ครึ่งปีแรก “ไทย” เป็นเจ้าเดียวในเอเชียที่เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 นี้ ไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์ โดยนักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้นในปริมาณมาก และรวดเร็ว โดยในปีนี้ได้เทขายไปแล้วรวม 1.24 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีมูลค่าของหลักทรัพย์ที่เทขายถึง 774 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้ดัชนีซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นไทยลดลงถึงร้อยละ 4.3

นายโรชาน ปาดามาดาน ผู้บริหารกองทุนลูมิแนนซ์ โกลบอล ฟันด์ ที่สิงคโปร์ ระบุว่า บรรดานักลงทุนไม่สามารถอดทนรอให้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่กระเตื้องขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก หรือผลประกอบการธุรกิจที่ลดลง รวมทั้งการที่รัฐบาลทหารไม่สามารถดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ได้ตามที่ให้สัญญาไว้ อย่างไรก็ตาม นายจุกชัย บุญญาวัฒน์ ผู้บริหารแมนูไลฟ์ แอสเส็ท แมเนจเมนต์ เห็นว่า การที่เงินทุนไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้นเป็นแนวโน้มชั่วคราว เมื่อนักลงทุนซึ่งเก็งกำไรระยะสั้นได้ขายหุ้นไปแล้วแนวโน้มนี้จะยุติลง ซึ่งนักลงทุนกลุ่มที่หวังผลระยะยาวนั้นยังคงถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของไทยอยู่

ขณะที่สำนักข่าวไทยรายงานว่า นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรืออัตราเงินเฟ้อของเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาว่า อยู่ที่ 106.57 ลดลงร้อยละ 1.05 เมื่อเทียบกับของเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นการที่อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 7 แล้วในรอบปีนี้ โดยสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องยังคงเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้ดัชนีราคาสินค้าลดลงตามต้นทุนน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า แม้อัตราเงินเฟ้อจะติดลบต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยเห็นได้จากจำนวนรายการสินค้าที่ปรับขึ้นราคามีทั้งสิ้น 165 รายการ ซึ่งมากกว่าจำนวนรายการสินค้าที่ลดราคาลง 84 รายการ และการที่ราคาสินค้าโดยทั่วไปถูกลงนั้น มาจากต้นทุนการผลิตลดลง และสินค้าไม่ได้แพงขึ้นตามที่หลายฝ่ายกังวลใจกัน อย่างไรก็ตาม การที่ประชาชนจับจ่ายน้อยลงอาจมาจากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเพราะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแต่อย่างใด