ASTVผู้จัดการรายวัน - "หม่อมอุ๋ย" เผยไม่กังวลเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน ชี้เป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ลั่นจะไม่ใช้มาตรการลดดอกเบี้ย เพราะอาจกดดันหนี้ครัวเรือนให้สูงขึ้นอีก เงินเฟ้อก.ค.ลดลง 1.05% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เหตุน้ำมันเป็นตัวฉุดหลัก แต่สินค้ารายการอื่นยังคงปรับตัวสูงขึ้น “พาณิชย์”จ่อปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีใหม่จากเดิม 0.6-1.3% หลัง 7 เดือนติดลบ 0.85% ยันไม่เกิดภาวะเงินฝืดแม้เงินเฟ้อลบต่อเนื่อง เหตุประชาชนไม่มั่นใจเศรษฐกิจ จึงชะลอการใช้จ่ายมากกว่า
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อัตราเงินเฟ้อติดลบอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ว่า ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะมองว่ามาจากปัจจัยเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องและปัจจัยจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งจีน เกาหลีและไทย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของทุกประเทศ และเมื่อส่งออกไม่ดี ก็ส่งผลทำให้การนำเข้าสินค้าของประเทศใหญ่ๆ ลดลงไปด้วย
"การวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะปรับลงอีกสักระยะ และยังบอกไม่ได้ว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกเมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้คือรัฐบาลต้องพยุงตัวเอง ส่วนการช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการในการลดดอกเบี้ย เพราะจะทำให้เกิดหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น และเชื่อว่าภาคเอกชนทราบดีว่าภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นอย่างไร แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนในระดับรากหญ้ามากกว่า เพราะถือว่าเป็นจุดอ่อนในระบบเศรษฐกิจไทย" รองนายกฯ กล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (4 ส.ค.) นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว จึงยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่มองว่ามาตรการในบางเรื่องอาจจะไม่ใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เป็นมาตรการในระยะยาวมากกว่า
"ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างสำรวจเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบประมาณ 1.5 ล้านไร่ เป็นเกษตรกรที่อยู่ในเขตชลประทาน ที่มีการปลูกพืชไปแล้วและได้รับผลกระทบจากการส่งน้ำ โดยอยู่ระหว่างการหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นมีแนวคิดว่าจะเป็นการจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรโดยตรง ซึ่งจะชดเชยตามอัตราที่เกษตรกรได้ลงทุนไป" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว.
****พาณิชย์จ่อปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) เดือนก.ค.2558 เท่ากับ 106.57 เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.2558 ลดลง 0.07% ซึ่งกลับมาลดลงอีกครั้งหลังจากเดือนม.ค.ที่ลดลง 0.59% และจากนั้นเป็นบวกมาโดยตลอด และเทียบกับเดือนก.ค.2557 ลดลง 1.05% ซึ่งเป็นการขยายตัวติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และเฉลี่ย 7 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-ก.ค.) ขยายตัวลดลง 0.85%
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนก.ค.ลดลง 1.05% มาจากการลดลงของดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 2.22%ตามการลดลงของหมวดพาหนะ ขนส่งและการสื่อสารที่ลดลง 6.95% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดมากถึง 22.53% แต่เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้น 0.87% บันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนา สูงขึ้น 1.25% ยาสูบและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 2.01%
ขณะที่ดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.10% จากการสูงขึ้นของข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง 0.10% ผักและผลไม้ สูงขึ้น 7.76%เครื่องประกอบอาหารสูงขึ้น 0.54% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.49% อาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 1.07% โดยอาหารบริโภคในบ้านสูงขึ้น 0.54% นอกบ้าน 1.97% แต่เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ลดลง 1.03%ไข่และผลิตภัณฑ์นม ลดลง 2.79%
ทั้งนี้ ในเดือนก.ค. จากการสำรวจสินค้าจำนวน 450 รายการ มี 165 รายการที่ราคาเพิ่มขึ้น เช่น ปลาทู กุ้งขาว ไข่ไก่ ผักสด ค่าเล่าเรียน ผลไม้สด โดยเฉพาะข้าวแกง ข้าวกล่อง เพิ่มขึ้น 0.25% กับข้าวสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 0.12% ก๋วยเตี๋ยว เพิ่มขึ้น 0.29% ไม่เปลี่ยนแปลง 201 รายการ และลดลง 84 รายการ เช่น นมผง มะนาว ครีมนวดผม น้ำมันเชื้อเพลิง ผงซักฟอก เป็นต้น
นายสมเกียรติกล่าว กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั้งปีใหม่ เพราะตัวเลขยังคงขยายตัวอยู่ในแดนลบมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านมา 7 เดือนก็ยังติดลบ 0.85% ส่วนจะประเมินเป้าหมายเป็นเท่าไร ขอประเมินปัจจัยต่างๆ ก่อน เพราะเดิมคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2558 อยู่ที่ 0.6-1.3% ภายใต้สมมตฐานจีดีพี เพิ่มขึ้น 3-4%ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้ปัจจัยต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนก็อ่อนค่าต่อเนื่อง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว
“ยังบอกไม่ได้คาดการณ์เงินเฟ้อใหม่จะเพิ่มหรือลดจากเดิม เพราะน้ำมันตลาดโลกลดลงมากก็จริง แต่เงินบาทก็อ่อนค่าลงตามไปด้วย ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศที่ดูเหมือนจะปรับลดลง ก็ไม่ปรับลด เพราะต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นจากค่าบาทที่อ่อนค่าลง จึงต้องมาประเมินกันให้ชัด”
อย่างไรก็ตาม คาดว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนต่อๆ ไปจะยังคงอยู่ในแดนลบ และน่าจะเริ่มกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาสที่ 4 หรือตั้งแต่เดือนก.ย.-ต.ค.เป็นต้น แต่ไตรมาสที่ 3 เงินเฟ้อน่าจะยังขยายตัวติดลบ 0.3-0.5% อยู่
ส่วนกรณีที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ยังไม่สะท้อนภาวะเงินฝืด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง และราคาสินค้าลดลงในที่สุด แต่ที่ประชาชนไม่ซื้อสินค้า ทั้งๆ ที่สินค้าส่วนใหญ่ราคาลดลง เพราะมีค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้งไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ชะลอการใช้จ่ายมากกว่า
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือนก.ค. เท่ากับ 105.93 เพิ่มขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 0.94% เทียบกับเดือนก.ค.2557 และเฉลี่ย 7 เดือน เพิ่มขึ้น 1.18%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อัตราเงินเฟ้อติดลบอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ว่า ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะมองว่ามาจากปัจจัยเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องและปัจจัยจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งจีน เกาหลีและไทย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของทุกประเทศ และเมื่อส่งออกไม่ดี ก็ส่งผลทำให้การนำเข้าสินค้าของประเทศใหญ่ๆ ลดลงไปด้วย
"การวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะปรับลงอีกสักระยะ และยังบอกไม่ได้ว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกเมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้คือรัฐบาลต้องพยุงตัวเอง ส่วนการช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการในการลดดอกเบี้ย เพราะจะทำให้เกิดหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น และเชื่อว่าภาคเอกชนทราบดีว่าภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นอย่างไร แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนในระดับรากหญ้ามากกว่า เพราะถือว่าเป็นจุดอ่อนในระบบเศรษฐกิจไทย" รองนายกฯ กล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (4 ส.ค.) นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว จึงยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่มองว่ามาตรการในบางเรื่องอาจจะไม่ใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เป็นมาตรการในระยะยาวมากกว่า
"ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างสำรวจเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบประมาณ 1.5 ล้านไร่ เป็นเกษตรกรที่อยู่ในเขตชลประทาน ที่มีการปลูกพืชไปแล้วและได้รับผลกระทบจากการส่งน้ำ โดยอยู่ระหว่างการหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นมีแนวคิดว่าจะเป็นการจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรโดยตรง ซึ่งจะชดเชยตามอัตราที่เกษตรกรได้ลงทุนไป" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว.
****พาณิชย์จ่อปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) เดือนก.ค.2558 เท่ากับ 106.57 เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.2558 ลดลง 0.07% ซึ่งกลับมาลดลงอีกครั้งหลังจากเดือนม.ค.ที่ลดลง 0.59% และจากนั้นเป็นบวกมาโดยตลอด และเทียบกับเดือนก.ค.2557 ลดลง 1.05% ซึ่งเป็นการขยายตัวติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และเฉลี่ย 7 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-ก.ค.) ขยายตัวลดลง 0.85%
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนก.ค.ลดลง 1.05% มาจากการลดลงของดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 2.22%ตามการลดลงของหมวดพาหนะ ขนส่งและการสื่อสารที่ลดลง 6.95% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดมากถึง 22.53% แต่เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้น 0.87% บันเทิง การอ่าน การศึกษา และการศาสนา สูงขึ้น 1.25% ยาสูบและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 2.01%
ขณะที่ดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.10% จากการสูงขึ้นของข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง 0.10% ผักและผลไม้ สูงขึ้น 7.76%เครื่องประกอบอาหารสูงขึ้น 0.54% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.49% อาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 1.07% โดยอาหารบริโภคในบ้านสูงขึ้น 0.54% นอกบ้าน 1.97% แต่เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ลดลง 1.03%ไข่และผลิตภัณฑ์นม ลดลง 2.79%
ทั้งนี้ ในเดือนก.ค. จากการสำรวจสินค้าจำนวน 450 รายการ มี 165 รายการที่ราคาเพิ่มขึ้น เช่น ปลาทู กุ้งขาว ไข่ไก่ ผักสด ค่าเล่าเรียน ผลไม้สด โดยเฉพาะข้าวแกง ข้าวกล่อง เพิ่มขึ้น 0.25% กับข้าวสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 0.12% ก๋วยเตี๋ยว เพิ่มขึ้น 0.29% ไม่เปลี่ยนแปลง 201 รายการ และลดลง 84 รายการ เช่น นมผง มะนาว ครีมนวดผม น้ำมันเชื้อเพลิง ผงซักฟอก เป็นต้น
นายสมเกียรติกล่าว กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั้งปีใหม่ เพราะตัวเลขยังคงขยายตัวอยู่ในแดนลบมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านมา 7 เดือนก็ยังติดลบ 0.85% ส่วนจะประเมินเป้าหมายเป็นเท่าไร ขอประเมินปัจจัยต่างๆ ก่อน เพราะเดิมคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2558 อยู่ที่ 0.6-1.3% ภายใต้สมมตฐานจีดีพี เพิ่มขึ้น 3-4%ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้ปัจจัยต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนก็อ่อนค่าต่อเนื่อง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว
“ยังบอกไม่ได้คาดการณ์เงินเฟ้อใหม่จะเพิ่มหรือลดจากเดิม เพราะน้ำมันตลาดโลกลดลงมากก็จริง แต่เงินบาทก็อ่อนค่าลงตามไปด้วย ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศที่ดูเหมือนจะปรับลดลง ก็ไม่ปรับลด เพราะต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นจากค่าบาทที่อ่อนค่าลง จึงต้องมาประเมินกันให้ชัด”
อย่างไรก็ตาม คาดว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนต่อๆ ไปจะยังคงอยู่ในแดนลบ และน่าจะเริ่มกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาสที่ 4 หรือตั้งแต่เดือนก.ย.-ต.ค.เป็นต้น แต่ไตรมาสที่ 3 เงินเฟ้อน่าจะยังขยายตัวติดลบ 0.3-0.5% อยู่
ส่วนกรณีที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ยังไม่สะท้อนภาวะเงินฝืด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง และราคาสินค้าลดลงในที่สุด แต่ที่ประชาชนไม่ซื้อสินค้า ทั้งๆ ที่สินค้าส่วนใหญ่ราคาลดลง เพราะมีค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้งไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ชะลอการใช้จ่ายมากกว่า
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือนก.ค. เท่ากับ 105.93 เพิ่มขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 0.94% เทียบกับเดือนก.ค.2557 และเฉลี่ย 7 เดือน เพิ่มขึ้น 1.18%