ASTVผู้จัดการรายวัน-ญาติ “เสี่ยชูวงษ์” ร้องขอเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน เหตุหัวหน้าคณะทำงานเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพ.ต.ท."บรรยิน"“สมยศ” ระบุ ผบช.น.รายงานคดีไม่มีข้อบ่งชี้ฆาตกรรม “ประวุฒิ” ยังไม่ฟันธงเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ย้ำมีหลายประเด็นที่ต้องสืบสวนสอบสวน คาดว่าจะสรุปคดีนี้โดยเร็ว "บรรยิน" เข้าให้ปากคำตร.ขู่ฟ้องนสพ.ฉบับหนึ่งให้ข้อมูลเท็จ ด้าน กองปราบสอบเข้าค้นบริษัทโบรกเกอร์ ขอข้อมูลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” อย่างละเอียด
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ นายกันต์ แซ่ตั๊ง พี่สาวและบุตรชาย พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของญาตินายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อร้องขอให้เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เป็นหัวหน้า เนื่องจากพบว่า พ.ต.อ.ทวีรัชต์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 39 กับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.วรวิทย์ ลิปิพันธ์ รอง ผบช.สทส.เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว
นายเอนกกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายมาจากครอบครัวของนายชูวงษ์ให้นำหนังสือมายื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีที่ สน.อุดมสุข คือ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 หัวหน้าคณะทำงานคลี่คลายคดีการการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เนื่องจากทางครอบครัวเกิดความไม่สบายใจหลังทราบข้อมูลว่าทาง พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 39 รุ่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ และได้รับมอบหมายจาก บช.น.ให้เป็นหัวหน้าสอบสวนในเรื่องนี้ โดยหลังจากมีข่าวช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาที่ว่านายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางครอบครัวจึงเคลือบแคลงสงสัยว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยิ่งทำให้ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ไม่สบายใจอย่างมาก ในวันนี้จึงได้มายื่นหนังสือถึงท่าน ผบ.ตร. เพื่อเรียกร้องขอให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เพื่อความสบายใจของครอบครัวนายชูวงษ์ และเป็นผลดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นผลดีต่อรูปคดีอีกด้วย
“เรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาควบคุมสำนวนการสอบสวนต้องมีลักษณะเป็นกลาง เพื่อสามารถตอบคำถามสังคมได้ อีกทั้งอยากขอให้หยุดเสนอข่าวในทำนองว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะคดียังไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้ทิศทางการสอบสวนเป็นไปในทางเดียวกัน โดยทั้ง 2 สำนวน ทั้ง สน.อุดมสุข และที่กองปราบปรามจะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ต้องรอข้อมูลจากกองปราบปราม ผมเชื่อว่าทางกองปราบปรามจะขอเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมาตรวจสอบอีกจำนวนมาก และมันจะพิสูจน์ได้ว่าลายเซ็นในเอกสารสารโอนหุ้นกับลายมือเขียนจะตรงกันหรือไม่” นายเอนก กล่าว
นายอเนกกล่าวอีกว่า ทางครอบครัวได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปทางกองปราบ เช่น คลิปวิดีโอ เอกสาร เสียงของนายชูวงษ์ซึ่งนายชูวงษ์ได้พูดก่อนตาย 1 วัน เพื่อเอาไปเปรียบเทียบกับการซื้อขายหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ก็จะสามารถเชื่อมโยงได้ว่าเสียงที่อยู่ในคลิปเป็นเสียงของนายชูวงษ์หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ว่าใครมีส่วนในการกระทำความผิดบ้าง ขอยืนยันว่าหลักฐานเหล่านี้สามารถดำเนินการเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจนต้องรอการสอบสวนของกองปราบปรามอีกครั้ง และต้องรอดูว่าวันที่ 29 ก.ค.นี้ พ.ต.ท.บรรยินจะเข้ามาให้ปากคำเพื่อความกระจ่างชัดเจนหรือไม่
อย่างไรก็ดี หากผลสุดท้ายสรุปว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุแต่ทางครอบครัวยังมีข้อสงสัย ก็จะหาที่พึ่งทางกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ เช่น ขอความเป็นธรรมไปยังพนักงานอัยการเพื่อให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมในประเด็นข้อสงสัยทั้งหมด แต่ยืนยันว่าขณะนี้ทางเรายินดีให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของ สน.อุดมสุข และกองปราบปรามอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปลี่ยนชุดสืบสวนแล้วคดีออกมาแบบเดิม นายเอนกกล่าวว่า เราขอแค่ให้ผลการสอบสวนสามารถตอบต่อสังคมได้เท่านั้นว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ขณะนี้เมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏแบบนี้ จะตอบโจทย์ของประชาชนได้อย่างไรในประเด็นที่ว่าหัวหน้าชุดสอบสวนเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับผู้ที่ถูกสอบปากคำ เชื่อว่าสังคมต้องไม่เข้าใจในประเด็นนี้แน่นอน ซึ่งเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าหากไม่มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนจะทำอย่างไร นายเอนกกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องของจริยธรรมของข้าราชการ เพราะจะให้เราไว้ใจได้อย่างไรว่ารายละเอียดข้อมูลในสำนวนการสอบสวนจะเล็ดรอดไปถึงใครหรือไม่ อีกทั้งตามหลักแล้วหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่สอบสวนต้องไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เข้ามาสอบสวนร่วมด้วย ต้องแจ้งรายชื่อทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าจะแย้งหรือไม่ แต่กรณีนี้ไม่มี
***ผบ.ตร.เผยรายงานคดีของผบช.น.ระบุไม่มีข้อบ่งชี้ฆาตกรรม
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ โดยได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.แล้วว่าจากการสืบสวนยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ในรถยนต์ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน เป็นคนขับ เป็นการฆาตกรรม โดยพยานหลักฐานหลายอย่างชี้ว่าเป็นอุบัติเหตุ ตนได้ย้ำกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ว่าให้ทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา ว่าไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสี หากหลักฐานบอกว่าเป็นอุบัติเหตุก็เป็นตามนั้น แต่พนักงานสอบสวนก็ต้องมีคำตอบ หรือมีสิ่งที่บอกกับญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตและสังคมว่าเหตุใดถึงพิจารณาตัดสินว่าเป็นการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะชี้แจงให้กระจ่าง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ทางญาติของนายนายชูวงษ์จะมายื่นหนังสือขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่นั้น มองว่าสามารถดำเนินการได้ แต่ยื่นมาก็อยู่ที่ทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน หากเปลี่ยนก็ต้องมีเหตุมาให้ว่าจะเปลี่ยนเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไม่พอใจแล้วจะให้เปลี่ยน คงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องคิดถึงหัวอกคนที่ตั้งใจทำงาน จะมาเปลี่ยนเขาจะรู้สึกอย่างไร เปลี่ยนด้วยเหตุผลอะไรต้องชี้แจง การไม่พอใจแล้วมาเปลี่ยนมันไม่ได้อยู่ในวิสัยที่พึงกระทำ การเปลี่ยนชุดพนักงานสืบสวนก็เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ตนมั่นใจในพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ลงไปดูคดีนี้ด้วยตนเอง ดูสำนวนการสอบสวนเอง สอบสวนเอง ถ้าเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ก็เท่ากับไม่ไว้ใจ ผบช.น.
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้วไม่มีปกป้อง ไม่ต้องกลัวว่าเป็นตำรวจตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วเราจะปกป้องช่วยเหลือกัน ยืนยันว่าไม่มี ส่วนกรณี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นเหตุผลที่จะรับฟังเพื่อเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนได้หรือไม่นั้น หากพยานหลักฐานบอกว่าเป็นการฆาตกรรม ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็ช่วยไม่ได้ มันไม่มีทาง ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าทำไมถึงเป็นการฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ อย่าไปรีบ ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เพราะฉะนั้นผลออกมาเป็นอย่างไรต้องตอบสังคม คู่กรณีให้ได้
“ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ทำแบบตรงไปตรงมา ซึ่งคดีนี้ ผบช.น.รายงานว่ายังไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นฆาตกรรม หลายอย่างก็บอกว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุปกติ แต่เมื่อญาติฝ่ายผู้ตาย หรือสังคมมีความเคลือบแคลงสงสัยก็ต้องพิสูจน์กัน หากสงสัยตรงส่วนไหนให้บอกพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการสอบสวนร่วมกัน ถ้ามีหลักฐานที่จะดำเนินคดีได้ก็ต้องว่ากันไป อย่างไรก็ตามมองดูแล้วเรื่องการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนก็ไม่น่าจะมีเหตุผลให้เปลี่ยน ก็อย่างที่บอกต้องการเปลี่ยนเพราะอะไรต้องมีเหตุผลที่ฟังได้“ พล.ต.อ.สมยศกล่าว
***ตร.ยังไม่ฟันธง เสี่ยชูวงษ์ ตายเพราะอุบัติเหตุ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.เปิดถึงความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ กรณีที่มีกระแสข่าวว่าการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์เป็นการประสบอุบัติเหตุนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่มีการสรุปสำนวน เพราะเท่าที่ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. ระบุว่ายังจะต้องรอตรวจสอบข้อมูลอีกหลายอย่าง ซึ่งจะจัดให้มีการประชุมติดตามคดีเสี่ยชูวงษ์ ระหว่างชุดคลี่คลายคดีของกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) คาดว่าต่อจากนี้จะต้องรอหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์ และข้อมูลสำคัญกับผู้เชี่ยวชาญ เพราะความละเอียดในวันเกิดเหตุคือแรงกระแทกในแนวตั้ง หากรถวิ่งเข้าไปในที่ขรุขระจะมีการกระแทกขึ้นลง ถ้าถามว่าสามารถทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่นั้น มันเป็นไปได้ ขณะนี้ตนไม่ขอฟันธงว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะต้องมีเหตุผลว่าชิ้นส่วนที่ไปกระแทกในรถเป็นส่วนใดหากเป็นจุดแข็งต้องไปพิสูจน์ หากพบว่าเสียชีวิตจากของแข็งกระแทกแต่ในรถไม่มีของแข็งเลยก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะกระแทกในรถ ซึ่งต้องรอผลจากผู้เชี่ยวชายนำมาเปรียบเทียบกับบาดแผลจากศพที่อยู่ในรถ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก หากชัดเจนก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าแผลที่เกิดตามร่างกายของนายชูวงษ์เกิดจากแรงกระแทกอะไรบ้าง แผลใดที่ทำให้เสียชีวิต หรือแผลใดที่ทำให้มีแผลฉกรรจ์ และต้องนำมาเปรียบเทียบกับสภาพในรถในตำแหน่งที่นายชูวงษ์นั่งอยู่
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมร่วมกันระหว่าง บก.ป.และ บช.น.จะนำข้อมูลในส่วนใดที่จะนำมาเสนอหรือแลกเปลี่ยนกัน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก็เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องในสำนวนแทบทั้งหมดไม่สามารถตอบได้ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะมีการแถลงให้ทราบหลังจากที่สรุปสำนวนทั้ง 2 เรื่องแล้ว ส่วนการเสียชีวิตก็ยังไม่มีชี้ชัดว่าเป็นอุบัติเหตุ ข่าวที่ออกมามีความคลาดเคลื่อนหรือไม่นั้น ตนไม่ได้เป็นคนพูด ซึ่งความจริงดูจากข้อมูลก็ยังสันนิษฐานไม่ได้ อย่างที่ตนเคยย้ำว่าบางครั้งหลักฐานได้มาครบแล้วก็ยังไม่สามารถสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทั้งนี้ หากญาตินายชูวงษ์มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีให้นำมาชี้แจง เพราะสามารถนำมาประกอบในการสืบสวนสอบสวนคดีได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของคลิปเสียงนายชูวงษ์มีการตรวจสอบแล้วเป็นอย่างไร พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของคลิปเสียงมีการเลียนเสียงได้ ในกรณีอื่นๆ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักในการใช้คลิปเสียงไปเป็นพยานในคดีต่างๆ มีความลดน้อยลง ตอนนี้กำลังหาเทคโนโนโลยีที่สามารถเพิ่มความละเอียดของการตรวจเสียงให้สามารถใช้ในการพิสูจน์ทราบเสียงบุคคลเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี
ด้านผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของการโอนหุ้น ที่ บก.ป.รับผิดชอบรายงานผู้บังคับบัญชาเรื่องความผิดปกติของการโอนหุ้นหรือมีความเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.บรรยินอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า พบว่ามีความผิดปกติในเรื่องของเอกสารที่เกี่ยวข้องและพฤตินัย แต่ว่าตนไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นอะไร ตอนนี้มีการอายัดหุ้นไว้แล้วห้ามซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆได้ ส่วน พ.ต.ท.บรรยินมีความสนิทสนมกับแคดดี้และโบรกเกอร์อย่างไร พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นายชูวงษ์และ พ.ต.ท.บรรยินสนิทกันมาก เวลาไปไหนทำอะไร รู้จักใครก็จะรู้จักพร้อมๆ กัน จากการสอบปากคำเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันบอว่าเวลาไปไหนสองคนนี้ก็จะไปด้วยกันตลอดเวลา
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า วันนี้ (29 ก.ค.) พ.ต.ท.บรรยินจะเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อให้ปากคำกรณีการโอนหุ้นว่ารู้เห็นเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นให้กับหญิงสาวคนสนิทของนายชูวงษ์ ทั้งสองรายอย่างไร แต่ว่าเรื่องอุบัติเหตุการเสียชีวิตทาง สน.อุดมสุข ได้สอบปากคำไว้หมดแล้ว ส่วนจะมีการเชิญตัวโบรกเกอร์และอดีตแคดดี้มาสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องดูว่ามีประเด็นใหม่ที่ต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็จะเชิญมา แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะพยายามทำเต็มที่ เพราะต้องชี้แจงต่อสังคมและญาติให้ได้ ทางฝ่ายผู้ต้องหาจะเปลี่ยนข้อหาจขากขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าเพราะอะไร และต้องมีข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินคดีในศาลให้ได้
***บุกค้นบริษัทโบกเกอร์ขอข้อมูลโอนหุ้น
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายชูวงษ์ ว่าพนักงานสอบสวนได้เชิญเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี 3 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปยัง น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สาว รวมมูลค่า 228 ล้านบาท โดยจะสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับขั้นตอนการโอนหุ้นอย่างละเอียด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 10 ปาก แต่ยังมีผู้ที่จะต้องเชิญตัวมาสอบถามข้อมูลอีกจำนวนหนึ่ง และยังคงเป็นประเด็นเกี่ยวกับการโอนหุ้น โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสอบปากคำเสร็จสิ้น
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวต่อว่า หลังจากสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไว้แล้วก็จะนำข้อมูลที่ได้รับมาประมวลอีกครั้งก่อนรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และร่วมประชุมคณะทำงานเพื่อวางแผนการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ส่วนการสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และ รมช.พาณิชย์ ยังคงเป็นไปตามกำหนดนัดหมายซึ่งทาง พ.ต.ท.บรรยินขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.30 น.โดยจะมีการสอบถามในประเด็นความสัมพันธ์กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด และยังรับงานเป็นพริตตี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการตรวจสอบลายเซ็นในเอกสารที่เกี่ยวข้อง พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า ในส่วนของลายเซ็นในเอกสารต่างๆ ทางพนักงานสอบสวนได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าไม่นานก็จะตรวจสอบเสร็จสิ้นและส่งผลกลับมายังพนักงานสอบสวน ขณะที่คลิปเสียงของนายชูวงษ์ คงไม่มีการตรวจพิสูจน์จากทาง พฐ.เนื่องจากไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานที่ใช้ยืนยันในชั้นศาลได้ โดยเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีเรียกคู่สนทนาของผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในคลิปเสียงมาสอบสวนเพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของเสียงจริงหรือไม่ ก่อนนำไปประกอบสำนวนการสอบสวน
ต่อข้อถามถึงผลการตรวจสอสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ว่าเกิดจากอุบัติเหตุจะมีผลกระทบต่อการสอบสวนในส่วนของ บก.ป.หรือไม่ พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า กรณีของการรื้อฟื้นคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นคงไม่มีผลต่อการสอบสวนในส่วนที่พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ดำเนินการอยู่ และทาง บก.ป.จะรับผิดชอบในประเด็นที่ญาติของนายชูวงษ์ ร้องทุกข์ขอให้ตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้นของผู้เสียชีวิตไปยังบุคคลที่ 3 ก่อนจะเสียชีวิต เนื่องจากพบพิรุธเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี 3 ราย ในประเด็นการโอนหุ้นของนายชูวงษ์เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหมดได้เดินทางกลับออกไปทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนประเด็นการสอบปากคำนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของขั้นตอนการโอนหุ้น ซึ่งโดยปกติการโอนหุ้นนั้นเมื่อเจ้าของพอร์ตหรือเจ้าของหุ้นมีความประสงค์ที่จะโอนหุ้นให้กับใครก็จะทำเอกสาร ก่อนส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหรือโบรกเกอร์ที่รับผิดชอบ ก่อนที่จะส่งเอกสารให้กับหัวหน้าฝ่ายการตลาด จากนั้นก็จะส่งให้กับแผนกที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ทำการตรวจสอบเอกสารว่าลายเซ็นถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่จะมีการโทรศัพท์ไปยังเจ้าของหุ้นเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมและอนุมัติการทำธุรกรรมต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าหลังจากที่วานนี้ชุดสืบสวนได้นำกำลังไปตรวจค้น 2 จุดประกอบไปด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด มหาชน และ บมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย จำกัดมหาชน โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารการดำเนินธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด มหาชน และบมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย จำกัดมหาชน
ที่เกี่ยวข้องกับนายชูวงษ์ทั้งหมด ทั้งนี้ทางบ.เออีซี ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทส่งเอกสารให้ในภายหลัง โดยให้เหตุผลว่าบริษัทปิดทำการแล้ว รวมทั้งนาย พิสิษฐ์ ตันวนรัตน์สกุล หรือ โจ๊ก เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่ดูแลหุ้นนายชูวงษ์ ก็จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ในวันนี้ (28 ก.ค. ) เวลา 17.00น.
ส่วน บ.อาร์เอชบี โอเอสเค ได้ทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดทั้งหมด เพื่อความชัดเจนในคดีนี้ รายงานข่าวแจ้งอีกว่าเจ้าหน้าที่ได้เน้นสอบปากคำเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย จำกัดมหาชน ทั้งน.ส.โบว์ และน.ส.เกด ในเรื่องของการทำธุรกรรมของนายชูวงษ์ โดยน.ส.โบว์เป็นผู้ดำเนินการทำเอกสาร และน.ส.เกดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่ดูแลหุ้นของนายชูวงษ์ เบื้องต้นทั้งสองให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อย่างไรก็ตามในวันนี้เตรียมประสานข้อมูลกับทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ (ก.ล.ต.) ในประเด็นเรื่องขั้นตอนการโอนหุ้นหรือการทำธุรกรรมว่าโดยปกติโบรกเกอร์สามารถโอนหุ้นที่ไม่ใช่ลูกค้าที่ตัวเองดูแลได้หรือไม่
ซึ่งประเด็นนี้อยู่ระหว่างการขอข้อมูลขั้นตอนกับทางก.ล.ต. เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
***บรรยินเข้าให้ปากคำ ขู่ฟ้องนสพ.
ที่สน.อุดมสุข พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. เดินทางมายังสน.อุดมสุข เพื่อตรวจความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อตรวจสอบสำนวนคดีให้มีความสมบูรณ์รอบคอบ สำหรับการสอบปากคำพยาน ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วทั้งหมดจำนวน 35 ปาก โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ปาก ได้แก่ ภรรยา ลูก พี่สาว เลขา และก๊วนกอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตาย อย่างไรก็ดียังคงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางนิติเวชและกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ทั้งนี้ในกรณีของการเปลี่ยนหัวหน้าและชุดพนักงานสอบสวนนั้น ในส่วนนี้เป็นการดูแลของกองบัญชาการนครบาลที่จะมีการพิจารณาดูแลต่อไป ซึ่งมีหลักการกฎเกณฑ์ข้อบังคับในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวชัดเจนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ทางพนักงานสอบสวนได้เรียก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เข้ามาเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งต่อมาเมื่อเวลา 15.20 น. ผู้สื่อข่าวถามพ.ต.ท.บรรยิน ว่ามีอะไรอยากระบายผ่านสื่อหรือไม่
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวสั้นๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างแรกเลยจะฟ้องหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่ง ที่เป็นผู้เปิดประเด็นวันแรกเนื่องจากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อ
ร้องขอเปลี่ยนตัว - นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ นายกันต์ แซ่ตั๊ง พี่สาวและบุตรชาย พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของญาตินายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ นายกันต์ แซ่ตั๊ง พี่สาวและบุตรชาย พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของญาตินายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อร้องขอให้เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เป็นหัวหน้า เนื่องจากพบว่า พ.ต.อ.ทวีรัชต์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 39 กับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.วรวิทย์ ลิปิพันธ์ รอง ผบช.สทส.เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว
นายเอนกกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายมาจากครอบครัวของนายชูวงษ์ให้นำหนังสือมายื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีที่ สน.อุดมสุข คือ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 หัวหน้าคณะทำงานคลี่คลายคดีการการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เนื่องจากทางครอบครัวเกิดความไม่สบายใจหลังทราบข้อมูลว่าทาง พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 39 รุ่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ และได้รับมอบหมายจาก บช.น.ให้เป็นหัวหน้าสอบสวนในเรื่องนี้ โดยหลังจากมีข่าวช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาที่ว่านายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางครอบครัวจึงเคลือบแคลงสงสัยว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยิ่งทำให้ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ไม่สบายใจอย่างมาก ในวันนี้จึงได้มายื่นหนังสือถึงท่าน ผบ.ตร. เพื่อเรียกร้องขอให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เพื่อความสบายใจของครอบครัวนายชูวงษ์ และเป็นผลดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นผลดีต่อรูปคดีอีกด้วย
“เรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาควบคุมสำนวนการสอบสวนต้องมีลักษณะเป็นกลาง เพื่อสามารถตอบคำถามสังคมได้ อีกทั้งอยากขอให้หยุดเสนอข่าวในทำนองว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะคดียังไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้ทิศทางการสอบสวนเป็นไปในทางเดียวกัน โดยทั้ง 2 สำนวน ทั้ง สน.อุดมสุข และที่กองปราบปรามจะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ต้องรอข้อมูลจากกองปราบปราม ผมเชื่อว่าทางกองปราบปรามจะขอเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมาตรวจสอบอีกจำนวนมาก และมันจะพิสูจน์ได้ว่าลายเซ็นในเอกสารสารโอนหุ้นกับลายมือเขียนจะตรงกันหรือไม่” นายเอนก กล่าว
นายอเนกกล่าวอีกว่า ทางครอบครัวได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปทางกองปราบ เช่น คลิปวิดีโอ เอกสาร เสียงของนายชูวงษ์ซึ่งนายชูวงษ์ได้พูดก่อนตาย 1 วัน เพื่อเอาไปเปรียบเทียบกับการซื้อขายหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ก็จะสามารถเชื่อมโยงได้ว่าเสียงที่อยู่ในคลิปเป็นเสียงของนายชูวงษ์หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ว่าใครมีส่วนในการกระทำความผิดบ้าง ขอยืนยันว่าหลักฐานเหล่านี้สามารถดำเนินการเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจนต้องรอการสอบสวนของกองปราบปรามอีกครั้ง และต้องรอดูว่าวันที่ 29 ก.ค.นี้ พ.ต.ท.บรรยินจะเข้ามาให้ปากคำเพื่อความกระจ่างชัดเจนหรือไม่
อย่างไรก็ดี หากผลสุดท้ายสรุปว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุแต่ทางครอบครัวยังมีข้อสงสัย ก็จะหาที่พึ่งทางกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ เช่น ขอความเป็นธรรมไปยังพนักงานอัยการเพื่อให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมในประเด็นข้อสงสัยทั้งหมด แต่ยืนยันว่าขณะนี้ทางเรายินดีให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของ สน.อุดมสุข และกองปราบปรามอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปลี่ยนชุดสืบสวนแล้วคดีออกมาแบบเดิม นายเอนกกล่าวว่า เราขอแค่ให้ผลการสอบสวนสามารถตอบต่อสังคมได้เท่านั้นว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ขณะนี้เมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏแบบนี้ จะตอบโจทย์ของประชาชนได้อย่างไรในประเด็นที่ว่าหัวหน้าชุดสอบสวนเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับผู้ที่ถูกสอบปากคำ เชื่อว่าสังคมต้องไม่เข้าใจในประเด็นนี้แน่นอน ซึ่งเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าหากไม่มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนจะทำอย่างไร นายเอนกกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องของจริยธรรมของข้าราชการ เพราะจะให้เราไว้ใจได้อย่างไรว่ารายละเอียดข้อมูลในสำนวนการสอบสวนจะเล็ดรอดไปถึงใครหรือไม่ อีกทั้งตามหลักแล้วหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่สอบสวนต้องไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เข้ามาสอบสวนร่วมด้วย ต้องแจ้งรายชื่อทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าจะแย้งหรือไม่ แต่กรณีนี้ไม่มี
***ผบ.ตร.เผยรายงานคดีของผบช.น.ระบุไม่มีข้อบ่งชี้ฆาตกรรม
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ โดยได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.แล้วว่าจากการสืบสวนยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ในรถยนต์ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน เป็นคนขับ เป็นการฆาตกรรม โดยพยานหลักฐานหลายอย่างชี้ว่าเป็นอุบัติเหตุ ตนได้ย้ำกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ว่าให้ทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา ว่าไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสี หากหลักฐานบอกว่าเป็นอุบัติเหตุก็เป็นตามนั้น แต่พนักงานสอบสวนก็ต้องมีคำตอบ หรือมีสิ่งที่บอกกับญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตและสังคมว่าเหตุใดถึงพิจารณาตัดสินว่าเป็นการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะชี้แจงให้กระจ่าง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ทางญาติของนายนายชูวงษ์จะมายื่นหนังสือขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่นั้น มองว่าสามารถดำเนินการได้ แต่ยื่นมาก็อยู่ที่ทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน หากเปลี่ยนก็ต้องมีเหตุมาให้ว่าจะเปลี่ยนเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไม่พอใจแล้วจะให้เปลี่ยน คงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องคิดถึงหัวอกคนที่ตั้งใจทำงาน จะมาเปลี่ยนเขาจะรู้สึกอย่างไร เปลี่ยนด้วยเหตุผลอะไรต้องชี้แจง การไม่พอใจแล้วมาเปลี่ยนมันไม่ได้อยู่ในวิสัยที่พึงกระทำ การเปลี่ยนชุดพนักงานสืบสวนก็เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ตนมั่นใจในพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ลงไปดูคดีนี้ด้วยตนเอง ดูสำนวนการสอบสวนเอง สอบสวนเอง ถ้าเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ก็เท่ากับไม่ไว้ใจ ผบช.น.
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้วไม่มีปกป้อง ไม่ต้องกลัวว่าเป็นตำรวจตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วเราจะปกป้องช่วยเหลือกัน ยืนยันว่าไม่มี ส่วนกรณี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นเหตุผลที่จะรับฟังเพื่อเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนได้หรือไม่นั้น หากพยานหลักฐานบอกว่าเป็นการฆาตกรรม ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็ช่วยไม่ได้ มันไม่มีทาง ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าทำไมถึงเป็นการฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ อย่าไปรีบ ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เพราะฉะนั้นผลออกมาเป็นอย่างไรต้องตอบสังคม คู่กรณีให้ได้
“ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ทำแบบตรงไปตรงมา ซึ่งคดีนี้ ผบช.น.รายงานว่ายังไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นฆาตกรรม หลายอย่างก็บอกว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุปกติ แต่เมื่อญาติฝ่ายผู้ตาย หรือสังคมมีความเคลือบแคลงสงสัยก็ต้องพิสูจน์กัน หากสงสัยตรงส่วนไหนให้บอกพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการสอบสวนร่วมกัน ถ้ามีหลักฐานที่จะดำเนินคดีได้ก็ต้องว่ากันไป อย่างไรก็ตามมองดูแล้วเรื่องการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนก็ไม่น่าจะมีเหตุผลให้เปลี่ยน ก็อย่างที่บอกต้องการเปลี่ยนเพราะอะไรต้องมีเหตุผลที่ฟังได้“ พล.ต.อ.สมยศกล่าว
***ตร.ยังไม่ฟันธง เสี่ยชูวงษ์ ตายเพราะอุบัติเหตุ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.เปิดถึงความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ กรณีที่มีกระแสข่าวว่าการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์เป็นการประสบอุบัติเหตุนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่มีการสรุปสำนวน เพราะเท่าที่ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. ระบุว่ายังจะต้องรอตรวจสอบข้อมูลอีกหลายอย่าง ซึ่งจะจัดให้มีการประชุมติดตามคดีเสี่ยชูวงษ์ ระหว่างชุดคลี่คลายคดีของกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) คาดว่าต่อจากนี้จะต้องรอหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์ และข้อมูลสำคัญกับผู้เชี่ยวชาญ เพราะความละเอียดในวันเกิดเหตุคือแรงกระแทกในแนวตั้ง หากรถวิ่งเข้าไปในที่ขรุขระจะมีการกระแทกขึ้นลง ถ้าถามว่าสามารถทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่นั้น มันเป็นไปได้ ขณะนี้ตนไม่ขอฟันธงว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะต้องมีเหตุผลว่าชิ้นส่วนที่ไปกระแทกในรถเป็นส่วนใดหากเป็นจุดแข็งต้องไปพิสูจน์ หากพบว่าเสียชีวิตจากของแข็งกระแทกแต่ในรถไม่มีของแข็งเลยก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะกระแทกในรถ ซึ่งต้องรอผลจากผู้เชี่ยวชายนำมาเปรียบเทียบกับบาดแผลจากศพที่อยู่ในรถ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก หากชัดเจนก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าแผลที่เกิดตามร่างกายของนายชูวงษ์เกิดจากแรงกระแทกอะไรบ้าง แผลใดที่ทำให้เสียชีวิต หรือแผลใดที่ทำให้มีแผลฉกรรจ์ และต้องนำมาเปรียบเทียบกับสภาพในรถในตำแหน่งที่นายชูวงษ์นั่งอยู่
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมร่วมกันระหว่าง บก.ป.และ บช.น.จะนำข้อมูลในส่วนใดที่จะนำมาเสนอหรือแลกเปลี่ยนกัน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก็เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องในสำนวนแทบทั้งหมดไม่สามารถตอบได้ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะมีการแถลงให้ทราบหลังจากที่สรุปสำนวนทั้ง 2 เรื่องแล้ว ส่วนการเสียชีวิตก็ยังไม่มีชี้ชัดว่าเป็นอุบัติเหตุ ข่าวที่ออกมามีความคลาดเคลื่อนหรือไม่นั้น ตนไม่ได้เป็นคนพูด ซึ่งความจริงดูจากข้อมูลก็ยังสันนิษฐานไม่ได้ อย่างที่ตนเคยย้ำว่าบางครั้งหลักฐานได้มาครบแล้วก็ยังไม่สามารถสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทั้งนี้ หากญาตินายชูวงษ์มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีให้นำมาชี้แจง เพราะสามารถนำมาประกอบในการสืบสวนสอบสวนคดีได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของคลิปเสียงนายชูวงษ์มีการตรวจสอบแล้วเป็นอย่างไร พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของคลิปเสียงมีการเลียนเสียงได้ ในกรณีอื่นๆ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักในการใช้คลิปเสียงไปเป็นพยานในคดีต่างๆ มีความลดน้อยลง ตอนนี้กำลังหาเทคโนโนโลยีที่สามารถเพิ่มความละเอียดของการตรวจเสียงให้สามารถใช้ในการพิสูจน์ทราบเสียงบุคคลเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี
ด้านผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของการโอนหุ้น ที่ บก.ป.รับผิดชอบรายงานผู้บังคับบัญชาเรื่องความผิดปกติของการโอนหุ้นหรือมีความเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.บรรยินอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า พบว่ามีความผิดปกติในเรื่องของเอกสารที่เกี่ยวข้องและพฤตินัย แต่ว่าตนไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นอะไร ตอนนี้มีการอายัดหุ้นไว้แล้วห้ามซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆได้ ส่วน พ.ต.ท.บรรยินมีความสนิทสนมกับแคดดี้และโบรกเกอร์อย่างไร พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นายชูวงษ์และ พ.ต.ท.บรรยินสนิทกันมาก เวลาไปไหนทำอะไร รู้จักใครก็จะรู้จักพร้อมๆ กัน จากการสอบปากคำเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันบอว่าเวลาไปไหนสองคนนี้ก็จะไปด้วยกันตลอดเวลา
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า วันนี้ (29 ก.ค.) พ.ต.ท.บรรยินจะเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อให้ปากคำกรณีการโอนหุ้นว่ารู้เห็นเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นให้กับหญิงสาวคนสนิทของนายชูวงษ์ ทั้งสองรายอย่างไร แต่ว่าเรื่องอุบัติเหตุการเสียชีวิตทาง สน.อุดมสุข ได้สอบปากคำไว้หมดแล้ว ส่วนจะมีการเชิญตัวโบรกเกอร์และอดีตแคดดี้มาสอบปากคำเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องดูว่ามีประเด็นใหม่ที่ต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็จะเชิญมา แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะพยายามทำเต็มที่ เพราะต้องชี้แจงต่อสังคมและญาติให้ได้ ทางฝ่ายผู้ต้องหาจะเปลี่ยนข้อหาจขากขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าเพราะอะไร และต้องมีข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินคดีในศาลให้ได้
***บุกค้นบริษัทโบกเกอร์ขอข้อมูลโอนหุ้น
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายชูวงษ์ ว่าพนักงานสอบสวนได้เชิญเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี 3 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปยัง น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สาว รวมมูลค่า 228 ล้านบาท โดยจะสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับขั้นตอนการโอนหุ้นอย่างละเอียด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 10 ปาก แต่ยังมีผู้ที่จะต้องเชิญตัวมาสอบถามข้อมูลอีกจำนวนหนึ่ง และยังคงเป็นประเด็นเกี่ยวกับการโอนหุ้น โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสอบปากคำเสร็จสิ้น
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวต่อว่า หลังจากสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไว้แล้วก็จะนำข้อมูลที่ได้รับมาประมวลอีกครั้งก่อนรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และร่วมประชุมคณะทำงานเพื่อวางแผนการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ส่วนการสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และ รมช.พาณิชย์ ยังคงเป็นไปตามกำหนดนัดหมายซึ่งทาง พ.ต.ท.บรรยินขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.30 น.โดยจะมีการสอบถามในประเด็นความสัมพันธ์กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด และยังรับงานเป็นพริตตี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการตรวจสอบลายเซ็นในเอกสารที่เกี่ยวข้อง พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า ในส่วนของลายเซ็นในเอกสารต่างๆ ทางพนักงานสอบสวนได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าไม่นานก็จะตรวจสอบเสร็จสิ้นและส่งผลกลับมายังพนักงานสอบสวน ขณะที่คลิปเสียงของนายชูวงษ์ คงไม่มีการตรวจพิสูจน์จากทาง พฐ.เนื่องจากไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานที่ใช้ยืนยันในชั้นศาลได้ โดยเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีเรียกคู่สนทนาของผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในคลิปเสียงมาสอบสวนเพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของเสียงจริงหรือไม่ ก่อนนำไปประกอบสำนวนการสอบสวน
ต่อข้อถามถึงผลการตรวจสอสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ว่าเกิดจากอุบัติเหตุจะมีผลกระทบต่อการสอบสวนในส่วนของ บก.ป.หรือไม่ พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า กรณีของการรื้อฟื้นคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นคงไม่มีผลต่อการสอบสวนในส่วนที่พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ดำเนินการอยู่ และทาง บก.ป.จะรับผิดชอบในประเด็นที่ญาติของนายชูวงษ์ ร้องทุกข์ขอให้ตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้นของผู้เสียชีวิตไปยังบุคคลที่ 3 ก่อนจะเสียชีวิต เนื่องจากพบพิรุธเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี 3 ราย ในประเด็นการโอนหุ้นของนายชูวงษ์เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหมดได้เดินทางกลับออกไปทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนประเด็นการสอบปากคำนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของขั้นตอนการโอนหุ้น ซึ่งโดยปกติการโอนหุ้นนั้นเมื่อเจ้าของพอร์ตหรือเจ้าของหุ้นมีความประสงค์ที่จะโอนหุ้นให้กับใครก็จะทำเอกสาร ก่อนส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหรือโบรกเกอร์ที่รับผิดชอบ ก่อนที่จะส่งเอกสารให้กับหัวหน้าฝ่ายการตลาด จากนั้นก็จะส่งให้กับแผนกที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ทำการตรวจสอบเอกสารว่าลายเซ็นถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่จะมีการโทรศัพท์ไปยังเจ้าของหุ้นเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมและอนุมัติการทำธุรกรรมต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าหลังจากที่วานนี้ชุดสืบสวนได้นำกำลังไปตรวจค้น 2 จุดประกอบไปด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด มหาชน และ บมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย จำกัดมหาชน โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารการดำเนินธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด มหาชน และบมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย จำกัดมหาชน
ที่เกี่ยวข้องกับนายชูวงษ์ทั้งหมด ทั้งนี้ทางบ.เออีซี ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทส่งเอกสารให้ในภายหลัง โดยให้เหตุผลว่าบริษัทปิดทำการแล้ว รวมทั้งนาย พิสิษฐ์ ตันวนรัตน์สกุล หรือ โจ๊ก เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่ดูแลหุ้นนายชูวงษ์ ก็จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ในวันนี้ (28 ก.ค. ) เวลา 17.00น.
ส่วน บ.อาร์เอชบี โอเอสเค ได้ทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดทั้งหมด เพื่อความชัดเจนในคดีนี้ รายงานข่าวแจ้งอีกว่าเจ้าหน้าที่ได้เน้นสอบปากคำเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบมจ.หลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย จำกัดมหาชน ทั้งน.ส.โบว์ และน.ส.เกด ในเรื่องของการทำธุรกรรมของนายชูวงษ์ โดยน.ส.โบว์เป็นผู้ดำเนินการทำเอกสาร และน.ส.เกดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่ดูแลหุ้นของนายชูวงษ์ เบื้องต้นทั้งสองให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อย่างไรก็ตามในวันนี้เตรียมประสานข้อมูลกับทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ (ก.ล.ต.) ในประเด็นเรื่องขั้นตอนการโอนหุ้นหรือการทำธุรกรรมว่าโดยปกติโบรกเกอร์สามารถโอนหุ้นที่ไม่ใช่ลูกค้าที่ตัวเองดูแลได้หรือไม่
ซึ่งประเด็นนี้อยู่ระหว่างการขอข้อมูลขั้นตอนกับทางก.ล.ต. เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
***บรรยินเข้าให้ปากคำ ขู่ฟ้องนสพ.
ที่สน.อุดมสุข พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. เดินทางมายังสน.อุดมสุข เพื่อตรวจความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อตรวจสอบสำนวนคดีให้มีความสมบูรณ์รอบคอบ สำหรับการสอบปากคำพยาน ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วทั้งหมดจำนวน 35 ปาก โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ปาก ได้แก่ ภรรยา ลูก พี่สาว เลขา และก๊วนกอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตาย อย่างไรก็ดียังคงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางนิติเวชและกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ทั้งนี้ในกรณีของการเปลี่ยนหัวหน้าและชุดพนักงานสอบสวนนั้น ในส่วนนี้เป็นการดูแลของกองบัญชาการนครบาลที่จะมีการพิจารณาดูแลต่อไป ซึ่งมีหลักการกฎเกณฑ์ข้อบังคับในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวชัดเจนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ทางพนักงานสอบสวนได้เรียก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เข้ามาเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งต่อมาเมื่อเวลา 15.20 น. ผู้สื่อข่าวถามพ.ต.ท.บรรยิน ว่ามีอะไรอยากระบายผ่านสื่อหรือไม่
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวสั้นๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างแรกเลยจะฟ้องหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่ง ที่เป็นผู้เปิดประเด็นวันแรกเนื่องจากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อ
ร้องขอเปลี่ยนตัว - นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ นายกันต์ แซ่ตั๊ง พี่สาวและบุตรชาย พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของญาตินายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน