xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"เทพเทือก" คัมแบ็ก ลิ่วล้อสปช.โชว์กร่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จะสิ้นอายุขัย ผลัดใบไปเป็นสภาขับเคลื่อนปฏิรูปอยู่มะรอมมะร่อ ดูช่วงนี้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยเฉพาะพวกสายไฮปาร์คบนนเวทีกปปส.กระชุ่มกระชวยคึกคักกันเป็นพิเศษ อย่างในรายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสปช.และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กลับมาตีปี๊บเรื่องปฏิรูปประเทศให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งกันอีกระลอกหลังคราวก่อนออกมาอ่อยจนได้ผลไปรอบ จนต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อเปิดให้ถามคำถามอื่นได้อีกหนึ่งคำถาม นอกเหนือถามว่า จากจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ

หนนี้ไพบูลย์ก็ออกมาได้จังหวะพอดิบพอดีกับที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ลาสิกขาออกมาเคลื่อนไหวในนามมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ คราวนี้ร้องแรกแหกกระเชอดังกว่าเดิม

ข่าวว่าเดินสายล็อบบี้เพื่อจะดันคำถามปฏิรูปประเทศให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งในชั้นสปช.ให้ได้ เพื่อต่ออายุให้ “รัฐบาลบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่นานๆ กว่านี้แบบชอบธรรม ไม่น่าเกลียด สอดคล้องกับนายใหญ่ค่ายกปปส.อย่าง “ทิดเทือก” ที่แถลงงานหลักขององค์กรการเมืองในคราบมูลนิธิแบบว่าให้โอกาสแบบโนลิมิตกี่ปีกี่เดือนไม่สน ขอให้ปฏิรูปให้เสร็จ

น่าสนใจก่อนหน้านี้ที่สุเทพยังอยู่ในผ้าเหลือง สมาชิกสปช.สายกปปส.แม้จะมีนิสัยชอบโยนหินถาม สร้างประเด็นให้โจษจันกันอยู่เรื่อย แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบรับเท่าที่ควร แถมตัวยังเล็กเสียงไม่ดังเท่าไหร่ โดนคสช.ดุเมื่อไหร่ก็หงอเหมือนไก่เป็นโรค แต่พอลูกพี่ใหญ่อย่าง “ทิดเทือก” สลัดผ้าเหลืองมาสวมยูนิฟอร์มแกนนำม็อบเหมือนเดิม หลายคนถึงกับกลับมาเดินกร่างกันทันที กล้าต่อปากต่อคำกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลมากขึ้น

อย่างที่รู้กัน แม้ “บิ๊กตู่” จะพูดในลักษณะปรามๆ ไม่ให้ “ทิดเทือก” เคลื่อนไหวในลักษณะประเจิดประเจ้อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะไปเกรี้ยวกราดอะไรใส่ ตามประสาคนคุ้นเคยที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเสมอกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อปี 2553หนำซ้ำ “ทิดเทือก” เองก็เป็นหนึ่งในชนวนที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร จนมีรัฐบาลแม่ทัพนายกองอยู่ทุกวันนี้

อีกอย่างเรื่องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งก็เป็นโจทย์ที่กปปส.เป็นคนจุด พอรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “บิ๊กตู่” ก็ทำในโมเดลที่คล้ายคลึงกับกปปส.เคยเสนอ เรียกว่า ชุดความคิดระหว่างนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันกับประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนแทบจะเป็นชุดความคิดเดียวกันเสียด้วยซ้ำ ถามใจ “บิ๊กตู่”มีหรือไม่อยากปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง แต่ที่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าฟันเปรี้ยงสารภาพส่วนหนึ่งก็เพราะไม่กล้ากลืนน้ำลายตัวเองที่ดันรีบออกตัวว่าจะอยู่ตามโรดแม็ป

ใจของรัฐบาลมีหรือจะไม่อยากอยู่เพื่อปฏิรูปให้เสร็จก่อนจะเลือกตั้ง เพราะรู้ดีว่าปัญหาที่หมักหมมมันสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน บริหารประเทศในนามรัฐบาลมาเกือบครบปี ยังแทบไม่ได้แก้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่ โจทย์ใหญ่ๆ ที่เคยตั้งอกตั้งใจก่อนหน้านี้มันไม่หมูอย่างที่คิด เวลาที่เหลืออยู่อย่างไรก็ไม่พอ ลาโรงไปมิวายจะถูกไล่เช็กบิล เลือกตั้งปีหน้าหรืออีกสองปีข้างหน้าก็เรียบร้อยโรงเรียนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อยู่วันยังค่ำ

ขณะที่ “ทิดเทือก” ก็รู้ชะตากรรมว่าหากไม่ออกมาปลุกกระแสปฏิรูปให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ที่ปลุกๆ คนออกมาตะเพิดยิ่งลักษณ์แทบไม่มีความหมาย เสียข้าวเสียของ อุตส่าห์เปลืองตัวจนหมดหน้าตัก ขอเว้นวรรคเก้าอี้การเมืองตลอดชีวิตไปแล้วด้วย มีหวังพรรคประชาธิปัตย์สังกัดเก่าแพ้ราบคาบให้กับกลุ่มอำนาจเดิมแบบเรียบวุธ เป็นฝ่ายค้านตลอดชาติเหมือนเดิม

ส่วนพรรคเพื่อไทยก็กลับมาสยายปีก ฆ่าไม่ตาย ครั้นจะปลุกม็อบออกมาใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้แบบเก่าแล้ว

หัวอกเดียวกัน มันจึงต้องร่วมด้วยช่วยกัน แบ่งบทกันเล่น หากนปช.คือ ลมใต้ปีกของพรรคเพื่อไทย กปปส.ก็คือลมใต้ปีกของ “รัฐบาลบิ๊กตู่”ในขณะนี้เช่นเดียวกัน แม้จะออกมาปัดป้องกันไปกันมาว่าไม่ใช่ แต่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่โง่พอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อ้าปากเห็นลิ้นไก่ว่า “ทิดเทือก” ออกมาทำไม สิ่งที่มูลนิธิเสนอไปก็เป็นรัฐบาลชุดนี้ได้ประโยชน์ทั้งนั้น มันไม่มีเหตุผลอื่น แก้ตัวไปก็มีแต่จะทำให้คนนินทาหมาดูถูกเปล่าๆ

รัฐบาลเองไม่กล้าด่าทออะไร“ทิดเทือก” มาก เพราะอย่างไรต้องพึ่งบริการมูลนิธิฯนี้เพื่อเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก และคอยจุดกระแสเพื่อลากยาวให้ปฏิรูปไปถึงฝั่งฝัน อย่างน้อยๆ ก็ไว้เป็นไม้กันหมา คอยทัดทานกับแนวต้านที่ออกมาเขย่าไล่รัฐบาลเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ต่างฝ่ายต่างเป็นน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า อย่างไรอย่างนั้นเลย อีกจุดคือ “บิ๊กตู่”รู้อยู่เต็มอกว่า “ทิดเทือก” ไม่ได้มาเพื่อรับคำสั่งหรือคอยหนุนรัฐบาลอย่างเดียว

อย่างที่รู้กัน “ทิดเทือก” กำลังเดินเกมสองขา อีกขาหนึ่งคือ รับงานผู้มากบารมีแห่งบ้านน้อยเสา ทำหน้าที่ขับเคลื่อนงานบางอย่าง ซึ่งเป็นบุคคลที่ “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เกรงอกเกรงใจ ไม่กล้าขัดคอ และผู้มากบารมีคนนี้สามารถเขย่ารัฐบาลแม่ทัพนายกองได้ทุกครั้งหากคิดจะทำจริงๆ ดังนั้น การผลัก “ทิดเทือก” ออกไปไม่เป็นผลดีกับตัวเองไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม จึงต้องถนอมน้ำใจ ไม่กล้าด่าเต็มคำเหมือนแกนนำนปช.

เหตุนี้เองจึงทำให้เหล่าสมาชิกสปช.สายกปปส.กระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษในช่วงนี้ เดินเบ่งกล้ามกันเต็มสภา อยากพูดอะไรก็พูด อยากเสนออะไรก็เสนอ เพราะลูกพี่ข้ากลับมาตรวจการบ้านคสช.แล้ว อะไรที่ขอไว้ยังไม่ได้ทำ กำลังกลับมาทวงสัญญา กดดันกันสุดลิ่ม ข้อเสนอสุดโต่งจะมีมาเป็นชุด จากเดิมจะพูดจะจาอะไรต้องเกรงใจคสช.กลัวโดนดีดปาก กลัวโดนเตะพ้นเก้าอี้ แต่ต่อไปจะกล้าและเปลี่ยนมาเป็นการต่อรองแทน เพื่อรักษาอำนาจไว้ให้อยู่กับทั้งคู่นั่นแหละ

สงสารก็แต่ประเทศไทยแทนที่จะได้เห็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนจริงๆ โดยไม่ได้หวังจะชนะคะคาน เล่นกันแบบใสๆ ไม่มีนอกไม่มีใน เอาชาติเป็นที่ตั้งลำดับแรก กลับต้องมานั่งอดสูทนดูคนเหล่านี้นั่งเล่นเกมแชร์อำนาจกันสนุกสนาน ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ เศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นคืนชีพ และท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศที่ไม่เห็นแสงปลายอุโมงค์ว่าจะกลับมารักมาปรองดองกันได้อย่างไร ประเทศไทยมาถึงจุดๆ นี้อย่างไร!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น