xs
xsm
sm
md
lg

ยุคนี้“ทหาร”เป็นใหญ่ ยังไร้ที่ว่าง“นักการเมือง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่า “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดทัพทีมงานใหม่เมื่อไรกันแน่
แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่า คราวนี้คงมีการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เสียที หลังจากมีกระแสเรียกร้องมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่“บิ๊กตู่” ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ยังนิ่ง จนมาถึงวันนี้ที่ใกล้ครบรอบขวบปีของ“ครม.ประยุทธ์”ทุกฝ่ายต่างเห็นว่า สถานการณ์ต่างๆสุกงอมเต็มที ทั้งในเรื่องจังหวะเวลาที่ผ่านพ้นช่วง“ฮันนีมูน”มาพอสมควรแล้ว รวมไปถึงสภาวการณ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นใจให้กับ“รัฐบาลขุนทหาร”เท่าไรนัก
**ปัญหาต่างๆ ประดังประเดเข้าใส่อย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทั้งโลก จนกระชากเศรษฐกิจไทยให้ดิ่งเหวไปด้วย ซ้ำร้ายยังมีวิกฤตภัยแล้ง ที่เดือดร้อนแสนสาหัสทั่วประเทศ ยังมีประเด็นใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตก ทั้งผลจัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ที่ต้องลุ้นว่า เราจะหลุดพ้นระดับเลวร้ายที่สุด หรือ บัญชีเทียร์ 3 หรือไม่ในช่วงสัปดาห์นี้ ขณะที่ทางสหภาพยุโรป ก็ยังคาดโทษให้“ใบเหลือง”ในเรื่องการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และมีข่าวหลุดออกมาว่า ประเทศไทยไม่น่ารอดอาจจะต้องโดน“ใบแดง”ในไม่ช้า
ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ จึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้“รัฐบาลประยุทธ์”เดินหน้าบริหารประเทศได้ไม่เต็มสูบ แม้จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือก็ตาม จึงเป็นที่มาของข่าวการปรับ ครม.ในช่วงนี้ไม่เว้นแต่ละวัน เพราะเห็นว่ารัฐบาลใกล้ถึงทางตัน จำเป็นต้องมีการขยับเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เรื่องนี้จะว่าสื่อ “มโน”กันไปเองก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะหากไม่มีมูล หมาคงไม่ขี้
สุดท้ายจะปรับหรือไม่ปรับ ปรับเมื่อไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับ “นายกฯประยุทธ์”ว่ากันว่าไทม์มิ่งที่เล็งไว้น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกันยายนต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เพราะเป็นทั้งช่วงที่บรรดา“บิ๊กข้าราชการ”จะเกษียณอายุราชการ โดยเฉพาะในส่วนของ“บิ๊กทหาร”ซึ่งอาจต้องเตรียมที่นั่งสำคัญในครม.ไว้สำหรับบางคนเป็นพิเศษ รวมทั้งผ่านพ้นการโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ส่งผลให้ สปช. 200 กว่าคน จะหมดวาระลง
ถึงเวลา“บิ๊ก คสช.”ก็นำรายชื่อผู้เล่นมาใส่ตะกร้าจัดผังอำนาจใหม่ว่า ใครจะไปอยู่ในส่วนไหน ทั้งครม.-คสช. หรือสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่มีอยู่ 200 ที่นั่ง
แต่ถามว่า“บิ๊กตู่”และรัฐบาล คสช. จะประคองสถานการณ์ และทนเสียงเรียกร้องของสังคมได้ถึงวันนั้นหรือไม่ เพราะจากการสำรวจความคิดเห็นหรือโพลในช่วงนี้ ก็สนับสนุนให้มีการปรับครม.โดยเร็ว จากปัญหาที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่
**อารมณ์ขันของ“บิ๊กตู่”ที่เคยใช้กลบเกลื่อนเรื่องต่างๆได้ ก็ดูจะเอาไม่อยู่ จากคนที่เคยตวาดใส่สื่อว่า ชอบคิดแทนในเรื่องการรปรับครม. ก็ยังมีทีท่าที่เปลี่ยนไป บางช่วงบางตอนยังบอกว่า“ไม่รู้”แทนคำว่า“ไม่ปรับ”ที่เคยพูดอย่างหนักแน่น
หากมีการปรับ ครม.จริง บรรดาทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ “หม่อมอุ๋ย”ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ คงไม่รอด ตั้งแต่ตัว“หม่อมอุ๋ย”เอง “สมหมาย ภาษี”รมว.คลัง “ณรงค์ชัย อัครเศรณี”รมว.พลังงาน “จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช”รมว.อุตสาหกรรม ตลอดจน “ปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา”รมว.เกษตรฯ “อำนวย ปะติเส”รมช.เกษตรฯ รวมไปถึง “สายสังคม”อีกหลายคนที่ทำงานเงียบๆจน“โลกลืม”และ “สอบตก”เพราะไม่มีผลงาน
ขณะที่ชื่อคนที่จะเข้ามาแทนที่ทีมเศรษฐกิจ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”ที่ปรึกษา คสช. และทีมงาน ซึ่งมีข่าวตั้งแต่ก่อนตั้ง “ครม.ประยุทธ์ 1”แต่ติดล็อกเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก่อนจะมีการปลดล็อกเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีข่าวมาตลอดว่า“สมคิด”เป็นมือเศรษฐกิจที่ “บิ๊กตู่”รวมทั้ง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไว้วางใจอย่างสูง
ที่สำคัญกระแสข่าว“เกาเหลา”ระหว่าง “สมคิด-ปรีดิยาธร”ก็มีให้ได้ยินตลอด เนื่องจากแนวทางการทำงานมักจะขบเหลี่ยมสวนทางกัน การที่จะดึง “สมคิด”หรือทีมงานมาสานงานเศรษฐกิจต่อจาก“หม่อมอุ๋ย”จึงอาจจะส่งผลดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ แต่ก็ห่วงกันว่า ถ้าไม่ดีกว่าที่เป็นอยู่“บิ๊ก คสช.”ก็คงลำบาก จึงเป็นเหตุที่ยึกยัก ไม่เปลี่ยนแปลงเสียที
นอกจากผลสัมฤทธิ์ในการบริหารประเทศแล้ว การประคองสถานการณ์ทางการเมืองก็เป็นโจทย์สำคัญที่“บิ๊ก คสช.”มองข้ามไม่ได้ จึงเห็นได้ว่ามีความพยายามของ“เครือข่าย คสช.”ในการโยนหินถามทางเรื่อง “รัฐบาลแห่งชาติ-รัฐบาลปรองดอง”บ่อยครั้ง
แนวคิดนี้ไม่ได้เพิ่งมี แต่พูดถึงกันบ่อย โดยเฉพาะช่วงที่มีวิกฤต โดยเสนอให้ขั้วการเมืองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล จัดสรรตำแหน่งกันให้ลงตัว จุดประสงค์ก็เพื่อสยบความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่เกิด เพราะไม่มีคนกลาง และฝ่ายการเมืองก็คุยกันคนละภาษา
มาวันนี้ มีการพูดถึง“รัฐบาลแห่งชาติ”ในแง่มุมที่จะให้มาสานต่อการทำงานของรัฐบาลคสช. โดยมีคสช.เป็น “คนกลาง”และคอยควบคุมการทำงานของรัฐบาลอีกที ซึ่งหากจะเกิดได้ก็ต้องไปกำหนดกลไกรูปแบบในรัฐธรรมนูญที่ร่างกันอยู่
**แต่แนวโน้มที่จะมี“รัฐบาลแห่งชาติ-รัฐบาลปรองดอง”ในช่วงนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้จากกระแสข่าวที่มีการพูดคุยกันในระดับหนึ่งของ“บิ๊ก คสช.”กับฝ่ายการเมือง โดยคิดถึงมิติการเมือง-ความมั่นคงเป็นที่ตั้ง เพราะเวลานี้เรตติ้งของคสช. และความนิยมส่วนตัวของ“บิ๊กตู่” เริ่มปักหัวลงจากปัญหาต่างๆ การดึงฝ่ายการเมืองเข้ามาร่วมรัฐบาล อาจช่วย“ปะผุ”รัฐนาวา คสช. ที่มีรอยรั่วจากปัญหาที่สะสมมานานในยามนี้ได้
ถามว่าเกิดขึ้นได้จริงไหม ต้องบอกว่า ยากมาก ถึงยากที่สุด
ดูได้จากรายชื่อนักการเมืองที่โผล่เข้ามาในโผ ครม. หรือกระทั่งมีข่าวว่าจะดึงมาเป็นที่ปรึกษา คสช. ดูแล้วก็มีแต่บรรดาพวกที่อิงแอบใกล้ชิดกับ “บิ๊ก คสช.”เป็นทุนเดิม นอกเหนือจาก“สมคิด”แล้ว ก็มี “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์–พินิจ จารุสมบัติ–สรอรรถ กลิ่นประทุม”ซึ่งเป็นนักการเมืองอาชีพ แต่ก็ไม่ใช่ตัวแทนของขั้วการเมืองใหญ่ในตอนนี้ แม้ทั้งหมดจะเคยร่วมงานใน“รัฐบาลทักษิณ”แต่ก็หันหลังให้พรรคเพื่อไทย มานานพอสมควรแล้ว ชื่อที่ปรากฏออกมาก็เพราะคนเหล่านี้มีคอนเนกชันกับ “บิ๊กบราเทอร์ส”อย่าง “บิ๊กป้อม”มากกว่าที่จะถูกมองว่าเป็นตัวแทนฝ่ายการเมือง
เช่นเดียวกับชื่อของ“ศุภชัย พานิชภักดิ์ - สุรินทร์ พิศสุวรรณ”แม้จะเป็นสายเลือดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถือว่า“เลือดสีฟ้า”เจือจางไปมากแล้ว หลังจากไปทำงานระดับประเทศมาหลายปี ส่วนกระแสข่าวที่จะดึง“พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก–พงศ์เทพ เทพกาญจนา”จากซีกเพื่อไทย เข้ามาด้วยนั้น ก็ถูกปฏิเสธตีตกไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การดึงนักการเมืองเข้ามาร่วมงาน อาจเป็นความต้องการของ “บิ๊กป้อม”ที่มองในเรื่องมิติการเมือง และการเกลี่ยผลประโยชน์ในทางอำนาจ
**แต่สำหรับ “บิ๊กตู่”ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลนั้น ยึดหลักคิดในการวางมือทำงานในแง่“ความใว้ใจ”จึงจะเห็นได้ว่า คสช. นิยมใช้งานทหาร และข้าราชการประจำมากกว่า การจะเปิดทางให้นักการเมืองเข้ามาสอดแทรก จึงเป็นไปได้ยาก เต็มที่ก็คงเป็น“แบ็กอัพ”อยู่เบื้องหลัง
สังเกตได้ว่า ชื่อรัฐมนตรีที่จะหลุดจากเก้าอี้ส่วนใหญ่เป็น“พลเรือน”มากกว่าทหาร ที่คาดว่าจะไม่มีการปรับมากนัก ขณะที่กระทรวงสำคัญอย่างกระทรวงเกษตรฯ ที่มีเรื่องภัยแล้ง และราคาพืชผลตกต่ำ รวมถึงกระทรวงพลังงาน ที่มีเรื่องโรงไฟฟ้าและสัมปทานพลังงาน กลับมีชื่อ “ทหาร” เข้ามาเป็นรัฐมนตรีแทน สะท้อนให้เห็นถึงหลักคิดในการตั้งคนทำงานของรัฐบาลคสช.ได้เป็นอย่างดี
ส่วนเรื่อง“รัฐบาลแห่งชาติ-รัฐบาลปรองดอง”ถ้าจะมี ก็ค่อยไปว่ากันหลังมีการเลือกตั้งแล้ว แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่ว่า“นายกฯคนกลาง” ต้องส่งเข้าประกวดโดย คสช. เท่านั้น
**สำหรับวันนี้หากมีการปรับเปลี่ยนทีมงาน“ครม.ประยุทธ์”เพื่อ “ปะผุ”รัฐนาวา คสช. หน้าฉากก็คงเฟ้น“มือดี”จากบรรดา “ขุนทหาร-ข้าราชการ”มากกว่าที่จะนำพา“นักการเมือง”เข้ามามีเอี่ยว ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเช่นนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น