xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ดันปฏิรูปสำนักงานสลากฯ เจอสปช.โวยสุดท้ายต้องขอถอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (5ส.ค.) ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส ในแผนปฏิรูปวาระเพิ่มเติม เรื่องแนวทางการปฏิรูปสลากเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม และร่าง พ.ร.บ.กิจการสลากเพื่อสังคม พ.ศ.... โดยนายอำพล จินดาวัฒนะ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯได้รายงานว่า คณะกรรมาธิการฯได้มีการเสนอให้ปรัชญาการออกสลากฯตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 ที่มุ่งแสวงหารายได้ของแผ่นดิน มาเป็นสลากเพื่อสังคม และสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมและพลังพลเมือง โดยนำเงินจากสลากส่วนหนึ่งมาจัดตั้งเป็นกองสลากวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และนำเงินรางวัลที่ไม่มีผู้รับตามกฎหมายกำหนดส่งให้เป็นรายได้ของกองทุน เพื่อจะได้นำมาส่งเสริมบทบาทของประชาชน กลุ่มภาคประชาสังคมและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถพึ่งตนเองได้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ป้องกัน หรือลดผลกระทบจากการพนัน และช่วยลดปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน อีกทั้งยังแก้ปัญหาธรรมาภิบาล และประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสำนักงานสลากฯ โดยจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด ที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมโดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา การจัดโควตาในระยะยาว มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค และแก้ปัญหาการครอบงำของนักการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ และผู้มีอิทธิพลที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯได้เสนอให้มีการปฏิรูปโครงการ การบริหารจัดการสลาก โดยให้แยกอำนาจการกำกับไปให้ "องค์การสลากแห่งประเทศไทย" แทน"สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" และตั้งคณะกรรมการ 2 คณะ คือ คณะกรรมการบริหารองค์การสลากแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกองทุนสลากวิสาหกิจเพื่อสังคม มีอำนาจบริหารกองทุน และให้ยกเลิก มาตรา 22 ของ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 เพื่อกำหนดสัดส่วนการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากดังนี้
1. ร้อยละ 60 ของรายได้เป็นเงินรางวัล 2. ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน และจำหน่ายสลาก 3. ร้อยละ 10 ของรายได้ เป็นภาษีสลาก และ 4. เงินที่เหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 เป็นเงินนำส่งกองทุนสลากวิสาหกิจเพื่อสังคม
นอกจากนี้ ยังกำหนดการใช้เงินในกองทุนดังกล่าวว่าไม่เกิน ร้อยละ 30 อยู่ในความรับผิดชอบของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่นใช้ในการคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ เป็นต้น ไม่เกินร้อยละ 30 ให้กองทุนอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง ใช้ในด้านการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และไม่เกินร้อยละ 40 ให้นำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาสังคม เช่นป้องกันหรือแก้ปัญหาจากการพนัน และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการพนัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสปช. บางส่วนได้อภิปรายไม่เห็นด้วยกับรายงานดังกล่าว อาทิ นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับหลักการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ แต่เกรงว่าจะขัดหลักการของสปช. เพราะการเสนอรายงานดังกล่าว เป็นการสอดแทรกเข้ามา เพราะก่อนหน้านี้ได้ข้อสรุปว่า จะรับข้อคิดเห็นของสมาชิกไปปรับปรุง แต่กลับมีการสอดแทรกเรื่องนี้ พฤติกรรมไม่ต่างจากการเสนอเรื่อง พ.ร.บ.ป่าชุมชน อีกทั้ง ไม่ใช่หน้าที่ของสปช. ที่จะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการเงิน
ทั้งนี้ การที่กรรมาธิการต้องการหาเงินช่วยเหลือสังคม ผู้ด้อยโอกาส ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีวิธีการอื่นๆอีกมากมาย เช่น การจัดตั้งบ่อนกาสิโน แล้วนำเงินรายได้ช่วยเหลือ แต่การมีวาระซ่อนเร้น โดยการตั้งบริษัทขึ้นมา ตนถือว่าเป็นการปล้น เพราะเป็นการยุบองค์กรเก่า เพื่อตั้งองค์กรใหม่ อีกทั้ง คสช.ก็ได้มีคำสั่งแก้ปัญหาสลากกินแบ่งฯเรียบร้อยแล้ว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยกำชับการทำงานของ สปช. ว่า อย่าทำสิ่งที่ซ้ำซ้อนกับสิ่งที่รัฐบาลทำ
ด้านนายอำพล กล่าวชี้แจงว่า ญัตติเรื่องนี้ได้รับการเสนออย่างถูกต้องตามระเบียบ ไม่มีการหมกเม็ด โดยอยากให้ สปช.เป็นสภาปฏิรูปอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีการใช้คำพูดเชือดเฉือนกัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรอบคอบ จึงขอถอนญัตติเรื่องนี้กลับไปพิจารณาใหม่ แต่ สปช.ใกล้จะหมดวาระ คงไม่สามารถพิจารณาได้ทัน จึงขอฝากให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปผลักดันเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่นายเกรียงไกร ได้ลุกขึ้นขอใช้สิทธิพาดพิง ชี้แจงว่า ตัวเองไม่มีเจตนาให้ร้าย แต่ที่ใช้ถ้อยคำเปรียบเปรยนั้น เนื่องจากไม่เห็นญัตตินี้ในการพิจารณาครั้งแรก แต่อยู่ๆกลับโผล่มาในการพิจารณาครั้งนี้ แต่เมื่อนายอำพล ชี้แจงอธิบาย ก็เข้าใจและต้องกราบขอโทษ หมออำพล และประธาน สปช.ด้วยความจริงใจ
จากนั้น นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช. ได้ถามสมาชิกว่า มีความเห็นคัดค้านกับการขอถอนญัตติหรือไม่ โดยที่ประชุมไม่มีใครเห็นค้าน จึงได้ข้อสรุปให้ถอนรายงานดังกล่าวออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น