xs
xsm
sm
md
lg

ญาติ “เสี่ยชูวงษ์” ร้องขอเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน “สมยศ” ระบุ ผบช.น.รายงานคดีไม่มีข้อบ่งชี้ฆาตกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTVผู้จัดการ - ญาติ “เสี่ยชูวงษ์” ร้อง ผบ.ตร.ขอเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน เหตุเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “บรรยิน” สงสัยข่าวสรุปสาเหตุตายเสี่ยเป็น “อุบัติเหตุ” ออกมาได้อย่างไร ทั้งที่สอบสวนไม่เสร็จ ทนายเชื่อหลักฐานที่ส่งให้ตำรวจเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้ ด้าน ผบ.ตร.เผย ผบช.น.รายงานคดีไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเป็นฆาตกรรม กำชับตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา


วันนี้ (28 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ นายกันต์ แซ่ตั๊ง พี่สาวและบุตรชาย พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของญาตินายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อร้องขอให้เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เป็นหัวหน้า เนื่องจากพบว่า พ.ต.อ.ทวีรัชต์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 39 กับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.วรวิทย์ ลิปิพันธ์ รอง ผบช.สทส.เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว

นายเอนกกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายมาจากครอบครัวของนายชูวงษ์ให้นำหนังสือมายื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีที่ สน.อุดมสุข คือ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 หัวหน้าคณะทำงานคลี่คลายคดีการการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เนื่องจากทางครอบครัวเกิดความไม่สบายใจหลังทราบข้อมูลว่าทาง พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 39 รุ่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ และได้รับมอบหมายจาก บช.น.ให้เป็นหัวหน้าสอบสวนในเรื่องนี้ โดยหลังจากมีข่าวช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาที่ว่านายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางครอบครัวจึงเคลือบแคลงสงสัยว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยิ่งทำให้ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ไม่สบายใจอย่างมาก ในวันนี้จึงได้มายื่นหนังสือถึงท่าน ผบ.ตร. เพื่อเรียกร้องขอให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เพื่อความสบายใจของครอบครัวนายชูวงษ์ และเป็นผลดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นผลดีต่อรูปคดีอีกด้วย

“เรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาควบคุมสำนวนการสอบสวนต้องมีลักษณะเป็นกลาง เพื่อสามารถตอบคำถามสังคมได้ อีกทั้งอยากขอให้หยุดเสนอข่าวในทำนองว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะคดียังไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้ทิศทางการสอบสวนเป็นไปในทางเดียวกัน โดยทั้ง 2 สำนวน ทั้ง สน.อุดมสุข และที่กองปราบปรามจะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ต้องรอข้อมูลจากกองปราบปราม ผมเชื่อว่าทางกองปราบปรามจะขอเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมาตรวจสอบอีกจำนวนมาก และมันจะพิสูจน์ได้ว่าลายเซ็นในเอกสารสารโอนหุ้นกับลายมือเขียนจะตรงกันหรือไม่” นายเอนก กล่าว

นายอเนกกล่าวอีกว่า ทางครอบครัวได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปทางกองปราบ เช่น คลิปวิดีโอ เอกสาร เสียงของนายชูวงษ์ซึ่งนายชูวงษ์ได้พูดก่อนตาย 1 วัน เพื่อเอาไปเปรียบเทียบกับการซื้อขายหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ก็จะสามารถเชื่อมโยงได้ว่าเสียงที่อยู่ในคลิปเป็นเสียงของนายชูวงษ์หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ว่าใครมีส่วนในการกระทำความผิดบ้าง ขอยืนยันว่าหลักฐานเหล่านี้สามารถดำเนินการเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจนต้องรอการสอบสวนของกองปราบปรามอีกครั้ง และต้องรอดูว่าวันที่ 29 ก.ค.นี้ พ.ต.ท.บรรยินจะเข้ามาให้ปากคำเพื่อความกระจ่างชัดเจนหรือไม่

อย่างไรก็ดี หากผลสุดท้ายสรุปว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุแต่ทางครอบครัวยังมีข้อสงสัย ก็จะหาที่พึ่งทางกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ เช่น ขอความเป็นธรรมไปยังพนักงานอัยการเพื่อให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมในประเด็นข้อสงสัยทั้งหมด แต่ยืนยันว่าขณะนี้ทางเรายินดีให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของ สน.อุดมสุข และกองปราบปรามอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปลี่ยนชุดสืบสวนแล้วคดีออกมาแบบเดิม นายเอนกกล่าวว่า เราขอแค่ให้ผลการสอบสวนสามารถตอบต่อสังคมได้เท่านั้นว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ขณะนี้เมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏแบบนี้ จะตอบโจทย์ของประชาชนได้อย่างไรในประเด็นที่ว่าหัวหน้าชุดสอบสวนเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับผู้ที่ถูกสอบปากคำ เชื่อว่าสังคมต้องไม่เข้าใจในประเด็นนี้แน่นอน ซึ่งเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าหากไม่มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนจะทำอย่างไร นายเอนกกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องของจริยธรรมของข้าราชการ เพราะจะให้เราไว้ใจได้อย่างไรว่ารายละเอียดข้อมูลในสำนวนการสอบสวนจะเล็ดรอดไปถึงใครหรือไม่ อีกทั้งตามหลักแล้วหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่สอบสวนต้องไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เข้ามาสอบสวนร่วมด้วย ต้องแจ้งรายชื่อทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าจะแย้งหรือไม่ แต่กรณีนี้ไม่มี

ผบ.ตร.เผยรายงานคดีของผบช.น.ระบุไม่มีข้อบ่งชี้ฆาตกรรม

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.แล้วว่าจากการสืบสวนยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ในรถยนต์ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์เป็นคนขับ เป็นการฆาตกรรม โดยพยานหลักฐานหลายอย่างชี้ว่าเป็นอุบัติเหตุ ตนได้ย้ำกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ว่าให้ทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา ว่าไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสี หากหลักฐานบอกว่าเป็นอุบัติเหตุก็เป็นตามนั้น แต่พนักงานสอบสวนก็ต้องมีคำตอบ หรือมีสิ่งที่บอกกับญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตและสังคมว่าเหตุใดถึงพิจารณาตัดสินว่าเป็นการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะชี้แจงให้กระจ่าง

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ทางญาติของนายนายชูวงษ์จะมายื่นหนังสือขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่นั้น มองว่าสามารถดำเนินการได้ แต่ยื่นมาก็อยู่ที่ทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน หากเปลี่ยนก็ต้องมีเหตุมาให้ว่าจะเปลี่ยนเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไม่พอใจแล้วจะให้เปลี่ยน คงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องคิดถึงหัวอกคนที่ตั้งใจทำงาน จะมาเปลี่ยนเขาจะรู้สึกอย่างไร เปลี่ยนด้วยเหตุผลอะไรต้องชี้แจง การไม่พอใจแล้วมาเปลี่ยนมันไม่ได้อยู่ในวิสัยที่พึงกระทำ การเปลี่ยนชุดพนักงานสืบสวนก็เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ตนมั่นใจในพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ลงไปดูคดีนี้ด้วยตนเอง ดูสำนวนการสอบสวนเอง สอบสวนเอง ถ้าเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ก็เท่ากับไม่ไว้ใจ ผบช.น.

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้วไม่มีปกป้อง ไม่ต้องกลัวว่าเป็นตำรวจตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วเราจะปกป้องช่วยเหลือกัน ยืนยันว่าไม่มี ส่วนกรณี พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นเหตุผลที่จะรับฟังเพื่อเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนได้หรือไม่นั้น หากพยานหลักฐานบอกว่าเป็นการฆาตกรรม ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็ช่วยไม่ได้ มันไม่มีทาง ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าทำไมถึงเป็นการฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ อย่าไปรีบ ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เพราะฉะนั้นผลออกมาเป็นอย่างไรต้องตอบสังคม คู่กรณีให้ได้

“ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ทำแบบตรงไปตรงมา ซึ่งคดีนี้ ผบช.น.รายงานว่ายังไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นฆาตกรรม หลายอย่างก็บอกว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุปกติ แต่เมื่อญาติฝ่ายผู้ตาย หรือสังคมมีความเคลือบแคลงสงสัยก็ต้องพิสูจน์กัน หากสงสัยตรงส่วนไหนให้บอกพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการสอบสวนร่วมกัน ถ้ามีหลักฐานที่จะดำเนินคดีได้ก็ต้องว่ากันไป อย่างไรก็ตามมองดูแล้วเรื่องการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนก็ไม่น่าจะมีเหตุผลให้เปลี่ยน ก็อย่างที่บอกต้องการเปลี่ยนเพราะอะไรต้องมีเหตุผลที่ฟังได้“ พล.ต.อ.สมยศกล่าว

***"บรรยิน" เข้าให้ปากคำ ขู่ฟ้องนสพ.

ที่สน.อุดมสุข พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. เดินทางมายังสน.อุดมสุข เพื่อตรวจความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อตรวจสอบสำนวนคดีให้มีความสมบูรณ์รอบคอบ สำหรับการสอบปากคำพยาน ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วทั้งหมดจำนวน 35 ปาก โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ปาก ได้แก่ ภรรยา ลูก พี่สาว เลขา และก๊วนกอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตาย อย่างไรก็ดียังคงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางนิติเวชและกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ทั้งนี้ในกรณีของการเปลี่ยนหัวหน้าและชุดพนักงานสอบสวนนั้น ในส่วนนี้เป็นการดูแลของกองบัญชาการนครบาลที่จะมีการพิจารณาดูแลต่อไป ซึ่งมีหลักการกฎเกณฑ์ข้อบังคับในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวชัดเจนอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ทางพนักงานสอบสวนได้เรียก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เข้ามาเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งต่อมาเมื่อเวลา 15.20 น. ผู้สื่อข่าวถามพ.ต.ท.บรรยิน ว่ามีอะไรอยากระบายผ่านสื่อหรือไม่

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวสั้นๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างแรกเลยจะฟ้องหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่ง ที่เป็นผู้เปิดประเด็นวันแรกเนื่องจากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อ



กำลังโหลดความคิดเห็น