xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยังกั๊กปรับ ครม. ทุกอย่างอยู่ในใจ ปรับเมื่อไหร่รู้เอง แย้ม รมว.กลาโหม ไม่ใช่ใครก็เป็นได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บิ๊กตู่” ตอบไม่ชัดปรับ-ไม่ปรับ ครม. บอกทุกอย่างอยู่ในใจ ปรับเมื่อไหร่รู้เอง ยัน ครม.มีเอกภาพ สั่งแล้วต้องทำให้มีประสิทธิภาพ ระบุ รมว.กลาโหมไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องบารมี ระบบพี่น้องอย่างเดียว ลั่นเวลาทำงานไม่มีใครว่าเกรงใจ หรือพี่น้อง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวระหว่างบรรยายสรุปภาวะเศรษฐกิจให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ธนาคารทั้งไทยและต่างประเทศฟัง หลังการประชุมสมาคมธนาคารไทยประจำเดือน โดยระบุว่า “นายกรัฐมนตรีไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ แล้วยังเอาไปพูดตอบนักข่าวทุกเรื่อง” ได้มีการพูดคุยกันหรือยัง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ทำไม วันนี้ท่านก็มาประชุมแล้วทำไม อะไร ผมไม่คุยหรอก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธรได้มาเคลียร์ความเข้าใจแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เคลียร์ทำไม ผมไม่ต้องเคลียร์ใจกับใคร ข่าวที่ออกมาก็ใครเขียนเล่า หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับนั่นแหละ นักข่าวอย่ามาอ๋อเหมือนเพิ่งรู้ พวกคุณไม่เคยอ่านคนที่เขียนเศรษฐกิจหรืออย่างไร ไม่เคยอ่านคอลัมนิสต์เลย หรือมัวแต่เขียนถึงกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ให้มันปั่นป่วนไปหมดทุกเรื่อง ไม่ต้องมาพูดด่าแล้วไม่ต้องมาถามผม”

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีไม่ติดใจอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมจะไปติดใจใครล่ะ วันนี้ใจผมก็อยู่ในใจผม ไม่ต้องมาคิดแทน ใจผมก็เป็นใจผม ไม่ใช่ใจคุณ คุณไม่ต้องมาถามผม วันนี้ผมเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้นการตัดสินใจจึงเป็นเรื่องของผม ไม่จำเป็นต้องพูดกับใคร เพราะผมเป็นคนเอาใครเข้ามาทำงานผมเป็นคนเลือก ผมมีอำนาจเด็ดขาดทั้งหมด ไม่มีใครมีอำนาจเหมือนผมสักคน เพราะฉะนั้นสื่อเขียนให้มันถูกด้วย กลุ่มนี้กลุ่มโน้นกลุ่มนั้น ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชา บทบาทผู้บังคับบัญชา บทบาทการทำงานมันคนละเรื่องกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องก็เป็นอีกเรื่อง อะไรมันก็ลบล้างไม่ได้ มันคนละเรื่อง เรื่องงานก็คือเรื่องงาน แยกกันให้ออกเสียบ้าง”

ส่วนสาเหตุที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่มาร่วมประชุม ครม.เมื่อวันที่ 21 ก.ค.และไม่เข้าประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในวันเดียวกันนี้เป็นเพราะอะไร เกี่ยวกับกระแสข่าวการปรับ ครม.ในตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ท่านป่วย ไม่ค่อยสบาย แล้วทำไมเป็นห่วงหรืออย่างไร ไม่มีคนให้ซัก ไม่มีคนให้โมโห

สำหรับกระแสข่าวปรับ ครม.ในเก้าอี้ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “กลาโหมไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ผมจะบอกให้ และไม่ใช่เรื่องของบารมีอย่างเดียว และก็ไม่ใช่เพราะความเป็นพี่ ไม่เกี่ยวหรอก ผมมีพี่หลายร้อยหลายพันคน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความเหมาะสม ความสามารถ ไม่ใช่เพราะเป็นบูรพาพยัคฆ์ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ถ้าอย่างนั้นผมเป็นทหารเสือมั้ง ก็ชอบเขียนผมให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ มีกลุ่มทหารเสือ กลุ่มบูรพาพยัคฆ์ กลุ่มเก่า กลุ่มวงศ์เทวัญ คราวหลังคุณก็มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมก็แล้วกัน ตั้งอยู่นั้น อยากจะตั้งใครก็ตั้งไป เขามี พ.ร.บ.แต่งตั้งอยู่แล้ว ไม่ใช่จะแต่งตั้งใครก็ได้ คนที่เขาพอใจในสิ่งที่มีพวกสื่อก็ชอบไปเขียนน้องคนนี้คนนั้นจนรวนไปหมด แบ่งคนเป็นก๊ก เป็นเหล่าไปหมด วันนี้ทุกคนต้องการความสงบสุขให้ประเทศชาติเดินหน้า หรือต้องการให้มีความขัดแย้งอยู่เช่นเดิมก็ต้องไปคิดกันเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการทั้งหมดต้องทำให้เร็วขึ้นหรือไม่เผื่อให้เป็นไปในคราวเดียวกันกับการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเพราะตนยังอยู่ ตามกำหนดเวลาเขามีอยู่แล้ว ส่วนข่าวที่ว่าตนจะปรับ ครม.ไปคราวเดียวกันกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการนั้นไม่เกี่ยว ไม่จริง “วันนี้ผมไม่คิดจะปรับใคร ผมคิดของผมในใจ ผมก็ต้องคิดล่วงหน้าคิดทั้งหมด ผมไม่ได้คิดสั้นๆ แบบที่คิดกัน ผมคิดมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 จนถึงวันนี้ผมคิดทั้งหมด รวมทั้งคิดไปถึงข้างหน้าด้วย”

เมื่อถามว่าถึงเวลานี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับ ครม.ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จำเป็นหรือไม่จำเป็นไม่รู้ เดี๋ยวเปลี่ยนก็รู้เอง วันนี้ไม่รู้ไม่ทราบ

ส่วนเหตุผลของการปรับ ครม.คืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า “แล้วเหตุผลของสื่อคืออะไร ที่เขียนมาทั้งหมดเหตุผลคืออะไร ถ้าบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจถ้าเป็นสื่อแล้วจะแก้อย่างไรในทางปฏิบัติ ถ้าบอกว่า ครม.ควรต้องมีเอกภาพ ก็ต้องบอกว่าเอกภาพทั้งหมดอยู่ที่ผม ผมสั่งทั้งหมดอยู่แล้ว ทำไมจะไม่มีเอกภาพ ไม่ทำผมก็เล่นงานเอา ระบบการทำงานจริงต้องเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ระบบของทหาร การทำงานมันต้องมีหัวมีหาง”

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข่าวว่าที่ไม่กล้าปรับ ครม.เพราะเกรงใจ ครม.เพราะเป็นคนไปเชิญเข้ามาเลยไม่กล้าปรับออก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “วันหลังถ้ามีโอกาสเข้าได้เข้าไปนั่งในที่ประชุม ครม.ดูซิว่าผมเกรงใจเขาหรือเปล่า ผมฟังเขาทุกอันและสั่งทุกอัน ทำไมถ้าเกรงใจแล้วต้องทำอย่างไร บอกเขาหรือว่าท่านครับเรื่องนี้อย่าทำเลยนะครับผมขอร้องพี่หรือ ไม่ใช่ ผมสั่ง คือ 1. สั่งให้ไปทำงานอะไรก็ไปทำ ทำได้ก็ทำแต่ถ้าทำไม่ได้ก็มาบอกผม ไม่ใช่ไม่ทำ 2. อยากคิดอะไรเพิ่มก็ให้มาบอกผม แล้วผมจะสั่งให้”

ส่วนการปรับหรือไม่ปรับ ครม.จะยึดหลักอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตน โดยยึดหลักประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน “ทำไมพวกสื่อถึงสนใจเรื่องจะปรับ หรือไม่ปรับ ครม.เอาง่ายๆ มั้ย ปรับนายกรัฐมนตรีคนเดียวแล้วจบ จะได้เลิกวุ่นวายกันเสียที อยากให้ใครมาเป็นล่ะไปหามา ทำไมมันยุ่งกันเหลือเกินเรื่องปรับ มันอยู่ที่วิธีการทำงาน ถ้าวิธีการทำงานทั้งหมดแล้วเขาไม่ทำผมปรับ สั่งแล้วไม่ทันผมปรับ หรือทำงานแล้วไม่มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการก็ปรับ”

เมื่อถามว่ายังมีกระทรวงไหนที่ยังทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ไปประเมินมาก็แล้วกัน สำหรับการตรวจการบ้านในการทำงานนั้นก็ตรวจกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว โดยตนสั่งให้รัฐมนตรีทุกคนทำแผนการปฏิบัติงานมาตลอด 3-6-9 เดือน ทำมาโดยตลอด จะทำอะไรในวันนี้วันหน้าแล้วเสร็จเมื่อไหร่ทำกันมาทุกเดือน ตนก็มาดูว่างานไหนไม่เสร็จบ้างก็ต้องเร่งไป งบประมาณเบิกจ่ายไม่ทันก็ไปเร่งมา ไม่ใช่นอนแล้วก็ฝันเอา ทุกกระทรวงรายงานมาทุกสัปดาห์ถึงความก้าวหน้าต่างๆ เพราะผมต้องการให้เขาวางแผนงานล่วงหน้าอะไรที่ต้องการให้เกิดในปี 2559 อย่างน้อยก็ต้องเริ่มต้นไว้แต่จะให้ไปล็อครัฐบาลในอนาคตมากก็ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ต้องเริ่มต้นไว้ส่วนจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับทุกคน

“พอผมใช้อำนาจก็หาว่าผมใช้อำนาจมากเกินไป ไม่ฟังคนนั้นคนนี้ พอผมไม่ใช้อำนาจก็หาว่าชักช้าเสียเวลา จะเอาไงวะ จะให้ทำอย่างไร อยากให้มีหรือไม่ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ ก็ต้องไปช่วยกันสร้างการรับรู้ว่าเขาทำกันอย่างไร ไม่ใช่เขียนส่งเดชไปเรื่อยๆ หาว่ามีผลประโยชน์ตรงนั้นตรงนี้ ทั้งหมดเขาดูรายละเอียดอย่างรอบคอบทั้งหมด ทำโปร่งใสที่สุดแล้ว แต่ปัญหาคือคนไทยเห็นไม่ตรงกันแล้วชอบมาพูดข้างนอกขยายความไปเรื่อยโดยไม่มีข้อเท็จจริง อะไรก็ได้ที่เป็นความขัดแย้งก็ขยายให้หมด วันนี้ทุกคนใน ครม.พยายามสร้างการรับรู้ แต่สื่อไม่ค่อยฟัง เวลาที่คนอื่นพูดสื่อก็ไม่ค่อยใจ ชอบให้ผมพูดแรงๆ ดุๆ แล้วนำไปพาดหัวว่าบิ๊กตู่พูดอย่างนี้อย่างนั้น ขายหนังสือได้เยอะ ลองไปพาดหัวคนอื่นสิขายหนังสือไม่ออก สื่อต้องลดตรงนี้ลงอย่าให้ความสำคัญกับผมมากนัก ผมพูดในหลักการ เมื่อสื่อไม่ฟังคนอื่นผมก็ต้องพูดแทนทุกเรื่องที่สั่งการลงไปรวมทั้งที่ได้ติดตามงานมา ถ้าไม่มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นก็คงไม่รู้เรื่อง หรือจะเอาแบบพูดน้อยๆ ไม่ต้องตอบ นายกฯ ต้องนิ่งๆ นายกฯ วันนี้เวลานี้ไม่ใช่นายกฯ แบบนั้น สถานการณ์คนละเรื่อง ทุกคนก็ผ่านกาลเวลาและสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมา มีคุณสมบัติทั้งสิ้นไม่เช่นนั้นก็เป็นไม่ได้หรอก ไอ้ผมมันมาอำนาจพิเศษ วิจารณ์ผมมากก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ชอบ เพราะท่านไม่ได้เลือกผมมา ทั้งนี้เราต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจไปเรื่อยๆ จนตายจากกันถึงจะเข้าใจ”


กำลังโหลดความคิดเห็น