.ต. วางกฎระเบียบกำกับดูแลและควบคุมบริษัทโบรกเกอร์ดีอยู่แล้ว โดยสามารถเรียกเอกสารหลักฐานการโอนหุ้นและคำสั่งขายหุ้นจากบริษัทโบรกเกอร์ได้ทันที
ถ้าจะต้องรอ 3 เดือน ผลสอบสวนของ ก.ล.ต. คงไร้ประโยชน์ เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า กองปราบปรามอาจแถลงผลการสอบสวนธุรกรรมอำพรางหุ้นนายชูวงษ์ และออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว
กว่าจะถึง 3 เดือนข้างหน้า กองปราบคงเปิดโปงไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังการฉ้อโกงหุ้นนายชูวงษ์จนหมดเปลือกแล้ว
ก.ล.ต. ไม่รู้สึกอายบ้างหรือ เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหุ้นโดยตรงแท้ๆ แต่ต้องนั่งดูหน่วยงานอื่นทำงานแทน
คดีอำพรางหุ้นนายชูวงษ์ กำลังประจานกลไกตรวจสอบที่ไร้ประสิทธิภาพของ ก.ล.ต. และจะนำไปสู่คำถาม มี ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ไว้ทำไม เพราะฝากผีฝากไข้อะไรไม่ได้สักอย่าง
ข่าวฉาวโฉ่การโอนหุ้นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์เกิดขึ้นเป็นแรมเดือนแล้ว แต่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหน่วยงานที่กำกับตลาดหุ้นกลับเงียบฉี่ จนกระทั่งถูกกระทุ้งถึงความรับผิดชอบ จึงออกโรงมาแถลงขั้นตอนตรวจสอบ
และแถลงการณ์ที่ออกมายังทำให้สาธารณชนสับสนเข้าไปอีก เพราะ ก.ล.ต. ระบุว่า ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจึงเปิดเผยผลสอบสวนการโอนหุ้นได้ ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน
การเบิกหุ้น ถอนหุ้น โอนหุ้น และย้ายหุ้นยาวยืดเป็นขั้นตอนปกติ โดยลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องมีระบบงานภายในที่รัดกุมเพียงพอ เพื่อรักษาประโยชน์ของลูกค้า มีการบันทึกเทปคำสั่งลูกค้า และมีระบบงานภายในตรวจยันอีกชั้นหนึ่ง
นายชูวงษ์เปิดบัญชีไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ก.ล.ต. จึงต้องตรวจสอบความโปร่งใสการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ผ่านโบรกเกอร์แห่งนี้
สอบตั้งแต่เจ้าหน้าที่การตลาดที่ดูแลบัญชีของนายชูวงษ์ ตรวจเทปคำสั่งขายหุ้น ตรวจเอกสารการโอนหุ้น และตรวจสอบระบบงานภายในของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี และควรตรวจสอบทันทีตั้งแต่มีข่าวฉาวโฉ่ โดยไม่ต้องรอใครร้องเรียน
แต่ ก.ล.ต. ปล่อยให้กองปราบปรามเข้ามาสอบสวนไปพักใหญ่ จนใกล้ออกหมายจับผู้ที่ร่วมทำธุรกรรมอำพรางการโอนหุ้นนายชูวงษ์อยู่รอมร่อ ก.ล.ต. จึงเพิ่งตื่น จะตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเขาบ้าง โดยขอเวลาประมาณ 3 เดือน จึงเผยผลสอบได้
ก.ล.ต. อ้างว่า ขั้นตอนการตรวจสอบการโอนหุ้นนายชูวงษ์กับบริษัทโบรกเกอร์ ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม
ไม่รู้ ก.ล.ต. ไปลอกคำพูดพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาหรือเปล่า เพราะการเตะถ่วงถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ใช้ภาษาเดียวกันนี่แหละ “ต้องรอบคอบและรัดกุม”
แต่จะรอบคอบและรัดกุมเพื่อสวรรค์วิมานอะไร ในเมื่อเป็นระเบียบปฏิบัติตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสำนักงาน ก.ล.ต.
เพราะการโอนหุ้นและขายหุ้นนายชูวงษ์ ก.ล.ต. เพียงแต่แจ้งให้บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี ส่งหลักฐานและเอกสารการขอโอน การโอน และหลักฐานคำสั่งขายหุ้นทั้งหมดมาให้เท่านั้น
ถ้า ก.ล.ต. มีข้อสงสัยก็ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ สามารถเชิญเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์มาชี้แจงอีกครั้งในภายหลัง
ถ้าไม่ทำงานประเภทเช้าชามเย็นชาม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับข่าวฉาวโฉ่ที่สังคมกำลังให้ความสนใจ ไม่มีเหตุผลใดต้องใช้เวลาสรุปผลงานสอบสวนถึง 3 เดือน
ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องรอบคอบและรัดกุม จนต้องประดิดประดอยการตรวจสอบ ทำให้สังคมเหยียดหยามการทำงานของ ก.ล.ต. เปล่าๆ
เพราะการตรวจสอบหุ้นปั่น ก.ล.ต. ก็ถูกตั้งคำถามหนักอยู่แล้ว เนื่องจากใช้เวลายาวนานมาก ประมาณ 5 ปีจึงจะกล่าวโทษหุ้นปั่นได้ ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไม ก.ล.ต. จึงต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานนานจนลืม กว่าจะกล่าวโทษหุ้นปั่นสักตัว
และแม้จะเสียเวลารวบรวมหลักฐานหุ้นปั่นหลายปี แต่ยังไม่มีผู้บริหารหุ้นตัวไหนที่ต้องติดคุก เพราะถูก ก.ล.ต. กล่าวหาปั่นหุ้น
ความอืดอาดล่าช้าในการตรวจสอบปั่นหุ้น ทำให้แก๊งปั่นหุ้นไม่เกรงกลัวกฎหมาย มอง ก.ล.ต. เป็นแค่เสือกระดาษ และก้มหน้าก้มตาปั่นหุ้น สูบเงินจากนักลงทุนรายย่อยกันอย่างสนุกสนานจนทุกวันนี้
การตรวจสอบการโอนหุ้นนายชูวงษ์ กำลังตอกย้ำกลไกการตรวจสอบที่ยืดยาดของ ก.ล.ต. เพราะควรใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ก็น่าจะมีบทสรุป และแถลงผลให้สาธารณชนรับทราบ เพราะไม่มีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะถ้า ก.ล.ต. วางกฎระเบียบกำกับดูแลและควบคุมบริษัทโบรกเกอร์ดีอยู่แล้ว โดยสามารถเรียกเอกสารหลักฐานการโอนหุ้นและคำสั่งขายหุ้นจากบริษัทโบรกเกอร์ได้ทันที
ถ้าจะต้องรอ 3 เดือน ผลสอบสวนของ ก.ล.ต. คงไร้ประโยชน์ เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า กองปราบปรามอาจแถลงผลการสอบสวนธุรกรรมอำพรางหุ้นนายชูวงษ์ และออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว
กว่าจะถึง 3 เดือนข้างหน้า กองปราบคงเปิดโปงไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังการฉ้อโกงหุ้นนายชูวงษ์จนหมดเปลือกแล้ว
ก.ล.ต. ไม่รู้สึกอายบ้างหรือ เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหุ้นโดยตรงแท้ๆ แต่ต้องนั่งดูหน่วยงานอื่นทำงานแทน
คดีอำพรางหุ้นนายชูวงษ์ กำลังประจานกลไกตรวจสอบที่ไร้ประสิทธิภาพของ ก.ล.ต. และจะนำไปสู่คำถาม มี ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ไว้ทำไม เพราะฝากผีฝากไข้อะไรไม่ได้สักอย่าง