สมาคมโบรกฯ มองกรอบ SET Index ปีนี้ ที่ระดับ 1,400-1,600 จุด พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์วอลุ่มเทรดต่อวันลงเหลือ 4 หมื่นล้าน จากเดิมคาดไว้ที่วันละ 5 หมื่นล้าน และปรับลด EPS Growth ในปีนี้ เหลือเติบโตเพียง 8-9% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 15% หลังจากงบไตรมาส 2/58 ออกมาค่อนข้างต่ำ ส่วนที่มีนักวิเคราะห์มองว่า หุ้นไทยจะลงไปลึกถึง 1,200 จุดนั้น ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีปัจจัยลบที่จะมากระทบรุนแรงขนาดนั้น ชี้ การปรับ ครม. และนายกฯ ออกมายอมรับ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาจต้องเลื่อนไปในปีหน้า นักลงทุนรับรู้ไปพอสมควรแล้ว
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมโบรกเกอร์) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้ลงตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวและไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน หลังจากประเมินว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้จะเติบโตต่ำกว่า 3%
ขณะเดียวกัน ได้มีการปรับลดคาดการณ์มูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในปีนี้เหลือ 4 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 4.5 หมื่นล้านบาท และต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นปีที่ 5 หมื่นล้านบาท
ดัชนีตลาดหุ้นไทยกรอบบน ประเมินไว้ที่ไม่เกิน 1,600 จุด ส่วนกรอบล่างมั่นใจว่าจะไม่หลุด 1,400 จุด โดยจะต้องจับตาดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/58 ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้อีก ก็อาจจะมีการปรับลดประมาณการณ์ต่างๆ ลงได้อีก
ทั้งนี้ ได้มีการปรับลดอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth) ในปีนี้เหลือเติบโตเพียง 8-9% จากเดิมคาดเติบโตราว 15% หลังจากงบไตรมาส 2/58 ออกมาค่อนข้างต่ำ
นางภัทธีรา ยังมองว่า สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือว่าเหมาะสมกับระดับดัชนีที่เคลื่อนไหวในกรอบ 1,450-1,500 จุด จากปัจจัยลบหรือมีตัวเลขทางเศรษฐกิจในเชิงลบ ก็จะมีความอ่อนไหวสอดคล้องกันไป
ส่วนกรณีที่มีผู้วิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยอาจจะลงไปถึง 1,200 จุดนั้น นางภัทธีรา มองว่า คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้มีปัจจัยลบที่จะมากระทบมากขนาดนั้น
“ช่วงนี้หุ้นไทยยังคงซึมลงอย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นหายทั้งในภาคเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ก็ปัจจัยลบค่อนข้างมากทั้งในและต่างประเทศ ส่วนปัจจัยบวกใหม่ๆ ก็ยังไม่เห็นมี มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นสภาพนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นความผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น เพราะโดยพื้นฐานยังถือว่าแข็งแรงพอสมควร สามารถลงทุนระยะยาวได้”
สำหรับข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการที่นายกรัฐมนตรีออกมายอมรับว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่จะต้องเลื่อนประมูลไปเป็นปีหน้านั้น คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะนักลงทุนรับข่าวไปพอสมควรแล้ว
“นักลงทุนอยู่ในสภาพของการรอคอยอยู่แล้วและยังไม่มีโปรเจกต์ใดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเชิงปฏิบัติ การที่ยืดไปอีกก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก เหมือนกับทำใจไว้แล้ว ส่วนการปรับ ครม.ก็ไม่น่าจะส่งผลอะไรอย่างมีนัยเช่นกัน เป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่า เพราะใครจะเข้ามาแทนใคร ก็ต้องอยู่บนความหวังของการเร่งเบิกจ่าย และเดินหน้าลงทุนแผนต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริง อันนี้น่าสนใจกว่า และถือว่าจำเป็นมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชน”
สำหรับนักลงทุนระยะยาว (1 ปีขึ้นไป) แนะนำทยอยเข้าซื้อสะสมหุ้นกลุ่มหลักพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลดลงมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนนักลงทุนระยะสั้นให้หาจังหวะเข้าเล่นรอบอย่างระมัดระวัง