"วันชัย" ยก 6 ประเด็น ชี้รัฐบาลประยุทธ์ นับถอยหลัง เหตุศรัทธาหด แก้ปัญหาไม่ได้ แนะโละ ทีมเศรษฐกิจยกชุด ปรับโฉมใหม่ เตือนหากเพิกเฉยต่อความรู้สึกของประชาชน ยิ่งทำให้หมดความเชื่อมั่น แม้มีปืน ก็อยู่ไม่ได้ "สุริยะใส" แนะปรับครม.ไม่ใช่แค่เปลี่ยนคน ต้องเปลี่ยนวิธีคิดด้วย อย่าใช้โควต้าครม. แก้ปัญหาโยกย้ายในกองทัพ จี้ครม.ใหม่ ตอบโจทย์ 3 ข้อสำคัญ เศรษฐกิจปากท้อง-ปฏิรูป และ ปรองดอง
นายวันชัย สอนศิริ โฆษกวิป สปช. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หรือเรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี สะท้อนว่า 1. ความนิยมชมชอบในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มจะลดน้อยถอยลง ประกอบกับโพลในสำนักต่างๆ ก็ชี้ชัดว่าคะแนนนิยมเริ่มลดจากวันแรกๆ มาถึงวันนี้มีมากขึ้นๆ และยังเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ก็มีทีท่าว่าคะแนนจะลดลงไปเรื่อยๆ
2. การทำงานของรัฐบาลในระยะเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถสนองความต้องการและความรู้สึกของประชาชนที่คาดหวังไว้ได้ โดยประชาชนคาดหวังและฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดนี้มากว่าจะแก้ปัญหาของประเทศได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่จนกระทั่ง ณ วันนี้ ประชาชนเริ่มจะมีความผิดหวังจากเล็กๆ และจะใหญ่ขึ้นๆ จนกระทั่งอาจจะเสียความรู้สึก
3. ประชาชนให้โอกาสในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง แม้จะได้บ้างไม่ได้บ้าง สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ก็ยังพอทนและให้โอกาสตลอดมา และถึงเวลานี้ประชาชนชักจะเริ่มมีความรู้สึกว่าให้โอกาสมาเพียงพอแล้ว แต่ยังไม่ค่อยไปถึงไหน ยังไม่ได้ดังใจ ชักจะไม่อยากให้โอกาสอีกต่อไปแล้ว
4. มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนที่กระทบอยู่ทุกวี่ทุกวัน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามแก้และแถลงว่า ทำโน่น ทำนี่ มีปัจจัยทั้งภายนอกภายใน แต่คนก็ยังมีความรู้สึกว่าการทำมาค้าขายไม่ดี การจับจ่ายใช้สอยก็ไม่ค่อยมี เงินก็หายากลำบาก เกี่ยวกับเรื่องทำมาหากิน นับวันๆ ก็จะกระทบแรงขึ้น ไปๆมาๆ ก็เป็นตัวเร่งเร้าและเรียกร้องว่าชักจะให้โอกาสและรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ทั้งๆ ที่อยากให้รัฐบาลนี้อยู่ดูแลแก้ปัญหาต่อไปแต่ท้องมันหิว เงินในกระเป๋าไม่มีมันก็ชักจะไม่ไหว
5. ประกอบกับฝ่ายตรงข้ามก็ปลุกกระแส ขยายผลโจมตี เคลื่อนไหวทำลาย ดิสเครดิต แรกๆ ก็ไม่เอาด้วย แต่ชักนานวันกับปัญหาที่ปรากฏก็ชักจะร่วมด้วยช่วยกันเขย่ารุกเร้าให้มีการเปลี่ยนแปลง
6. นี่แหละน่าจะเป็นที่มาของคนที่มีความปรารถนาดีรวมทั้งประสงค์ที่เอออวยจะช่วยรัฐบาลที่จะต้องรีบแก้ความรู้สึกของประชาชน กระชากศรัทธากลับมา ดึงความไว้วางใจให้โอกาสให้เวลากับรัฐบาลต่อไปโดยจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองคาพยพในการทำงานเพื่อสนองความต้องการและความรู้สึกของประชาชนว่ารัฐบาลก็ไม่นิ่งนอนใจ ก็รีบปรับรีบเปลี่ยนคนมาทำงานเสียใหม่แม้ว่าคนเก่าจะไม่ได้มีอะไรผิดเลยก็ตาม เป็นการสร้างความรู้สึกให้กับประชาชน การเมืองเป็นเรื่องของการบริหารความรู้สึกของประชาชน ทำแล้วเปลี่ยนแล้วประชาชนเขามีความรู้สึกดีก็ไม่มีอะไรเสียหาย
นายวันชัย กล่าวว่า เชื่อว่านายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกคนมีความตั้งใจและทุ่มเททำงานกันอย่างจริงจัง แม้จะไม่ใช่นักการเมืองและหวังจะเล่นการเมืองต่อไป แต่เมื่อท่านมาทำงานการเมืองแล้วต้องสนองความรู้สึกและบริหารความรู้สึกของประชาชนไว้ให้ได้ เพราะเมื่อวันใดประชาชนสิ้นหวังสิ้นศรัทธาเสียแล้วก็อยู่ยากและอาจจะอยู่ไม่ได้ในที่สุด
ทั้งนี้เห็นว่าทั้งนายกฯและภาพรวมทั้งหมดตกลง ในการปรับเปลี่ยนครม.แก้ทำงานไม่ได้ทั้งหมดแต่เป็นเรื่องการบริหารความรู้สึก และทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะขณะนี้ลดน้อยถอยลง ตราบใดที่ประชาชนหมดความเชิ่อมั่นและความเชื่อถือในตัวรัฐบาล แม้ว่าเก่งก็อยู่ยาก ยิ่งมีปัญหารุมเร้าแก้ไม่ได้ยิ่งกระทบต่อรัฐบาลมากขึ้น แต่ถ้าปรับเปลี่ยนก็จะปรับความรู้สึกให้ประชาชนเพื่อให้ทีมงานมีความกระฉับกระเฉง เป็นการสนองความต้องการหรือความรู้สึกของประชาชน
" ปืนอำนาจจะมีพลังขนาดไหนถ้าประชาชนหมดความศรัทธาเสียแล้ว ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงควรเปลี่ยนแปลงเรื่องคนทำงานเศรษฐกิจทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เพิกเฉยต่อการเรียกร้องของประชาชน ซึ่งไม่ได้หมายความว่า รัฐมนตรีเหล่านั้นทำผิด แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยศรัทธา
อย่าปรับครม.แค่แก้ปัญหาในกองทัพ
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่นายกฯ จะปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็วๆ นี้ เพราะต้องยอมรับว่า รัฐมนตรีหลายกระทรวงสอบไม่ผ่าน ทำให้ปัญหาพุ่งตรงและกดดันไปที่ตัวพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว
และควรระวังผลการสำรวจความนิยมของรัฐบาล ที่แม้ยังอยู่ในระดับที่ดี คนส่วนใหญ่ยังให้โอกาส แต่ถ้าดูกันอย่างละเอียด ต้องยอมรับว่าคนยังผวากับความแตกแยกทางการเมือง จึงยังพึงพอใจในรัฐบาล คสช. แต่ในระยะยาว จะมีปัจจัยชี้วัดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
ที่สำคัญการปรับ ครม. ต้องไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวคน แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการมองปัญหา และการแก้ปัญหา และต้องไม่ใช่เป็นการเอาโควต้า ครม. ไปแก้ปัญหาการโยกย้ายในกองทัพเท่านั้น นายกฯ จะต้องกล้าหาญในทางที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์กับส่วนรวมเพื่อลบข้อครหาเสียของที่สังคมเริ่มส่งสัญญานดังขึ้น
นอกจากนี้ การปรับ ครม. ต้องตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของบ้านเมือง 3 ข้อ ด้วยกัน คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การปฏิรูปประเทศ และการปรองดองสมานฉันท์ เพราะยังไงเสียหลังจากนี้ไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นหากครม.ใหม่มี รมต.ที่เข้าใจปัญหา กล้าแก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง ก็จะสามารถวางรากฐานที่ดี และแข็งแกร่งให้กับบ้านเมืองในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ของประเทศรัฐบาลนี้ริเริ่มไว้ดี เช่น ปัญหารุกที่ป่า ปัญหาสลาก ปัญหาค้ามนุษย์ ปัญหาประมง เป็นต้น ตัว รมต. ที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ ต้องเข้าใจปัญหา และมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าด้วย ไม่เช่นนั้นหลังเลือกตั้ง ปัญหาอาจจะวนกลับมาที่เดิมได้อีก
'สรอรรถ'เผยถ้ามีข่าวดีจะบอก
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวสั้นๆ ถึงกระแสข่าวจะถูกดึงตัวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ว่า "ไม่รู้เรื่องเลย ผมก็ทราบจากข่าว ถ้ามีข่าวดีแล้วจะบอก" เมื่อถามย้ำว่า ถ้าหากอยู่กระทรวงเกษตรฯ ถือว่าเป็นงานเก่าที่ถนัดหรือไม่ นายสรอรรถกล่าวว่า "วันนี้ยังเป็นเรื่องสมมุติ ก็เห็นเปลี่ยนกันรายวัน"
นายวันชัย สอนศิริ โฆษกวิป สปช. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หรือเรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี สะท้อนว่า 1. ความนิยมชมชอบในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มจะลดน้อยถอยลง ประกอบกับโพลในสำนักต่างๆ ก็ชี้ชัดว่าคะแนนนิยมเริ่มลดจากวันแรกๆ มาถึงวันนี้มีมากขึ้นๆ และยังเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ก็มีทีท่าว่าคะแนนจะลดลงไปเรื่อยๆ
2. การทำงานของรัฐบาลในระยะเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถสนองความต้องการและความรู้สึกของประชาชนที่คาดหวังไว้ได้ โดยประชาชนคาดหวังและฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดนี้มากว่าจะแก้ปัญหาของประเทศได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่จนกระทั่ง ณ วันนี้ ประชาชนเริ่มจะมีความผิดหวังจากเล็กๆ และจะใหญ่ขึ้นๆ จนกระทั่งอาจจะเสียความรู้สึก
3. ประชาชนให้โอกาสในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง แม้จะได้บ้างไม่ได้บ้าง สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ก็ยังพอทนและให้โอกาสตลอดมา และถึงเวลานี้ประชาชนชักจะเริ่มมีความรู้สึกว่าให้โอกาสมาเพียงพอแล้ว แต่ยังไม่ค่อยไปถึงไหน ยังไม่ได้ดังใจ ชักจะไม่อยากให้โอกาสอีกต่อไปแล้ว
4. มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนที่กระทบอยู่ทุกวี่ทุกวัน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามแก้และแถลงว่า ทำโน่น ทำนี่ มีปัจจัยทั้งภายนอกภายใน แต่คนก็ยังมีความรู้สึกว่าการทำมาค้าขายไม่ดี การจับจ่ายใช้สอยก็ไม่ค่อยมี เงินก็หายากลำบาก เกี่ยวกับเรื่องทำมาหากิน นับวันๆ ก็จะกระทบแรงขึ้น ไปๆมาๆ ก็เป็นตัวเร่งเร้าและเรียกร้องว่าชักจะให้โอกาสและรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ทั้งๆ ที่อยากให้รัฐบาลนี้อยู่ดูแลแก้ปัญหาต่อไปแต่ท้องมันหิว เงินในกระเป๋าไม่มีมันก็ชักจะไม่ไหว
5. ประกอบกับฝ่ายตรงข้ามก็ปลุกกระแส ขยายผลโจมตี เคลื่อนไหวทำลาย ดิสเครดิต แรกๆ ก็ไม่เอาด้วย แต่ชักนานวันกับปัญหาที่ปรากฏก็ชักจะร่วมด้วยช่วยกันเขย่ารุกเร้าให้มีการเปลี่ยนแปลง
6. นี่แหละน่าจะเป็นที่มาของคนที่มีความปรารถนาดีรวมทั้งประสงค์ที่เอออวยจะช่วยรัฐบาลที่จะต้องรีบแก้ความรู้สึกของประชาชน กระชากศรัทธากลับมา ดึงความไว้วางใจให้โอกาสให้เวลากับรัฐบาลต่อไปโดยจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองคาพยพในการทำงานเพื่อสนองความต้องการและความรู้สึกของประชาชนว่ารัฐบาลก็ไม่นิ่งนอนใจ ก็รีบปรับรีบเปลี่ยนคนมาทำงานเสียใหม่แม้ว่าคนเก่าจะไม่ได้มีอะไรผิดเลยก็ตาม เป็นการสร้างความรู้สึกให้กับประชาชน การเมืองเป็นเรื่องของการบริหารความรู้สึกของประชาชน ทำแล้วเปลี่ยนแล้วประชาชนเขามีความรู้สึกดีก็ไม่มีอะไรเสียหาย
นายวันชัย กล่าวว่า เชื่อว่านายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกคนมีความตั้งใจและทุ่มเททำงานกันอย่างจริงจัง แม้จะไม่ใช่นักการเมืองและหวังจะเล่นการเมืองต่อไป แต่เมื่อท่านมาทำงานการเมืองแล้วต้องสนองความรู้สึกและบริหารความรู้สึกของประชาชนไว้ให้ได้ เพราะเมื่อวันใดประชาชนสิ้นหวังสิ้นศรัทธาเสียแล้วก็อยู่ยากและอาจจะอยู่ไม่ได้ในที่สุด
ทั้งนี้เห็นว่าทั้งนายกฯและภาพรวมทั้งหมดตกลง ในการปรับเปลี่ยนครม.แก้ทำงานไม่ได้ทั้งหมดแต่เป็นเรื่องการบริหารความรู้สึก และทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะขณะนี้ลดน้อยถอยลง ตราบใดที่ประชาชนหมดความเชิ่อมั่นและความเชื่อถือในตัวรัฐบาล แม้ว่าเก่งก็อยู่ยาก ยิ่งมีปัญหารุมเร้าแก้ไม่ได้ยิ่งกระทบต่อรัฐบาลมากขึ้น แต่ถ้าปรับเปลี่ยนก็จะปรับความรู้สึกให้ประชาชนเพื่อให้ทีมงานมีความกระฉับกระเฉง เป็นการสนองความต้องการหรือความรู้สึกของประชาชน
" ปืนอำนาจจะมีพลังขนาดไหนถ้าประชาชนหมดความศรัทธาเสียแล้ว ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงควรเปลี่ยนแปลงเรื่องคนทำงานเศรษฐกิจทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เพิกเฉยต่อการเรียกร้องของประชาชน ซึ่งไม่ได้หมายความว่า รัฐมนตรีเหล่านั้นทำผิด แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยศรัทธา
อย่าปรับครม.แค่แก้ปัญหาในกองทัพ
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่นายกฯ จะปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็วๆ นี้ เพราะต้องยอมรับว่า รัฐมนตรีหลายกระทรวงสอบไม่ผ่าน ทำให้ปัญหาพุ่งตรงและกดดันไปที่ตัวพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว
และควรระวังผลการสำรวจความนิยมของรัฐบาล ที่แม้ยังอยู่ในระดับที่ดี คนส่วนใหญ่ยังให้โอกาส แต่ถ้าดูกันอย่างละเอียด ต้องยอมรับว่าคนยังผวากับความแตกแยกทางการเมือง จึงยังพึงพอใจในรัฐบาล คสช. แต่ในระยะยาว จะมีปัจจัยชี้วัดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
ที่สำคัญการปรับ ครม. ต้องไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวคน แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการมองปัญหา และการแก้ปัญหา และต้องไม่ใช่เป็นการเอาโควต้า ครม. ไปแก้ปัญหาการโยกย้ายในกองทัพเท่านั้น นายกฯ จะต้องกล้าหาญในทางที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์กับส่วนรวมเพื่อลบข้อครหาเสียของที่สังคมเริ่มส่งสัญญานดังขึ้น
นอกจากนี้ การปรับ ครม. ต้องตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของบ้านเมือง 3 ข้อ ด้วยกัน คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การปฏิรูปประเทศ และการปรองดองสมานฉันท์ เพราะยังไงเสียหลังจากนี้ไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นหากครม.ใหม่มี รมต.ที่เข้าใจปัญหา กล้าแก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง ก็จะสามารถวางรากฐานที่ดี และแข็งแกร่งให้กับบ้านเมืองในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ของประเทศรัฐบาลนี้ริเริ่มไว้ดี เช่น ปัญหารุกที่ป่า ปัญหาสลาก ปัญหาค้ามนุษย์ ปัญหาประมง เป็นต้น ตัว รมต. ที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ ต้องเข้าใจปัญหา และมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าด้วย ไม่เช่นนั้นหลังเลือกตั้ง ปัญหาอาจจะวนกลับมาที่เดิมได้อีก
'สรอรรถ'เผยถ้ามีข่าวดีจะบอก
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวสั้นๆ ถึงกระแสข่าวจะถูกดึงตัวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ว่า "ไม่รู้เรื่องเลย ผมก็ทราบจากข่าว ถ้ามีข่าวดีแล้วจะบอก" เมื่อถามย้ำว่า ถ้าหากอยู่กระทรวงเกษตรฯ ถือว่าเป็นงานเก่าที่ถนัดหรือไม่ นายสรอรรถกล่าวว่า "วันนี้ยังเป็นเรื่องสมมุติ ก็เห็นเปลี่ยนกันรายวัน"