xs
xsm
sm
md
lg

"บรรยิน"ปูดผู้พิพากษาตัวการ จัดฉากตร.อายัดหุ้น เผยคลิบเสียงของปลอม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"บรรยิน"ให้ปากคำพนักงานสอบสวน ยันไม่เคยขัดแย้งครอบครัว "ชูวงษ์"รับรู้จักพริตตี้และมาร์สาว แต่ไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ปูดมีผู้พิพากษาวางแผนจัดฉากอายัดหุ้น ฟ้องแน่สื่อและสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ผบช.น.ยังไม่ยืนยันตายเพราะอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม คาดได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า ผบ.ตร.แทงเรื่องให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนแล้ว เผยผลตรวจคลิปเสียงสั่งโอนหุ้นไม่ใช่เสียงเสี่ย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 ก.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เพื่อให้ปากคำกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตภายในรถยนต์หรู “เลกซัส” ระหว่างเดินทางกลับจากตีกอล์ฟกับ พ.ต.ท.บรรยิน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริเวณซอยเฉลิมพระเกียรติ 48-50 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร (กทม.)

***"บรรยิน"เข้าให้ปากคำตำรวจ

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ในวันนี้ไม่ได้เตรียมหลักฐานอะไรมาเป็นพิเศษ มีเพียงแต่ให้ข้อเท็จจริงมาให้กับทางพนักงานสอบสวน โดยยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนมีข้อประเด็นสงสัยอะไรบ้าง และถ้าหากพนักงานสอบสวนต้องการหลักฐานอะไรก็จะมีการเตรียมมามอบให้อีกครั้ง ส่วนกรณีที่ชุดพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต มีการเปิดเผยว่า 90% เป็นอุบัติเหตุตนเองรู้สึกโล่งใจ เพราะเป็นไปตามความจริง ซึ่งหลังจากคดีคลี่คลายแล้ว จะเดินทางเข้าพบครอบครัวของนายชูวงษ์ เพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจถึงกรณีที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าตนกับนายชูวงษ์เป็นเพื่อนกันและไม่มีการทะเลาะกับครอบครัวของนายชูวงษ์

ส่วนเรื่องนายชูวงษ์โอนหุ้นให้แก่ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล มูลค่าประมาณ 228 ล้านบาท น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล มูลค่าประมาณ 40 ล้านนั้น ตนยังไม่ขอเปิดเผย เพราะอยู่ในสำนวนการสอบปากคำของพนักงานสอบสวน

ด้าน พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า เบื้องต้นเรียกตัว พ.ต.ท.บรรยินมาให้ปากคำในหลายประเด็นที่ยังคงมีข้อสงสัยซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้

***ปัดมีสัมพันธ์กับ2สาวที่รับโอนหุ้น

ต่อมาวันเดียวกัน หลังจากการสอบปากคำเบื้องต้นประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า การเรียกตัว พ.ต.ท.บรรยินมา ไม่มีการเน้นประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ในส่วนของการโอนหุ้นต่างๆ ของนายชูวงษ์ พ.ต.ท.บรรยินอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เพียงว่ามีการโอนหุ้นไปให้ใครบ้าง ตนเพียงแค่ให้คำปรึกษาเรื่องหุ้นเท่านั้น พร้อมย้ำถึงความสัมพันธ์กับ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล ว่ารู้จักกันจริงแต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งตามที่เป็นข่าว

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีคลิปเสียงสนทนากับมาร์เก็ตติ้งสาวเรื่องที่มีการโอนหุ้นนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบเพราะต้องหาเครื่องมือที่ทันสมัย เนื่องจากเครื่องมือปัจจุบันที่มีอยู่ไม่สามารถยืนยันเส้นเสียงของบุคคลในคลิปว่าเป็นการปลอมเสียงขึ้นมาหรือไม่ แต่คงใช้ในประกอบสำนวนคดีเท่านั้น ส่วนกรณีด้านครอบครัวของนายชูวงษ์ไปยื่นหนังสือขอให้มีการเปลี่ยนหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้น ทางตำรวจยืนยันไม่มีการแทรกแซงและทางตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ควบคุมดูแลการทำงานทุกขั้นตอนอยู่แล้ว

***ฟ้องแน่สื่อหัวสีพ่วงสปริงนิวส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 7 ชั่วโมง พ.ต.ท.บรรยินได้เดินออกจากห้องสอบปากคำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ได้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตนมาสอบปากคำในฐานะพยาน ส่วนจะสอบปากคำในประเด็นใดบ้างนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ อยู่ในสำนวนของทางพนักงานสอบสวน ซึ่งก็ให้การในทุกเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการทราบ รวมทั้งวันนี้ไม่ได้มีการนำเอกสารหลักฐานใดมามอบให้ มีเพียงแต่ข้อมูลที่นำมามอบให้เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า วานนี้ทางพ.ต.ท.บรรยิน จะฟ้องร้องสื่อมวลชนนั้น จะฟ้องร้องในประเด็นอะไร พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ก็จะดำเนินการฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่เสนอข่าวเป็นเท็จ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการให้ทนายความรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะเป็นประเด็นไรนั้น รอฟ้องเดี๋ยวก็จะรู้เอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าใช่ประเด็นที่หาว่า พ.ต.ท.บรรยิน เป็นฆาตกรหรือไม่ พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่าก็ตนไม่ได้เป็นฆาตกร อีกทั้งจะดำเนินการฟ้องร้องสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่ง สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ที่นำรูปของตนไปใช้ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

***ปูดมีผู้พิพากษาเบื้องหลังอายัดหุ้น

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ทาง พ.ต.ท.บรรยิน ได้เคยบอกว่ารู้เรื่องของคุณชูวงษ์ทุกเรื่อง และรู้จัก น.ส.อุรชา และน.ส.กัญฐนา พร้อมกับคุณชูวงษ์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่อยากพูดอะไร เป็นห่วงก็แต่ลูกและเมียชูวงษ์ เพราะเป็นเพื่อนกัน แต่การที่ตนออกมานั้น จำเป็นที่ต้องปกป้องศักดิ์ศรี เพราะว่ามีคนวางแผนเรื่องนี้ ทนายความไม่เท่าไร แต่หลังทนายเนี่ยสิครับ

"ผมให้ไปตรวจสอบดูแล้วกัน คนหลังทนายนั้น เป็นผู้พิพากษาอาวุโสที่เดินตามตูดผู้หญิงคนนี้ ซึ่งคนในสังคมรู้ดีว่าเป็นใคร มีครอบครัวอยู่แล้ว ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่มาร้องทุกข์ทั้งหลาย และเป็นคนที่วางแผนเพียงเพื่อที่จะใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการที่จะอายัดหุ้นไว้ เพราะเขารู้ว่าหากรอให้มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกคงไม่เหลืออะไรแล้ว วันนี้ผมเห็นใจตำรวจที่ต้องมาทำหน้าที่ในสิ่งที่ไม่ควรจะเป็น" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทราบความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างคุณชูวงษ์และภรรยาหรือไม่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ที่พูดไม่ใช่ภรรยา แต่เป็นคนที่มาเดินเรื่องอยู่เป็นผู้หญิง อีกทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีครอบครัวอยู่แล้วแต่ก็ยังมีความใกล้ชิดเป็นพิเศษ ซึ่งเขาเป็นคนวางแผนให้เกมนี้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทาง พ.ต.ท.บรรยิน เชื่อมั่นว่าการเดินหน้าฟ้องร้องในครั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ทางครอบครัวมากกว่าต้องการจะทราบว่าคุณชูวงษ์เสียชีวิตอย่างไร พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ใช่ครับ ผลประโยชน์นี้ไม่ได้ตกกับภรรยาและลูกคุณชูวงษ์ มันจะตกกับบริษัทของคนหนึ่ง ตนเป็นห่วงว่าหลังจากนี้ไปภรรยาและลูกของเพื่อนตน จะสู้ไหวหรือไม่ เพราะต้องมีการสู้เรื่องมรดก และการที่หญิงคนนั้นมีที่ปรึกษาเก่งขนาดนี้ ภรรยาและลูกของเพื่อนตนคงจะสู้ไม่ไหว

"ผมเรียนตรงๆ ว่าไม่เคยมีความรู้สึกโกรธเคืองภรรยาและลูกของเพื่อนผมเลย เพราะมีสิทธิ แต่ผมเป็นห่วงว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนผู้พิพากษาท่านนี้ เข้ามาในครอบครัวคุณชูวงษ์นานแล้ว ไปถามคนในแวดวงสังคม หรือกระทั่งคนในบริษัทก็จะรู้เองว่าเป็นใคร"พ.ต.ท.ชูวงษ์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากการสอบปากคำนานกว่า 7 ชั่วโมง ทางพนักงานสอบสวนได้สอบพ.ต.ท.บรรยินในเรื่องของการโอนหุ้น รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพ.ต.ท.บรรยิน น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และผู้ตายว่าได้รู้จักกันเมื่อไร ซึ่งขณะนี้ทางพ.ต.ท.บรรยิน นั้นเข้ามาสอบปากคำในฐานะพยาน และไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างใด

***ผบ.ตร.แทงเรื่องเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ทนายความและญาติของนายชูวงษ์ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ที่มี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นหัวหน้า เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.39 ของ พ.ต.ท.บรรยิน ว่า กรณีดังกล่าวทางญาตินายชูวงษ์ขอให้เปลี่ยนตัว พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนในตอนแรก แต่หลังจาก พล.ต.อ.สมยศได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ลงไปควบคุมการสอบสวนด้วยตนเอง พล.ต.ท.ศรีวราห์ จึงถือว่าหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ไม่น่าจะมีผลอะไร

อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้แทงหนังสือที่มีการร้องเรียนส่งให้ ผบช.น.พิจารณาแล้ว โดยให้เสนอความเห็นมาว่าจะให้เปลี่ยนตัวหรือไม่

***ไม่ฟันธงตายเพราะอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานถึงเรื่องที่สั่งการให้ไปตรวจสอบเพิ่มเติม ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม เพราะว่ารายงานทางเทคนิเชี่ยนยังไม่มาเป็นทางการ แต่จะมีการประชุมร่วมกับกองบังคับการปราบปรามและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะนำข้อมูลที่แต่ละหน่วยงานไปตรวจสอบมาประมวลเพื่อสรุปผลอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ทางญาติของนายชูวงษ์ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ เพื่อขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังไม่มีคำสั่งมาที่นครบาล ถ้ามีมาก็ต้องพิจารณาดูตามเหตุผล ซึ่งเราจะให้น้ำหนักในเรื่องเพื่อนอย่างเดียวไม่พอ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ จะปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลัง ไม่มีการเอนเอียงไปทางฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างแน่นอน

***พบคลิปเสียงโอนหุ้นไม่ใช่เสียงเสี่ย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบคลิปเสียงของนายชูวงษ์ ที่เคยบันทึกไว้และญาติได้นำมามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อเปรียบเทียบกับคลิปเสียงวันสั่งโอนหุ้น พบว่า จากการพิสูจน์ทราบด้วยวิทยาการสมัยใหม่ ยืนยันว่า ไม่ตรงกับเสียงของนายชูวงษ์ แต่เมื่อนำไปเทียบเคียงกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งสังคมกำลังจับตาในฐานะจอมบงการที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ปรากฏว่าตรงกันพอดี จุดนี้เองจึงเพิ่มความมั่นใจให้แก่ทีมงานสืบสวนกองปราบปรามเป็นอย่างยิ่ง (อ่านรายละเอียดหน้า 6)
กำลังโหลดความคิดเห็น