ASTVผู้จัดการรายวัน-"บิ๊กตู่" ยังอุบแผนปรับ ครม. บอกทุกอย่างอยู่ในใจ ปรับเมื่อไร ก็รู้เอง ยึดหลักสั่งงานแล้วต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ ลั่นเก้าอี้รมว.กลาโหม ไม่ใช่ใครจะมาเป็นก็ได้ ยันเวลาทำงานไม่มีคำว่า เกรงใจ หรือคำว่าพี่น้อง "หม่อมอุ๋ย" โวยมีขบวนการปล่อยข่าว จ้องเขี่ยให้พ้นทาง ปัดด่านายกฯ ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ "วิลาศ"สั่งหาคลิปเสียงฉบับเต็ม ด้านขุนคลังปัดยื่นใบลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.ค.) สื่อมวลชนได้สอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวระหว่างการประชุมสมาคมธนาคารไทย เมื่อวันศุกร์ ที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่านายกรัฐมนตรี ไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ แต่ตอบคำถามนักข่าวทุกเรื่อง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
พล.อ.ประยุทธิ์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียว ว่า ทำไม วันนี้ท่านก็มาประชุม แล้วทำไม อะไร ผมไม่คุยหรอก
**ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ใจ"หม่อมอุ๋ย"
เมื่อถามว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้มาเคลียร์ ทำความเข้าใจแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เคลียร์ทำไม ผมไม่ต้องเคลียร์ใจกับใคร ข่าวที่ออกมา ก็ใครเขียนเล่า หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับนั่นแหละ นักข่าวอย่ามาอ๋อ เหมือนเพิ่งรู้ พวกคุณไม่เคยอ่านคนที่เขียนเศรษฐกิจหรืออย่างไร ไม่เคยอ่านคอลัมส์นิสต์เลย หรือมัวแต่เขียนถึงกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ให้มันปั่นป่วนไปหมดทุกเรื่อง ไม่ต้องมาพูด ด่าแล้วไม่ต้องมาถามผม
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีไม่ติดใจอะไร ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมจะไปติดใจใครล่ะ วันนี้ใจผมก็อยู่ในใจผม ไม่ต้องมาคิดแทน ใจผมก็เป็นใจผม ไม่ใช่ใจคุณ คุณไม่ต้องมาถามผม วันนี้ผมเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้น การตัดสินใจ จึงเป็นเรื่องของผม ไม่จำเป็นต้องพูดกับใคร เพราะผมเป็นคนเอาใครเข้ามาทำงาน ผมเป็นคนเลือก ผมมีอำนาจเด็ดขาดทั้งหมด ไม่มีใครมีอำนาจเหมือนผมสักคน เพราะฉะนั้นสื่อเขียนให้มันถูกด้วย กลุ่มนี้ กลุ่มโน้น กลุ่มนั้น ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชา บทบาทผู้บังคับบัญชา บทบาทการทำงาน มันคนละเรื่องกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ก็เป็นอีกเรื่อง อะไรมันก็ลบล้างไม่ได้ มันคนละเรื่อง เรื่องงาน ก็คือ เรื่องงาน แยกกันให้ออกเสียบ้าง
***เก้าอี้รมว.กลาโหมไม่ใช่ใครก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่มาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ก.ค. และไม่เข้าประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในวันเดียวกันนี้ เป็นเพราะอะไร เกี่ยวกับกระแสข่าวการปรับ ครม. ในตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ท่านป่วย ไม่ค่อยสบาย แล้วทำไม เป็นห่วงหรืออย่างไร ไม่มีคนให้ซัก ไม่มีคนให้โมโห
เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวปรับ ครม. ในเก้าอี้ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กลาโหมไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ผมจะบอกให้ และไม่ใช่เรื่องของบารมีอย่างเดียว และก็ไม่ใช่เพราะความเป็นพี่ ไม่เกี่ยวหรอก ผมมีพี่หลายร้อยหลายพันคน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความเหมาะสม ความสามารถ ไม่ใช่เพราะเป็นบูรพาพยัคฆ์ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ถ้าอย่างนั้น ผมเป็นทหารเสือมั๊ง ก็ชอบเขียนผมให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ มีกลุ่มทหารเสือ กลุ่มบูรพาพยัคฆ์ กลุ่มเก่า กลุ่มวงศ์เทวัญ คราวหลังคุณก็มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมก็แล้วกัน ตั้งกันอยู่นั่น อยากจะตั้งใคร ก็ตั้งไป เขามี พ.ร.บ. แต่งตั้งอยู่แล้ว ไม่ใช่จะแต่งตั้งใครก็ได้ คนที่เขาพอใจในสิ่งที่มี พวกสื่อก็ชอบไปเขียนน้องคนนี้ คนนั้น จนรวนไปหมด แบ่งคนเป็นก๊กเป็นเหล่าไปหมด วันนี้ทุกคนต้องการความสงบสุขให้ประเทศชาติเดินหน้า หรือต้องการให้มีความขัดแย้งอยู่เช่นเดิม ก็ต้องไปคิดกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการทั้งหมด ต้องทำให้เร็วขึ้นหรือไม่ เผื่อให้เป็นไปในคราวเดียวกันกับการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะตนยังอยู่ ตามกำหนดเวลาเขามีอยู่แล้ว ส่วนข่าวที่ว่าตนจะปรับ ครม. ไปคราวเดียวกันกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการนั้น ไม่เกี่ยว ไม่จริง
"วันนี้ผมไม่คิดจะปรับใคร ผมคิดของผมในใจ ผมก็ต้องคิดล่วงหน้า คิดทั้งหมด ผมไม่ได้คิดสั้นๆ แบบที่คิดกัน ผมคิดมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 จนถึงวันนี้ ผมคิดทั้งหมด รวมทั้งคิดไปถึงข้างหน้าด้วย"
**ปรับตามผลงาน ไม่มีพี่ มีน้อง
เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับ ครม. ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็น หรือไม่จำเป็นไม่รู้ เดี๋ยวเปลี่ยนก็รู้เอง วันนี้ไม่รู้ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า เหตุผลของการปรับ ครม. คืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า แล้วเหตุผลของสื่อ คืออะไร ที่เขียนมาทั้งหมด เหตุผลคืออะไร ถ้าบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าเป็นสื่อแล้วจะแก้อย่างไรในทางปฏิบัติ ถ้าบอกว่า ครม. ควรต้องมีเอกภาพ ก็ต้องบอกว่า เอกภาพทั้งหมดอยู่ที่ผม ผมสั่งทั้งหมดอยู่แล้ว ทำไมจะไม่มีเอกภาพ ไม่ทำ ผมก็เล่นงานเอา ระบบการทำงานจริงต้องเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ระบบของทหาร การทำงานมันต้องมีหัว มีหาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าที่ไม่กล้าปรับ ครม. เพราะเกรงใจ ครม. เพราะเป็นคนไปเชิญเข้ามา เลยไม่กล้าปรับออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันหลังถ้ามีโอกาสเข้าได้ เข้าไปนั่งในที่ประชุม ครม. ดูซิว่าผมเกรงใจเขาหรือเปล่า ผมฟังเขาทุกอัน และสั่งทุกอัน ทำไม ถ้าเกรงใจแล้วต้องทำอย่างไร บอกเขาหรือว่า ท่านครับ เรื่องนี้อย่าทำเลยนะครับ ผมขอร้องพี่หรือ ไม่ใช่ ผมสั่งคือ 1.สั่งให้ไปทำงานอะไร ก็ไปทำ ทำได้ก็ทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็มาบอกผม ไม่ใช่ไม่ทำ 2.อยากคิดอะไรเพิ่มก็ให้มาบอกผม แล้วผมจะสั่งให้
เมื่อถามว่า การจะปรับหรือไม่ปรับ ครม. จะยึดหลักอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตน โดยยึดหลักประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
"ทำไมพวกสื่อถึงสนใจเรื่องจะปรับหรือไม่ปรับ ครม. เอาง่ายๆ มั๊ย ปรับนายกรัฐมนตรีคนเดียวแล้วจบ จะได้เลิกวุ่นวายกันเสียที อยากให้ใครมาเป็นล่ะ ไปหามา ทำไมมันยุ่งกันเหลือเกินเรื่องปรับ มันอยู่ที่วิธีการทำงาน ถ้าวิธีการทำงานทั้งหมดแล้วเขาไม่ทำ ผมปรับ สั่งแล้วไม่ทัน ผมปรับ หรือทำงานแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ตามที่ต้องการ ก็ปรับ"
***ประเมินผลการทำงานทุกกระทรวง
เมื่อถามว่า ยังมีกระทรวงไหนที่ยังทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ไปประเมินมาก็แล้วกัน สำหรับการตรวจการบ้านในการทำงานนั้น ก็ตรวจกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว โดยตนสั่งให้รัฐมนตรีทุกคนทำแผนการปฏิบัติงานมา ตลอด 3-6-9 เดือน ทำมาโดยตลอด จะทำอะไรในวันนี้ วันหน้า แล้วเสร็จเมื่อไร ทำกันมาทุกเดือน ตนก็มาดูว่างานไหนไม่เสร็จบ้าง ก็ต้องเร่งไป งบประมาณเบิกจ่ายไม่ทัน ก็ไปเร่งมา ไม่ใช่นอนแล้วก็ฝันเอา ทุกกระทรวงรายงานมาทุกสัปดาห์ ถึงความก้าวหน้าต่างๆ เพราะผมต้องการให้เขาวางแผนงานล่วงหน้า อะไรที่ต้องการให้เกิดในปี 2559 อย่างน้อยก็ต้องเริ่มต้นไว้ แต่จะให้ไปล็อกรัฐบาลในอนาคตมากก็ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ต้องเริ่มต้นไว้ ส่วนจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับทุกคน
"พอผมใช้อำนาจ ก็หาว่าผมใช้อำนาจมากเกินไป ไม่ฟังคนนั้น คนนี้ พอผมไม่ใช้อำนาจ ก็หาว่าชักช้าเสียเวลา จะเอาไงวะ จะให้ทำอย่างไร อยากให้มีหรือไม่ ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ ก็ต้องไปช่วยกันสร้างการรับรู้ว่า เขาทำกันอย่างไร ไม่ใช่เขียนส่งเดชไปเรื่อยๆ หาว่ามีผลประโยชน์ ตรงนั้น ตรงนี้ ทั้งหมดเขาดูรายละเอียดอย่างรอบคอบทั้งหมด ทำโปร่งใสที่สุดแล้ว แต่ปัญหาคือ คนไทยเห็นไม่ตรงกัน แล้วชอบมาพูดข้างนอก ขยายความไปเรื่อยโดยไม่มีข้อเท็จจริง อะไรก็ได้ที่เป็นความขัดแย้งก็ขยายให้หมด วันนี้ทุกคนใน ครม.พยายามสร้างการรับรู้ แต่สื่อไม่ค่อยฟัง เวลาที่คนอื่นพูด สื่อก็ไม่ค่อยใส่ใจ ชอบให้ผมพูดแรงๆ ดุๆ แล้วนำไปพาดหัวว่า บิ๊กตู่ พูดอย่างนี้ อย่างนั้น ขายหนังสือได้เยอะ ลองไปพาดหัวคนอื่นซิ ขายหนังสือไม่ออก สื่อต้องลดตรงนี้ลงอย่าให้ความสำคัญกับผมมากนัก ผมพูดในหลักการ เมื่อสื่อไม่ฟังคนอื่น ผมก็ต้องพูดแทนทุกเรื่องที่สั่งการลงไป รวมทั้งที่ได้ติดตามงานมา ถ้าไม่มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ก็คงไม่รู้เรื่อง หรือจะเอาแบบพูดน้อยๆ ไม่ต้องตอบ นายกฯ ต้องนิ่งๆ นายกฯ วันนี้เวลานี้ไม่ใช่นายกฯ แบบนั้น สถานการณ์คนละเรื่อง ทุกคนก็ผ่านกาลเวลา และสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมา มีคุณสมบัติทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นก็เป็นไม่ได้หรอก ไอ้ผมมันมาอำนาจพิเศษ วิจารณ์ผมมากก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ชอบ เพราะท่านไม่ได้เลือกผมมา ทั้งนี้ เราต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจไปเรื่อยๆ จนตายจากกันถึงจะเข้าใจ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
** "หม่อมอุ๋ย"ยันไม่ได้พูดดูถูกนายกฯ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ตนไปพูดว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ในการประชุมสมาคมธคารไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ไม่มี ไม่ได้พูด
"จะบ้าเหรอ ผมจะไปพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ผมไม่เคยพูดว่านายกฯ ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย แหม ท่านนายกฯ รู้เรื่องเศรษฐกิจดีจะตาย ผมจะไปพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เรื่องที่ผมพูดคุยกับสมาคมธนาคารไทย เป็นการไปเล่าให้เขาฟัง ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ และไปขอความร่วมมือในการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี ผมมั่นใจว่า ข่าวนี้มันเป็นกระบวนการปล่อยข่าว ที่คอยเล่นงาน คอยเลื่อยขาผมอยู่เรื่อย ปัดโธ่ ผมจะหาเรื่องทำไม แค่นี้ก็จะตายอยู่แล้ว"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
***นั่งเงียบถก กนช. ร่วมนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และมีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เข้าร่วมประชุม และนั่งติดกับนายกฯ ตลอดการประชุมทั้งนายกฯ และม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรในที่ประชุม มีเพียงแต่นายกฯ สั่งม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไปพิจารณาปรับแผนงบประมาณปี 2558 มาแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยย้ำให้พิจารณาใช้งบประมาณให้ดี ขณะเดียวกัน ก่อนและหลังการประชุมทั้งคู่ไม่ได้มีการพูดคุยกันสองต่อสอง
***"วิลาศ"สั่งไล่ล่าคลิปฉบับเต็ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากปรากฎเป็นการข่าวตรงกันหลายฉบับถึงคำพูดของม.ร.ว.ปรีดิยาธร และหลังสื่อมวลชนสอบถามพล.อ.วิลาศถึงเรื่องนี้ ช่วงเย็นวันที่ 22 ก.ค.พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามทีมงานนายกฯ ว่ามีคลิปเสียงฉบับเต็มหรือไม่ และเป็นคลิปวีดิโอหรือคลิปเสียง ตอนนี้นายกฯ ยังไม่ได้ฟัง เห็นแค่จากสื่อเท่านั้น ที่เสนอข่าวเนื้อหาเพียงบางส่วนของการพูด ให้ไปหาคลิปเสียงฉบับเต็มมาให้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการที่จะฟังเนื้อหาทั้งหมด เพื่อดูอารมณ์ในการพูดของม.ร.ว.ปรีดิยาธร ว่าเป็นในลักษณะใด และดูเจตนาการพูด
พล.อ.วิลาศ กล่าวว่า เรื่องคลิปเสียงม.ร.ว.ปรีดิยาธร เห็นแค่จากสื่อมวลชนเท่านั้น ตนยังไม่เคยเห็นหรือได้ยินคลิปเสียงดังกล่าวเลย ส่วนนายกฯ จะได้ฟังคลิปเสียงหรือยัง ตนไม่รู้จริงๆ และคลิปจะมีจริงหรือไม่จริงตนก็ไม่รู้เหมือนกัน
***"หมอรัชตะ"ยันไม่มีข่าวปรับครม.
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม.ว่า ตนไม่เคยได้ยินว่ามีใครพูดเรื่องปรับ รัฐบาลก็ยังไม่มีการคุยกัน และในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการคุยกัน จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการปรับ
ส่วนความไม่ลงรอยภายในกระทรวงสาธารณสุขที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ยืนยันทุกคนยังทำงานกันอยู่ การปรับปรุงโครงสร้างภายในสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับปรุงเรื่องของข้อกฎหมาย ส่วนการปรับปรุงตัวบุคคล ต้องว่าไปตามขั้นตอน โดยต้องดูจังหวะที่เหมาะสมด้วย
***ขุนคลังปัดยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับครม. หลังจากมีกระแสข่าวอ้างแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายสมหมาย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.ค.) สื่อมวลชนได้สอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวระหว่างการประชุมสมาคมธนาคารไทย เมื่อวันศุกร์ ที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่านายกรัฐมนตรี ไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ แต่ตอบคำถามนักข่าวทุกเรื่อง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
พล.อ.ประยุทธิ์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียว ว่า ทำไม วันนี้ท่านก็มาประชุม แล้วทำไม อะไร ผมไม่คุยหรอก
**ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ใจ"หม่อมอุ๋ย"
เมื่อถามว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้มาเคลียร์ ทำความเข้าใจแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เคลียร์ทำไม ผมไม่ต้องเคลียร์ใจกับใคร ข่าวที่ออกมา ก็ใครเขียนเล่า หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับนั่นแหละ นักข่าวอย่ามาอ๋อ เหมือนเพิ่งรู้ พวกคุณไม่เคยอ่านคนที่เขียนเศรษฐกิจหรืออย่างไร ไม่เคยอ่านคอลัมส์นิสต์เลย หรือมัวแต่เขียนถึงกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ให้มันปั่นป่วนไปหมดทุกเรื่อง ไม่ต้องมาพูด ด่าแล้วไม่ต้องมาถามผม
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีไม่ติดใจอะไร ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมจะไปติดใจใครล่ะ วันนี้ใจผมก็อยู่ในใจผม ไม่ต้องมาคิดแทน ใจผมก็เป็นใจผม ไม่ใช่ใจคุณ คุณไม่ต้องมาถามผม วันนี้ผมเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้น การตัดสินใจ จึงเป็นเรื่องของผม ไม่จำเป็นต้องพูดกับใคร เพราะผมเป็นคนเอาใครเข้ามาทำงาน ผมเป็นคนเลือก ผมมีอำนาจเด็ดขาดทั้งหมด ไม่มีใครมีอำนาจเหมือนผมสักคน เพราะฉะนั้นสื่อเขียนให้มันถูกด้วย กลุ่มนี้ กลุ่มโน้น กลุ่มนั้น ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชา บทบาทผู้บังคับบัญชา บทบาทการทำงาน มันคนละเรื่องกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ก็เป็นอีกเรื่อง อะไรมันก็ลบล้างไม่ได้ มันคนละเรื่อง เรื่องงาน ก็คือ เรื่องงาน แยกกันให้ออกเสียบ้าง
***เก้าอี้รมว.กลาโหมไม่ใช่ใครก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่มาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ก.ค. และไม่เข้าประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในวันเดียวกันนี้ เป็นเพราะอะไร เกี่ยวกับกระแสข่าวการปรับ ครม. ในตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ท่านป่วย ไม่ค่อยสบาย แล้วทำไม เป็นห่วงหรืออย่างไร ไม่มีคนให้ซัก ไม่มีคนให้โมโห
เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวปรับ ครม. ในเก้าอี้ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กลาโหมไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ผมจะบอกให้ และไม่ใช่เรื่องของบารมีอย่างเดียว และก็ไม่ใช่เพราะความเป็นพี่ ไม่เกี่ยวหรอก ผมมีพี่หลายร้อยหลายพันคน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความเหมาะสม ความสามารถ ไม่ใช่เพราะเป็นบูรพาพยัคฆ์ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ถ้าอย่างนั้น ผมเป็นทหารเสือมั๊ง ก็ชอบเขียนผมให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ มีกลุ่มทหารเสือ กลุ่มบูรพาพยัคฆ์ กลุ่มเก่า กลุ่มวงศ์เทวัญ คราวหลังคุณก็มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมก็แล้วกัน ตั้งกันอยู่นั่น อยากจะตั้งใคร ก็ตั้งไป เขามี พ.ร.บ. แต่งตั้งอยู่แล้ว ไม่ใช่จะแต่งตั้งใครก็ได้ คนที่เขาพอใจในสิ่งที่มี พวกสื่อก็ชอบไปเขียนน้องคนนี้ คนนั้น จนรวนไปหมด แบ่งคนเป็นก๊กเป็นเหล่าไปหมด วันนี้ทุกคนต้องการความสงบสุขให้ประเทศชาติเดินหน้า หรือต้องการให้มีความขัดแย้งอยู่เช่นเดิม ก็ต้องไปคิดกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการทั้งหมด ต้องทำให้เร็วขึ้นหรือไม่ เผื่อให้เป็นไปในคราวเดียวกันกับการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะตนยังอยู่ ตามกำหนดเวลาเขามีอยู่แล้ว ส่วนข่าวที่ว่าตนจะปรับ ครม. ไปคราวเดียวกันกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการนั้น ไม่เกี่ยว ไม่จริง
"วันนี้ผมไม่คิดจะปรับใคร ผมคิดของผมในใจ ผมก็ต้องคิดล่วงหน้า คิดทั้งหมด ผมไม่ได้คิดสั้นๆ แบบที่คิดกัน ผมคิดมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 จนถึงวันนี้ ผมคิดทั้งหมด รวมทั้งคิดไปถึงข้างหน้าด้วย"
**ปรับตามผลงาน ไม่มีพี่ มีน้อง
เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับ ครม. ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็น หรือไม่จำเป็นไม่รู้ เดี๋ยวเปลี่ยนก็รู้เอง วันนี้ไม่รู้ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า เหตุผลของการปรับ ครม. คืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า แล้วเหตุผลของสื่อ คืออะไร ที่เขียนมาทั้งหมด เหตุผลคืออะไร ถ้าบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าเป็นสื่อแล้วจะแก้อย่างไรในทางปฏิบัติ ถ้าบอกว่า ครม. ควรต้องมีเอกภาพ ก็ต้องบอกว่า เอกภาพทั้งหมดอยู่ที่ผม ผมสั่งทั้งหมดอยู่แล้ว ทำไมจะไม่มีเอกภาพ ไม่ทำ ผมก็เล่นงานเอา ระบบการทำงานจริงต้องเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ระบบของทหาร การทำงานมันต้องมีหัว มีหาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าที่ไม่กล้าปรับ ครม. เพราะเกรงใจ ครม. เพราะเป็นคนไปเชิญเข้ามา เลยไม่กล้าปรับออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันหลังถ้ามีโอกาสเข้าได้ เข้าไปนั่งในที่ประชุม ครม. ดูซิว่าผมเกรงใจเขาหรือเปล่า ผมฟังเขาทุกอัน และสั่งทุกอัน ทำไม ถ้าเกรงใจแล้วต้องทำอย่างไร บอกเขาหรือว่า ท่านครับ เรื่องนี้อย่าทำเลยนะครับ ผมขอร้องพี่หรือ ไม่ใช่ ผมสั่งคือ 1.สั่งให้ไปทำงานอะไร ก็ไปทำ ทำได้ก็ทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็มาบอกผม ไม่ใช่ไม่ทำ 2.อยากคิดอะไรเพิ่มก็ให้มาบอกผม แล้วผมจะสั่งให้
เมื่อถามว่า การจะปรับหรือไม่ปรับ ครม. จะยึดหลักอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตน โดยยึดหลักประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
"ทำไมพวกสื่อถึงสนใจเรื่องจะปรับหรือไม่ปรับ ครม. เอาง่ายๆ มั๊ย ปรับนายกรัฐมนตรีคนเดียวแล้วจบ จะได้เลิกวุ่นวายกันเสียที อยากให้ใครมาเป็นล่ะ ไปหามา ทำไมมันยุ่งกันเหลือเกินเรื่องปรับ มันอยู่ที่วิธีการทำงาน ถ้าวิธีการทำงานทั้งหมดแล้วเขาไม่ทำ ผมปรับ สั่งแล้วไม่ทัน ผมปรับ หรือทำงานแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ตามที่ต้องการ ก็ปรับ"
***ประเมินผลการทำงานทุกกระทรวง
เมื่อถามว่า ยังมีกระทรวงไหนที่ยังทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ไปประเมินมาก็แล้วกัน สำหรับการตรวจการบ้านในการทำงานนั้น ก็ตรวจกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว โดยตนสั่งให้รัฐมนตรีทุกคนทำแผนการปฏิบัติงานมา ตลอด 3-6-9 เดือน ทำมาโดยตลอด จะทำอะไรในวันนี้ วันหน้า แล้วเสร็จเมื่อไร ทำกันมาทุกเดือน ตนก็มาดูว่างานไหนไม่เสร็จบ้าง ก็ต้องเร่งไป งบประมาณเบิกจ่ายไม่ทัน ก็ไปเร่งมา ไม่ใช่นอนแล้วก็ฝันเอา ทุกกระทรวงรายงานมาทุกสัปดาห์ ถึงความก้าวหน้าต่างๆ เพราะผมต้องการให้เขาวางแผนงานล่วงหน้า อะไรที่ต้องการให้เกิดในปี 2559 อย่างน้อยก็ต้องเริ่มต้นไว้ แต่จะให้ไปล็อกรัฐบาลในอนาคตมากก็ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ต้องเริ่มต้นไว้ ส่วนจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับทุกคน
"พอผมใช้อำนาจ ก็หาว่าผมใช้อำนาจมากเกินไป ไม่ฟังคนนั้น คนนี้ พอผมไม่ใช้อำนาจ ก็หาว่าชักช้าเสียเวลา จะเอาไงวะ จะให้ทำอย่างไร อยากให้มีหรือไม่ ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ ก็ต้องไปช่วยกันสร้างการรับรู้ว่า เขาทำกันอย่างไร ไม่ใช่เขียนส่งเดชไปเรื่อยๆ หาว่ามีผลประโยชน์ ตรงนั้น ตรงนี้ ทั้งหมดเขาดูรายละเอียดอย่างรอบคอบทั้งหมด ทำโปร่งใสที่สุดแล้ว แต่ปัญหาคือ คนไทยเห็นไม่ตรงกัน แล้วชอบมาพูดข้างนอก ขยายความไปเรื่อยโดยไม่มีข้อเท็จจริง อะไรก็ได้ที่เป็นความขัดแย้งก็ขยายให้หมด วันนี้ทุกคนใน ครม.พยายามสร้างการรับรู้ แต่สื่อไม่ค่อยฟัง เวลาที่คนอื่นพูด สื่อก็ไม่ค่อยใส่ใจ ชอบให้ผมพูดแรงๆ ดุๆ แล้วนำไปพาดหัวว่า บิ๊กตู่ พูดอย่างนี้ อย่างนั้น ขายหนังสือได้เยอะ ลองไปพาดหัวคนอื่นซิ ขายหนังสือไม่ออก สื่อต้องลดตรงนี้ลงอย่าให้ความสำคัญกับผมมากนัก ผมพูดในหลักการ เมื่อสื่อไม่ฟังคนอื่น ผมก็ต้องพูดแทนทุกเรื่องที่สั่งการลงไป รวมทั้งที่ได้ติดตามงานมา ถ้าไม่มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ก็คงไม่รู้เรื่อง หรือจะเอาแบบพูดน้อยๆ ไม่ต้องตอบ นายกฯ ต้องนิ่งๆ นายกฯ วันนี้เวลานี้ไม่ใช่นายกฯ แบบนั้น สถานการณ์คนละเรื่อง ทุกคนก็ผ่านกาลเวลา และสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมา มีคุณสมบัติทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นก็เป็นไม่ได้หรอก ไอ้ผมมันมาอำนาจพิเศษ วิจารณ์ผมมากก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ชอบ เพราะท่านไม่ได้เลือกผมมา ทั้งนี้ เราต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจไปเรื่อยๆ จนตายจากกันถึงจะเข้าใจ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
** "หม่อมอุ๋ย"ยันไม่ได้พูดดูถูกนายกฯ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ตนไปพูดว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ในการประชุมสมาคมธคารไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ไม่มี ไม่ได้พูด
"จะบ้าเหรอ ผมจะไปพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ผมไม่เคยพูดว่านายกฯ ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย แหม ท่านนายกฯ รู้เรื่องเศรษฐกิจดีจะตาย ผมจะไปพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เรื่องที่ผมพูดคุยกับสมาคมธนาคารไทย เป็นการไปเล่าให้เขาฟัง ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ และไปขอความร่วมมือในการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี ผมมั่นใจว่า ข่าวนี้มันเป็นกระบวนการปล่อยข่าว ที่คอยเล่นงาน คอยเลื่อยขาผมอยู่เรื่อย ปัดโธ่ ผมจะหาเรื่องทำไม แค่นี้ก็จะตายอยู่แล้ว"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
***นั่งเงียบถก กนช. ร่วมนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และมีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เข้าร่วมประชุม และนั่งติดกับนายกฯ ตลอดการประชุมทั้งนายกฯ และม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรในที่ประชุม มีเพียงแต่นายกฯ สั่งม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไปพิจารณาปรับแผนงบประมาณปี 2558 มาแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยย้ำให้พิจารณาใช้งบประมาณให้ดี ขณะเดียวกัน ก่อนและหลังการประชุมทั้งคู่ไม่ได้มีการพูดคุยกันสองต่อสอง
***"วิลาศ"สั่งไล่ล่าคลิปฉบับเต็ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากปรากฎเป็นการข่าวตรงกันหลายฉบับถึงคำพูดของม.ร.ว.ปรีดิยาธร และหลังสื่อมวลชนสอบถามพล.อ.วิลาศถึงเรื่องนี้ ช่วงเย็นวันที่ 22 ก.ค.พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามทีมงานนายกฯ ว่ามีคลิปเสียงฉบับเต็มหรือไม่ และเป็นคลิปวีดิโอหรือคลิปเสียง ตอนนี้นายกฯ ยังไม่ได้ฟัง เห็นแค่จากสื่อเท่านั้น ที่เสนอข่าวเนื้อหาเพียงบางส่วนของการพูด ให้ไปหาคลิปเสียงฉบับเต็มมาให้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการที่จะฟังเนื้อหาทั้งหมด เพื่อดูอารมณ์ในการพูดของม.ร.ว.ปรีดิยาธร ว่าเป็นในลักษณะใด และดูเจตนาการพูด
พล.อ.วิลาศ กล่าวว่า เรื่องคลิปเสียงม.ร.ว.ปรีดิยาธร เห็นแค่จากสื่อมวลชนเท่านั้น ตนยังไม่เคยเห็นหรือได้ยินคลิปเสียงดังกล่าวเลย ส่วนนายกฯ จะได้ฟังคลิปเสียงหรือยัง ตนไม่รู้จริงๆ และคลิปจะมีจริงหรือไม่จริงตนก็ไม่รู้เหมือนกัน
***"หมอรัชตะ"ยันไม่มีข่าวปรับครม.
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม.ว่า ตนไม่เคยได้ยินว่ามีใครพูดเรื่องปรับ รัฐบาลก็ยังไม่มีการคุยกัน และในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการคุยกัน จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการปรับ
ส่วนความไม่ลงรอยภายในกระทรวงสาธารณสุขที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ยืนยันทุกคนยังทำงานกันอยู่ การปรับปรุงโครงสร้างภายในสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับปรุงเรื่องของข้อกฎหมาย ส่วนการปรับปรุงตัวบุคคล ต้องว่าไปตามขั้นตอน โดยต้องดูจังหวะที่เหมาะสมด้วย
***ขุนคลังปัดยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับครม. หลังจากมีกระแสข่าวอ้างแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายสมหมาย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ