ภรรยาและญาติ “เสี่ยชูวงษ์” ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.ท้วงติงรายงานชันสูตรศพ เนื่องจากผลการตรวจไม่ตรงกับภาพถ่ายศพในบางจุด ปฏิเสธเคลียร์ใจ “บรรยิน” เพราะพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
วันนี้ (10 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง นายกันต์ แซ่ตั๊ง และ น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ ภรรยา ลูกชาย และพี่สาวของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง พร้อมด้วยนายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางมาเพื่อเข้ายื่นหนังสือและเอกสารท้วงติงเรื่องบันทึกผลการชันสูตรพลิกศพนายชูวงษ์จากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ให้แก่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ครอบครัวยังคงติดใจ เพราะผลการตรวจยังมีรายละเอียดบางจุดในบันทึกที่ยังขาดตกพกพร่อง ไม่ตรงกับรูปภาพร่องรอยบาดแผลที่ปรากฏบนศพของนายชูวงษ์
นายเอนกกล่าวว่า สาเหตุการเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้เนื่องจากญาติยังคงติดใจบันทึกผลการชันสูตรพลิกศพนายชูวงษ์ และพบว่าผลตรวจยังมีรายละเอียดบางจุดในบันทึกที่ยังขาดตกพกพร่อง เช่นรายงานการตรวจศพกับภาพถ่ายที่ญาติมีอาจไม่ตรงกัน จึงได้นำภาพถ่ายที่ครอบครัวมีมาส่งมอบเพิ่มเติมให้เพื่อให้ช่วยตรวจสอบรายงานการตรวจศพอีกครั้งหนึ่งว่ามีส่วนไหนที่ขาดหายไป และสาระสำคัญเกี่ยวกับสาเหตุการตายส่วนไหนที่ยังไม่ได้บันทึก เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมารายงานการตรวจศพไม่ระบุรายละเอียดมากนัก เช่น บาดแผลที่ศีรษะอยู่ที่ข้างซ้ายหรือขวา แผลใบหน้า รอยเขียวช้ำที่ดวงตาทั้งสองข้างไม่มีอยู่ในรายงานการตรวจศพ นอกจากนี้ บาดแผลที่คาง และรอยเขียวที่บ่า รวมถึงสาเหตุของการหักของซี่โครงทั้งสองข้างก็ไม่มีการระบุว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จึงเป็นข้อสงสัยของทางครอบครัวว่าทั้งหมดเกิดจากเหตุอะไร จึงเดินทางมาขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาตรวจสอบรายงานการตรวจศพอีกครั้งหนึ่งว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไรกันแน่ เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศึกษาและวิเคราะห์ว่าบาดแผลทั้งหมดที่พบสามารถเกิดจากสาเหตุรถชนต้นไม้หรือไม่ เพื่อให้รายงานดังกล่าวมีความสมบูรณ์เพื่อพิสูจน์สาเหตุการตายที่แท้จริงได้
นายอเนกกล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจำลองเหตุการณ์ในการหาสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ทางครอบครัวไม่ทราบว่าจะมีการเข้าไปดำเนินการวันไหน ขณะเดียวกัน หากเป็นไปได้ทางครอบครัวก็อยากเข้าไปร่วมสังเกตการณ์เพื่อให้มีความสมบูรณ์ ให้ข้อสงสัยต่างๆ ของทางญาตินั้นหมดไป สำหรับการที่ทางตำรวจออกมาเปิดเผยว่าการสืบหาหลักฐานทำได้ยากเนื่องจากศพถูกเผาไปแล้วนั้น ตนมองว่าเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะหากยังสามารถพิสูจน์จากศพได้ คงไม่ต้องมีข้อสงสัยกันถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่สามารถทำได้คือการตรวจสอบจากรูปภาพที่สามารถชี้ให้เห็นถึงบางเรื่องได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทางครอบครัวจึงได้นำภาพที่ทางครอบครัวมีทั้งหมดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งนี้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนและครอบครัวของนายชูวงษ์เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อส่งมอบเอกสารหลักฐานชี้แจงการโอนหุ้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีหุ้น 300 ล้านบาท ที่ถูกโอนไปให้พริตตี้และโบรกเกอร์สาว 2 คน เป็นเงินของนายชูวงษ์ทั้งหมด และเป็นคนละส่วนกับหุ้นที่เพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. ที่นายชูวงษ์กับพวกร่วมกันลงขันเปิดพอร์ตขึ้นมา โดยหุ้น วปอ.นี้ ทางครอบครัวนายชูวงษ์ก็ยืนยันว่ามีมูลค่าเพียง 30-40 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 500 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว
นายเอนกกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางครอบครัวได้ให้ข้อมูลทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ไปแล้วทั้งในส่วนหลักฐานการโอนหุ้นกับทางกองปราบ และหลักฐานในส่วนของการพิสูจน์สาเหตุการตายว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่กับทาง สน.อุดมสุข เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตอบข้อสงสัย ส่วนการโอนหุ้นกับการเสียชีวิตจะมีความเชื่อมโยงหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ทราบเพียงเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันช่วงเดือน มิ.ย. แต่เหตุการณ์จะสัมพันธ์กันหรือไม่คงต้องรอผลการทำงานของตำรวจ อย่างไรก็ตาม ทางญาติคงไม่มีความจำเป็นที่จะมีการนัดเข้ามาพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหากับนายบรรยิน ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ทั้งนี้ บอกได้เพียงว่าสิ่งที่อีกฝ่ายออกมาพูดนั้นไม่เป็นความจริง
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ว่าก่อนหน้านี้ตนได้เชิญพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่รับผิดชอบคดีอุบัติเหตุและพนักงานสอบสวนกองปราบปรามที่รับผิดชอบเรื่องไม่ชอบมาพากลในการโอนหุ้นมาประชุมหารือกันเพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างมีความครบถ้วน เพราะว่าทั้งสองหน่วยงานที่รับผิดชอบคนละคดีไม่เคยมาประชุมหรือได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันเลย เพราะว่าบางครั้งสังคมก็สงสัยว่าการตายเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ และมีเหตุจูงใจจากการโอนหุ้นที่ผิดปกติหรือไม่ ตรงนี้ก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ส่วนการออกหมายจับเท่าที่ได้รับรายงานในวันนั้นก็บอกว่าจะออกหมายจับภายใน 1 สัปดาห์ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับรายงานว่าพร้อมที่จะออกหมายจับหรือไม่
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับรายงานเรื่องความผิดปกติเรื่องการโอนหุ้นมีความคืบหน้าอย่างไรบ้างนั้น ยืนยันว่าเรื่องนี้มีแน่ ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้แสดงผลการตรวจพิสูจน์เอกสารการโอนหุ้นตลอดจนลายเซ็นและความผิดปกติในเอกสาร ซึ่งใช้ประกอบการโอนหุ้นมีความไม่ชอบมาพากลชัดเจน ตามรายงานของกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนก็มั่นใจว่าจากพยานหลักฐานดังกล่าวจะสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในการโอนหุ้นได้ ทั้งนี้เพื่อความรอบคอบก็ได้เน้นย้ำต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่ต้องรีบร้อนไปหาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนถูกต้อง ก่อนที่จะเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ตนคิดว่าสิ่งที่ได้หารือในการประชุมวันนั้นก็คงจะคืบหน้าไปพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีญาติของนายชูวงษ์ ยื่นหนังสือท้วงติงรายงานการชันสูตรศพนายชูวงษ์ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าทางญาติมายื่นหนังสือมีเรื่องใดบ้าง แต่การตรวจพิสูจน์ศพแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์ศพยืนยันในที่ประชุมว่าได้ตรวจทุกอย่างตามหลักวิชาการครบถ้วน แต่ถ้าหากมีประเด็นข้อสงสัยก็สามารถสอบถามแพทย์ได้ แต่อย่างที่ตนได้บอกว่าปัญหาอยู่ที่คำถามที่เกินกว่ามาตรฐานของแพทย์หรือหลักวิชาการแพทย์ที่จำเป็นจะต้องตรวจพิสูจน์จะทำได้มากน้อยแค่ไหนตนไม่ทราบ เพราะว่าศพผู้ตายได้ฌาปนกิจไปเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในทางการแพทย์สามารถบอกได้หรือไม่ว่าของแข็งที่กระแทกศีรษะของนายชูวงษ์เกิดขึ้นก่อนหรือหลังเสียชีวิต พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ส่วนนี้ต้องถามแพทย์ เพราะว่าในที่ประชุมต้องการให้พนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ไปสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็น ในเรื่องที่ลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่นเป็นไปได้หรือไม่ว่าหากเกิดแบบนี้เกิดเพราะอะไร เกิดนานแค่ไหน เราได้พยายามหารือกันให้ปิดช่องว่าง
“ได้บอกกับพนักงานสอบสวนทั้งนครบาลและสอบสวนกลางว่า เราเป็นหน่วยงานของรัฐมีตำรวจตั้งหลายหน่วยงานแต่ไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วน หากญาตินำหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถหาได้ มันจะทำให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ หรือคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานไม่เต็มที่หรือไม่ หรือเราเป็นตำรวจมืออาชีพเพียงพอไหม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงให้พนักงานสอบสวนทำทุกอย่างให้ระเอียดรอบคอบ และบอกว่าเวลาไม่ใช่สาระสำคัญของการทำคดี แต่ต้องถูกต้องเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย การพยายามหาหลักฐานไม่ได้มีเจตนาให้ร้ายใคร หรือทำให้ใครเสียหายเพียงแต่ว่าตำรวจต้องเป็นมืออาชีพพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน นั่นคือสิ่งที่สำคัญ” ผบ.ตร.ระบุ