ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบ.ตร. ชี้ผู้เกี่ยวข้องขบวนการโอนหุ้น "ชูวงษ์" ควรพึ่งตำรวจเพื่อความปลอดภัย อาจมีความพยายามทำลายหลักฐานและพยานเชื่อมีตัวบงการ ยืนยันเชื่อมั่นแพทย์นิติเวชถึงสาเหตุการเสียชีวิต ด้านโฆษก ตร.ชี้พิรุธมีการแก้ไขเอกสารทั้ง 2 โบรกฯ พร้อมเบอร์โทร. บุคคลอื่น เผยได้รับเอกสารหลักฐานจาก RHBOSK ครบถ้วนแล้ว เหลือแต่ในส่วนของ AEC ที่ยังรออยู่อีกบางส่วน ขณะที่โบรกเกอร์บ.เออีซีเอส.ให้การพนักงานสอบสวน ในประเด็นความสัมพันธ์โบรกเกอร์สาวที่ได้รับการโอนหุ้นจากเสี่ยชูวงษ์ ด้านเลขาผู้ตาย ระบุอีเมล์ที่บริษัทหลักทรัพย์แจ้งมาไม่พบรายงานการโอนหุ้น
วานนี้(11ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตและการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ว่า ตนได้บอกไปหลายวันแล้วว่าการโอนหุ้นมีการไม่ชอบมาพากลแน่นอน มีความผิดปกติในการโอนหุ้น นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เจอมาค่อนข้างชัดเจน ตนเป็นห่วงอยู่อย่างเดียววันนี้ คือคนที่อยู่ในเครือข่ายการโอนหุ้นเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีความปลอดภัยกว่า หากมาให้ตำรวจดูแลหรือคิดว่าตนเองไม่ปลอดภัยขอให้มาพึ่งพาตำรวจดีกว่า ขอฝากไปถึงคนเหล่านั้นว่า ตนฝันไม่ค่อยดีกลัวเขามีอันตราย
เมื่อถามว่า หลักฐานทั้งหมดที่มีจะสามารถสาวถึงตัวคนที่คิดว่าจะทำลายหลักฐานหรือพยานได้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่าพยานหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในสำนวน แต่ตนกล้ายืนยันว่าพยานหลักฐานการโอนหุ้นมีความผิดปกติ จนสามารถเอาผิดดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องได้ ส่วนรายละเอียดลึกๆขอไม่ตอบ เพราะเป็นอุปสรรคการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับกรณีที่ทางญาติของนายชูวงษ์ยื่นหลักฐานเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพให้กับทางแพทย์ตรวจสอบ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในแพทย์ที่ตรวจพิสูจน์ศพ เพราะแพทย์ก็คิดว่าการเสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนเชื่อมั่นในแพทย์นิติเวช ซึ่งได้มีการชี้แจงในที่ประชุมแล้วว่าทำตามหลักวิชาการทุกอย่าง
***ชี้พิรุธแก้ไขเอกสารทั้ง 2 โบรกฯ
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าจากหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวกับการโอนหุ้นที่ได้รับจากโบรกเกอร์ทั้ง 2 ราย ที่นายชูวงษ์ เปิดบัญชีไว้พบว่ามีการลบข้อความเดิม และกรอกข้อความใหม่ทับลงไปด้วยปากกาคนละด้ามกับลายเซ็นของนายชูวงษ์ รวมทั้งหลักฐานการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่ยืนยันการโอนหุ้น ไม่ใช่เบอร์ของนายบชูวงษ์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดด้วยความรอบคอบมากที่สุด ก่อนที่จะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
“เราสนใจขั้นตอนการตรวจสอบครั้งสุดท้ายก่อนบันทึกการโอนหุ้น ส่วนหนึ่งมีการปลอม ส่วนหนึ่งเป็นการเซ็นบนกระดาษเปล่า ผ่านการเขียน และลบข้อความมาแล้ว ลายเซ็น และข้อความใช้ปากกาคนละด้าม คุณชูวงษ์ เป็นคนละเอียด เอกสารสำเนาทุกชิ้นต้องมีการเซ็นยืนยัน แต่รายละเอียดในเอกสารการโอนหุ้นถูกลบ และมากรอกใหม่ ทั้งเอกสารของ AEC และ RHBOSK ข้อความใช้ปากกาคนละชนิด เมื่ออ่านด้วยเครื่องเอกซเรย์ก็เห็นข้อความเดิมทั้งหมด” พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
ก่อนเสียชีวิต นายชูวงษ์ ได้เปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหุ้นไว้กับโบรกเกอร์ 2 แห่ง คือ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) (RHBOSK) และ บล.เออีซี (AEC) โดยบัญชีที่ RHBOSK มีการซื้อหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มูลค่าประมาณ 228 ล้านบาท ถูกโอนไปที่พริตตี้ที่กำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน และอ้างว่า ท้องกับนายชูวงษ์ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสองค่อนข้างไกลกัน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ตัดโอกาสที่จะตั้งท้องกับนายชูวงษ์ออกไป
ส่วนอีก 2 บัญชีที่เปิดไว้กับ AEC บัญชีแรกมีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงขันของเพื่อนร่วมรุ่นของนายชูวงษ์ ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ที่มีเจ้าหน้าการตลาดชื่อ “โจ๊ก” ดูแลอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ถูกโอนออกไป และบัญชีที่ 2 มีเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) สาวเป็นผู้ดูแล มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท มีหุ้นอยู่ในพอร์ต 3 ตัว ซึ่งถูกโอนไปให้แก่มารดาของมาร์เกตติ้งคนดังกล่าว และอ้างว่านายชูวงษ์ ให้โดยเสน่หา
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตำรวจได้รับเอกสารหลักฐานจาก RHBOSK ครบถ้วนแล้ว เหลือแต่ในส่วนของ AEC ที่ยังรออยู่อีกบางส่วน ขณะที่ฝ่ายตรวจสอบหลักฐานก็จะเพิ่มรอบของการตรวจสอบอีกจนกว่าจะแน่ใจเกิน 100% จึงจะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อการกระทำความผิด ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องเป็นในเมื่อใด เพื่อให้คดีมีความรัดกุมมากที่สุด
****จนท.เออีซีเอส.ให้การคดีโอนหุ้นชูวงษ์
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หรือ โบรกเกอร์ ของบริษัทหลักทรัพย์เออีซีเอส จำกัด(มหาชน) จำนวน 3 ราย พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยปฏิเสธที่จะไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
โดยประเด็นในการสอบปากคำ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ว่าได้มีการรู้จักน.ส.อรุชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการทำธุรกรรมการโอนหุ้นต่างๆ รวมถึงกรณีการที่ผู้ตายได้โอนหุ้นจำนวน 40 ล้าน ให้กับ น.ส.ศรีธรา พรหมา แม่ของ น.ส.อรุชา วชิรกุลฑล ว่ามีส่วนรู้เห็นมากน้อยเพียงใด เพื่อหาความเชื่อมโยง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของกรณีผลการตรวจคอมพิวเตอร์ที่ได้ทำการตรวจยึดได้จากบริษัทหลักทรัพย์เออีซีเอสฯ จะมีการส่งผลการตรวจคอมพิวเตอร์ รวมทั้งคลิปเสียง เอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่เกินวันพฤหัสบดีนี้ ในส่วนของผลตรวจอีเมล์ของนายชูวงษ์นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่บก.ปอท. แต่ในเบื้องต้นทางเลขาส่วนตัวของนายชูวงษ์ให้การว่า อีเมล์ที่ทางบริษัทหลักทรัพย์ส่งมาให้นายชูวงษ์นั้นมีระบุเพียงแค่การซื้อขายว่าเหลือหุ้นมากน้อยเพียงใด ไม่ได้มีการบอกรายละเอียดว่ามีการโอนหุ้น อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนพบข้อมูลอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยเปิดพอร์ตกับทางธนาคารแห่งหนึ่ง (ธนาคารกสิกรไทย) ก่อนที่จะปิดพอร์ตหุ้นและย้ายมาเปิดพอร์ตใหม่กับบริษัทหลักทรัพย์เออีซีเอส จำกัด (มหาชน ระหว่างที่เรียนหลักสูตรวปอ. ด้วยเหตุที่ 1 ในเพื่อนร่วมหลักสูตร (นายประพล มิลินทจินดา) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าว.
วานนี้(11ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตและการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ว่า ตนได้บอกไปหลายวันแล้วว่าการโอนหุ้นมีการไม่ชอบมาพากลแน่นอน มีความผิดปกติในการโอนหุ้น นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เจอมาค่อนข้างชัดเจน ตนเป็นห่วงอยู่อย่างเดียววันนี้ คือคนที่อยู่ในเครือข่ายการโอนหุ้นเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีความปลอดภัยกว่า หากมาให้ตำรวจดูแลหรือคิดว่าตนเองไม่ปลอดภัยขอให้มาพึ่งพาตำรวจดีกว่า ขอฝากไปถึงคนเหล่านั้นว่า ตนฝันไม่ค่อยดีกลัวเขามีอันตราย
เมื่อถามว่า หลักฐานทั้งหมดที่มีจะสามารถสาวถึงตัวคนที่คิดว่าจะทำลายหลักฐานหรือพยานได้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่าพยานหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในสำนวน แต่ตนกล้ายืนยันว่าพยานหลักฐานการโอนหุ้นมีความผิดปกติ จนสามารถเอาผิดดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องได้ ส่วนรายละเอียดลึกๆขอไม่ตอบ เพราะเป็นอุปสรรคการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับกรณีที่ทางญาติของนายชูวงษ์ยื่นหลักฐานเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพให้กับทางแพทย์ตรวจสอบ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในแพทย์ที่ตรวจพิสูจน์ศพ เพราะแพทย์ก็คิดว่าการเสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนเชื่อมั่นในแพทย์นิติเวช ซึ่งได้มีการชี้แจงในที่ประชุมแล้วว่าทำตามหลักวิชาการทุกอย่าง
***ชี้พิรุธแก้ไขเอกสารทั้ง 2 โบรกฯ
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าจากหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวกับการโอนหุ้นที่ได้รับจากโบรกเกอร์ทั้ง 2 ราย ที่นายชูวงษ์ เปิดบัญชีไว้พบว่ามีการลบข้อความเดิม และกรอกข้อความใหม่ทับลงไปด้วยปากกาคนละด้ามกับลายเซ็นของนายชูวงษ์ รวมทั้งหลักฐานการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่ยืนยันการโอนหุ้น ไม่ใช่เบอร์ของนายบชูวงษ์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดด้วยความรอบคอบมากที่สุด ก่อนที่จะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
“เราสนใจขั้นตอนการตรวจสอบครั้งสุดท้ายก่อนบันทึกการโอนหุ้น ส่วนหนึ่งมีการปลอม ส่วนหนึ่งเป็นการเซ็นบนกระดาษเปล่า ผ่านการเขียน และลบข้อความมาแล้ว ลายเซ็น และข้อความใช้ปากกาคนละด้าม คุณชูวงษ์ เป็นคนละเอียด เอกสารสำเนาทุกชิ้นต้องมีการเซ็นยืนยัน แต่รายละเอียดในเอกสารการโอนหุ้นถูกลบ และมากรอกใหม่ ทั้งเอกสารของ AEC และ RHBOSK ข้อความใช้ปากกาคนละชนิด เมื่ออ่านด้วยเครื่องเอกซเรย์ก็เห็นข้อความเดิมทั้งหมด” พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
ก่อนเสียชีวิต นายชูวงษ์ ได้เปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหุ้นไว้กับโบรกเกอร์ 2 แห่ง คือ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) (RHBOSK) และ บล.เออีซี (AEC) โดยบัญชีที่ RHBOSK มีการซื้อหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มูลค่าประมาณ 228 ล้านบาท ถูกโอนไปที่พริตตี้ที่กำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน และอ้างว่า ท้องกับนายชูวงษ์ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสองค่อนข้างไกลกัน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ตัดโอกาสที่จะตั้งท้องกับนายชูวงษ์ออกไป
ส่วนอีก 2 บัญชีที่เปิดไว้กับ AEC บัญชีแรกมีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงขันของเพื่อนร่วมรุ่นของนายชูวงษ์ ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ที่มีเจ้าหน้าการตลาดชื่อ “โจ๊ก” ดูแลอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ถูกโอนออกไป และบัญชีที่ 2 มีเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) สาวเป็นผู้ดูแล มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท มีหุ้นอยู่ในพอร์ต 3 ตัว ซึ่งถูกโอนไปให้แก่มารดาของมาร์เกตติ้งคนดังกล่าว และอ้างว่านายชูวงษ์ ให้โดยเสน่หา
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตำรวจได้รับเอกสารหลักฐานจาก RHBOSK ครบถ้วนแล้ว เหลือแต่ในส่วนของ AEC ที่ยังรออยู่อีกบางส่วน ขณะที่ฝ่ายตรวจสอบหลักฐานก็จะเพิ่มรอบของการตรวจสอบอีกจนกว่าจะแน่ใจเกิน 100% จึงจะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อการกระทำความผิด ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องเป็นในเมื่อใด เพื่อให้คดีมีความรัดกุมมากที่สุด
****จนท.เออีซีเอส.ให้การคดีโอนหุ้นชูวงษ์
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หรือ โบรกเกอร์ ของบริษัทหลักทรัพย์เออีซีเอส จำกัด(มหาชน) จำนวน 3 ราย พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยปฏิเสธที่จะไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
โดยประเด็นในการสอบปากคำ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ว่าได้มีการรู้จักน.ส.อรุชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการทำธุรกรรมการโอนหุ้นต่างๆ รวมถึงกรณีการที่ผู้ตายได้โอนหุ้นจำนวน 40 ล้าน ให้กับ น.ส.ศรีธรา พรหมา แม่ของ น.ส.อรุชา วชิรกุลฑล ว่ามีส่วนรู้เห็นมากน้อยเพียงใด เพื่อหาความเชื่อมโยง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของกรณีผลการตรวจคอมพิวเตอร์ที่ได้ทำการตรวจยึดได้จากบริษัทหลักทรัพย์เออีซีเอสฯ จะมีการส่งผลการตรวจคอมพิวเตอร์ รวมทั้งคลิปเสียง เอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่เกินวันพฤหัสบดีนี้ ในส่วนของผลตรวจอีเมล์ของนายชูวงษ์นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่บก.ปอท. แต่ในเบื้องต้นทางเลขาส่วนตัวของนายชูวงษ์ให้การว่า อีเมล์ที่ทางบริษัทหลักทรัพย์ส่งมาให้นายชูวงษ์นั้นมีระบุเพียงแค่การซื้อขายว่าเหลือหุ้นมากน้อยเพียงใด ไม่ได้มีการบอกรายละเอียดว่ามีการโอนหุ้น อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนพบข้อมูลอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยเปิดพอร์ตกับทางธนาคารแห่งหนึ่ง (ธนาคารกสิกรไทย) ก่อนที่จะปิดพอร์ตหุ้นและย้ายมาเปิดพอร์ตใหม่กับบริษัทหลักทรัพย์เออีซีเอส จำกัด (มหาชน ระหว่างที่เรียนหลักสูตรวปอ. ด้วยเหตุที่ 1 ในเพื่อนร่วมหลักสูตร (นายประพล มิลินทจินดา) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าว.