พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. ว่า จากที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) มีมติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เปิดประกวดราคาคัดเลือกเอกชนเดินรถซึ่งไม่สอดคล้องกับมติของ คณะกรรมการตามมาตรา 13 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35)ที่ให้เจรจาตรงกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ดังนั้น รฟม. จะต้องใช้วิธีประกวดราคาและใช้รูปแบบ PPP -Gross Cost (รัฐเป็นผู้รับความเสี่ยงค่าโดยสารและจ้างเอกชนเป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง โดยรัฐจ่ายค่าจ้างเดินรถ) โดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ หาก สศช.เห็นชอบตามมติ มาตรา 13 นั้นกระทรวงคมนาคมจะเสนอครม.พร้อมกับขอเปลี่ยนเป็นรูปแบบ PPP-Net Cost (สัมปทาน โดยเอกชนเป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง พร้อมทั้งรับความเสี่ยงค่าโดยสาร และจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ) เพื่อให้การเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อเนื่องตลอดสาย (Through Operation) แต่เมื่อบอร์ด สศช.ไม่เห็นชอบแนวทางนี้ถือว่าจบแล้วต้องส่งเรื่องกลับไปที่คณะกรรมการมาตรา 13 เพื่อให้ดำเนินการประกวดราคา ซึ่งรฟม.รายงานว่า จะใช้เวลาในการร่างขอบเขตของงาน (TOR) และเอกสารประกวดราคา และยื่นข้อเสนอประมาณ 4 เดือน ( 90-150วัน) กรณีมีการร้องเรียนอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน (180 วัน)
“เท่ากับตอนนี้ การเดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยายล่าช้าไปอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนทางกระทรวงการคลังนั้น ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ มีความเห็นเป็นกลาง คือ จะไม่ขัดกับความเห็นของทางกระทรวงคมนาคม แต่อย่าลืมกระทรวงคมนาคม มี รมต. 2 คน คือผมและรมช.อาคมซึ่งเป็นผู้ไปเจรจากับทางกระทรวงการคลังและตอนนี้ยังไม่ได้บอกผลทางคลังว่าเป็นอย่างไร แต่บอร์ดสศช.มีมติออกมาแล้วว่าให้เปิดประมูล การทำงาน การทำหน้าที่จะไม่มีการกดดันกัน”รมว.คมนาคมกล่าว
ส่วนการเดินรถ 1 สถานีช่วงเตาปูน-บางซื่อนั้นพล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ครม.มีมติชัดเจนไปแล้วว่า ให้ BMCL เป็นผู้เดินรถและเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ซึ่งจะเปิดบริการ ในปี 2559 แน่นอน ดังนั้นหากไม่สามารถเปิดเดินรถได้ทันกับสีม่วงบริษัทจะเสียรายได้ เชื่อว่าจะมีวิธีเร่งรัดได้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และในฐานะเลขาธิการ สศช.กล่าวว่า มติของบอร์ดสภาพัฒนฯ พิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้เหตุผล ซึ่ง กระทรวงการคลังและสภาพัฒน์ฯ เป็นหน่วยงานที่จะต้องให้ความเห็น ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35)หากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมีความเห็นต่างจาก มติของ คณะกรรมการมาตรา13แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 จะต้องกลับไปใช้วิธีการประกวดราคาโดยอัตโนมัติตามพ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 35 ส่วนข้อกังวลว่า วิธีประกวดราคาจะทำให้การเปิดเดินรถล่าช้าไม่ทันตามกำหนดนั้น ยืนยัน บอร์ดสภาพัฒน์ฯ ได้พิจารณาในประเด็นนี้แล้ว
***รฟม.เร่งออกTOR ประมูลปลายปี 58
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ทราบมติบอร์ดสภาพัฒน์ฯแล้ว ซึ่งตามกฎหมาย รฟม.จะต้องกลับไปใช้รูปแบบการประกวดราคาคัดเลือกเอกชนเข้ามาเดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยายซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรา 13 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ในการดำเนินการตั้งแต่การกำหนดร่างขอบเขตของงาน (TOR) และเอกสารประกวดราคา
ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากมีรายละเอียดบางส่วนที่ดำเนินการไว้บ้างแล้ว โดยจะสามารถประกาศ ร่าง TOR เชิญชวนได้ภายในปลายปี 2558 นี้ จากนั้นจะให้เวลาผู้สนใจยื่นข้อเสนอ 90 วัน และเข้าสู่การประกวดราคา และเมื่อเจรจาต่อรองกับผู้ชนะ ซึ่งคาดว่า หากสามารถเริ่มกระบวนการประกวดราคาได้ในปลายปี 2558 จะสรุปผลได้ปลายปี 2559และเสนอครม.พิจารณาได้ ซึ่งประเมินว่า จะเปิดเดินรถได้ตามแผนเดิมปี 2562 หรือล่าช้าเล็กน้อย
“จะต้องรายงานบอร์ด รฟม.ให้รับทราบ เพื่อเดินหน้าการประกวดราคา ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ซึ่ง คณะกรรมการมาตรา 13 จะดำเนินการตั้งแต่กำหนดเงื่อนไข TOR ประกวดราคาและเจรจาต่อรอง ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจนแต่ในขั้นตอนการเจรจาต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมเรื่องเวลาได้ ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหนแต่คร่าวๆหากเริ่มประกาศ TOR ปลายปี 58 อย่างเร็ว จะสรุปผลและเสนอครม.ขออนุมัติในปลายปี 59” นายพีระยุทธกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของราคากลางกรณีที่วิธีเปิดประกวดราคานั้น จะต้องมีการปรับปรุงจากราคากลางเดิมที่ประเมินไว้สำหรับการเจรจาตรงกับ BMCL ที่จะถูกกว่า การประกวดราคา เนื่องจากการเจรจา จะลดค่าใช้จ่ายในส่วนของระบบควบคุมการเดินรถ ที่ศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ที่หลักสอง ปลายสายทางเพราะสามารถใช้ร่วมกับรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องบุคลากร เป็นต้น.
ทั้งนี้ หาก สศช.เห็นชอบตามมติ มาตรา 13 นั้นกระทรวงคมนาคมจะเสนอครม.พร้อมกับขอเปลี่ยนเป็นรูปแบบ PPP-Net Cost (สัมปทาน โดยเอกชนเป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง พร้อมทั้งรับความเสี่ยงค่าโดยสาร และจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ) เพื่อให้การเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อเนื่องตลอดสาย (Through Operation) แต่เมื่อบอร์ด สศช.ไม่เห็นชอบแนวทางนี้ถือว่าจบแล้วต้องส่งเรื่องกลับไปที่คณะกรรมการมาตรา 13 เพื่อให้ดำเนินการประกวดราคา ซึ่งรฟม.รายงานว่า จะใช้เวลาในการร่างขอบเขตของงาน (TOR) และเอกสารประกวดราคา และยื่นข้อเสนอประมาณ 4 เดือน ( 90-150วัน) กรณีมีการร้องเรียนอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน (180 วัน)
“เท่ากับตอนนี้ การเดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยายล่าช้าไปอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนทางกระทรวงการคลังนั้น ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ มีความเห็นเป็นกลาง คือ จะไม่ขัดกับความเห็นของทางกระทรวงคมนาคม แต่อย่าลืมกระทรวงคมนาคม มี รมต. 2 คน คือผมและรมช.อาคมซึ่งเป็นผู้ไปเจรจากับทางกระทรวงการคลังและตอนนี้ยังไม่ได้บอกผลทางคลังว่าเป็นอย่างไร แต่บอร์ดสศช.มีมติออกมาแล้วว่าให้เปิดประมูล การทำงาน การทำหน้าที่จะไม่มีการกดดันกัน”รมว.คมนาคมกล่าว
ส่วนการเดินรถ 1 สถานีช่วงเตาปูน-บางซื่อนั้นพล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ครม.มีมติชัดเจนไปแล้วว่า ให้ BMCL เป็นผู้เดินรถและเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ซึ่งจะเปิดบริการ ในปี 2559 แน่นอน ดังนั้นหากไม่สามารถเปิดเดินรถได้ทันกับสีม่วงบริษัทจะเสียรายได้ เชื่อว่าจะมีวิธีเร่งรัดได้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และในฐานะเลขาธิการ สศช.กล่าวว่า มติของบอร์ดสภาพัฒนฯ พิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้เหตุผล ซึ่ง กระทรวงการคลังและสภาพัฒน์ฯ เป็นหน่วยงานที่จะต้องให้ความเห็น ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35)หากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมีความเห็นต่างจาก มติของ คณะกรรมการมาตรา13แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 จะต้องกลับไปใช้วิธีการประกวดราคาโดยอัตโนมัติตามพ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 35 ส่วนข้อกังวลว่า วิธีประกวดราคาจะทำให้การเปิดเดินรถล่าช้าไม่ทันตามกำหนดนั้น ยืนยัน บอร์ดสภาพัฒน์ฯ ได้พิจารณาในประเด็นนี้แล้ว
***รฟม.เร่งออกTOR ประมูลปลายปี 58
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ทราบมติบอร์ดสภาพัฒน์ฯแล้ว ซึ่งตามกฎหมาย รฟม.จะต้องกลับไปใช้รูปแบบการประกวดราคาคัดเลือกเอกชนเข้ามาเดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยายซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรา 13 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ในการดำเนินการตั้งแต่การกำหนดร่างขอบเขตของงาน (TOR) และเอกสารประกวดราคา
ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากมีรายละเอียดบางส่วนที่ดำเนินการไว้บ้างแล้ว โดยจะสามารถประกาศ ร่าง TOR เชิญชวนได้ภายในปลายปี 2558 นี้ จากนั้นจะให้เวลาผู้สนใจยื่นข้อเสนอ 90 วัน และเข้าสู่การประกวดราคา และเมื่อเจรจาต่อรองกับผู้ชนะ ซึ่งคาดว่า หากสามารถเริ่มกระบวนการประกวดราคาได้ในปลายปี 2558 จะสรุปผลได้ปลายปี 2559และเสนอครม.พิจารณาได้ ซึ่งประเมินว่า จะเปิดเดินรถได้ตามแผนเดิมปี 2562 หรือล่าช้าเล็กน้อย
“จะต้องรายงานบอร์ด รฟม.ให้รับทราบ เพื่อเดินหน้าการประกวดราคา ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ซึ่ง คณะกรรมการมาตรา 13 จะดำเนินการตั้งแต่กำหนดเงื่อนไข TOR ประกวดราคาและเจรจาต่อรอง ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจนแต่ในขั้นตอนการเจรจาต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมเรื่องเวลาได้ ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหนแต่คร่าวๆหากเริ่มประกาศ TOR ปลายปี 58 อย่างเร็ว จะสรุปผลและเสนอครม.ขออนุมัติในปลายปี 59” นายพีระยุทธกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของราคากลางกรณีที่วิธีเปิดประกวดราคานั้น จะต้องมีการปรับปรุงจากราคากลางเดิมที่ประเมินไว้สำหรับการเจรจาตรงกับ BMCL ที่จะถูกกว่า การประกวดราคา เนื่องจากการเจรจา จะลดค่าใช้จ่ายในส่วนของระบบควบคุมการเดินรถ ที่ศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ที่หลักสอง ปลายสายทางเพราะสามารถใช้ร่วมกับรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องบุคลากร เป็นต้น.