ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -คงดันทุรังไปได้อีกไม่กี่น้ำแล้ว หลังกระแสข่าวยกเครื่องทีมเศรษฐกิจครม. ลือกันว่อนศูนย์กลางบริหารราชการแผ่นดินมาหลายวัน
ไฮไลต์สำคัญจับตาไปที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “คุณชายอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี จะอยู่หรือไม่ เมื่อสัญญาณชัดแจ๋วว่า“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โละแน่ และจะปรับครม.ขนานใหญ่ เรียกความเชื่อมั่น สืบเนื่องจากผลงานอืดอาดที่ไม่มีทีท่ากระเตื้องขึ้น อีกทั้งเสียงเรียกร้องหลายฝ่ายตรงกัน ควรถึงเวลาเสียที มันเต็มกลืนแล้ว
ยิ่งมีคลิป“หม่อมอุ๋ย”ออกมาระหว่างหารือกับบรรดาสมาคมธนาคาร ในเชิงนินทา“บิ๊กตู่”ว่า ไม่มีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจเอาเสียเลย จากเดิมที่คาดการณ์กันว่า คนที่ต้องเก็บข้าวเก็บของกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านจะมีเฉพาะลูกทีมที่พากันเข้ามา ไม่รวมตัวหัวหน้าเศรษฐกิจ แต่ไปๆ มาๆ ทั้งหัวหน้า ทั้งลูกทีม คงต้องระเห็จเก็บกันไปทั้งยวง เพราะข่าวว่า ผู้นำลายพรางเองก็รู้สึกไม่แฮปปี้กับข่าวที่ออกมา เสียเซลฟ์ไปไม่น้อย เมื่อคนกันเองพูดแบบนี้ ความเกรงอกเกรงใจที่มีเป็นอันหมดกัน
ถ้าไม่นับเรื่องคลิป เอาเฉพาะฝีไม้ลายมือของ “หม่อมอุ๋ย”เองก็ถูกตั้งคำถามมาตลอดว่า หมดยุคสมัยแล้วหรือไม่ แนวคิดต่างๆ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ เพราะตั้งแต่ก่อร่างสร้างตัวกันมาเป็นรัฐบาล ผลงานด้านเศรษฐกิจยังไม่มีอะไรโดนใจประชาชนเลย บางเรื่องก็ดูจะดื้อตาใส เป็นตัวของตัวเองมากเกินไป จนคนนินทาหมาดูถูกว่า อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)รายนี้ หมดกึ๋นแล้ว เชี่ยวชาญกับงานติมากกว่าก่อ
บรรดาลูกหาบคนอื่นๆ ใน“ทีมอุ๋ย”ไม่ว่าจะเป็น สมหมาย ภาษี รมว.คลัง ปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ พรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม ณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน ไม่สามารถกอบกู้หรือแก้ไขจุดอ่อนเรื่องเศรษฐกิจของรัฐบาลทหารได้เลย
หนำซ้ำยังบริหารในรูปแบบข้าราชการ ถนอมตัว ไม่มีไอเดียอะไรใหม่ๆ ที่สำคัญคือ ไม่สามารถนำนโยบายที่“บิ๊กตู่”คิด ไปสู่การปฏิบัติได้เลย ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรกับคนใจร้อนอย่างนายกฯ ที่อยากเห็นรูปธรรมโดยรวดเร็ว
ขืนไม่มีการเปลี่ยนแปลง คนที่ง่อนแง่นคือตัวรัฐบาล อย่างที่รู้กันว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลทหาร หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับชาวบ้านชาวช่องได้ จะอยู่ยาก หลายรัฐบาลตกม้าตายเรื่องเศรษฐกิจ ต้องเก็บฉาก ลาโรงก่อนกำหนดไปนักต่อนักแล้ว ถ้า“บิ๊กตู่”ไม่เชื่อว่า ทฤษฎีนี้ใช้ได้จริง คงไม่มีการเริ่มขยับเขยื้อนเรื่องปรับครม. ออกมาให้ได้ยิน เพราะดันทุรังสูงมีแต่ผลลบ กับลบ
ที่หนีไม่พ้นเลยคือ นักธุรกิจ นักลงทุน พวกนี้มีความอ่อนไหว และความอดทนต่ำ หากไม่ปรับเปลี่ยนเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่น หรือทำให้เห็นทิศทางที่ดีขึ้น เศรษฐกิจมีสิทธิ์จะติดหล่มไปเรื่อยๆ ฉะนั้นอย่างน้อยต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง เพื่อให้คนมีความหวัง มีน้ำบ่อหน้ารออยู่ “บิ๊กตู่” เองก็รู้อยู่เต็มอกว่า การทำงานของรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ผ่านมา ยังไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่กล้า มัวแต่เกรงอกเกรงใจกัน ทั้งที่เศรษฐกิจเบื้องหน้า จะไปไม่รอดอยู่แล้ว
โดยเฉพาะ“คุณชายอุ๋ย”ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ด้วยดีกรีเซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น ของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ผู้มากบารมี มีอำนาจที่จะชี้นิ้วได้ว่า ใครควรจะนั่งตำแหน่งไหน และ“ชายอุ๋ย”ก็เป็นคนที่“บิ๊กตู่”เห็นดีเห็นงามว่าควรจะมาทำหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ตอนช่วงตั้งรัฐบาลใหม่ๆ จนแทบจะการันตีได้เลยว่า ต่อให้มีการปรับครม.ใหญ่เพียงใด “คุณชายอุ๋ย”ก็ยังอยู่ จัดเป็นประเภทสายแข็งโป๊ก ยิ่งกว่าสากกะเบือ
แต่วันนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ซ้ำยังมีเรื่องคลิปเสียงออกมา เก้าอี้ของ“คุณชายอุ๋ย”ก็ไม่คงทนถาวรอีกต่อไปแล้ว หาก“บิ๊กตู่”นั่งฟังคลิปเสียงแล้วพิจารณาไตร่ตรองว่า เจตนาในการพูดเป็นไปอย่างที่สื่อนำเสนอจริงๆ คือออกแนวเสียดสี ไม่ใช่เป็นการตัดเฉพาะบางท่อนมาบิดเบือน ทีมเศรษฐกิจทั้งหมด คงจะต้องไป ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว กระทั่งตัวหัวหน้าเองก็เถอะ
คลิปที่ว่า ก็ออกมาได้พอเหมาะพอเจาะเสียเหลือเกิน ออกมาในช่วงที่สถานการณ์ของ“คุณชายอุ๋ย”ไม่ดีเอาเสียเลย ทีมงานจ่อโดนโละยกแผง หากมีอันต้องปรับ “บิ๊กตู่”เองก็คงจะสุดแสนจะชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง ไม่ต้องมาเกรงอกเกรงใจกันอีก ไม่ต้องลำบากใจอะไรกันมาก
เหลือบไปดูบรรดารัฐมนตรีในส่วนของขุนพลทหาร ที่ได้รับการสมนาคุณ ก็คงต้องถือโอกาสนี้สังคายนาใหม่ไปในคราวเดียวกัน แม้แต่เพื่อนรักอย่าง “บิ๊กนมชง”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และรอง ผบ.ทบ. ที่รับบทพ่อค้าวานิชมาเนิ่นนาน แต่สุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลายเสียงเห็นพ้องต้องกันว่า ต้องขยับสับเปลี่ยนให้คนที่เจนจัดมาทำหน้าที่ เพราะกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นกระทรวงปากท้องสำคัญในการแก้ไขปัญหาประชาชน ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจทรุดหนักยิ่งต้องทำงานเชิงรุก แต่ที่ผ่านมาดูเรื่อยๆ มาเรียงๆ สไตล์นายทหาร จึงไม่เหมาะกับการค้าขายอย่างแรง
ขณะที่นายทหารคนอื่นๆ ให้นั่งมา 1 ปี สมน้ำสมเนื้อ ตอบแทนที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาพอควรแล้ว ใครทำหน้าที่ไม่ได้ ก็คงต้องปรับเปลี่ยนให้มืออาชีพเข้ามาบริหาร น่าจะเวิร์กกว่า ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจเท่านั้น แต่รวมถึงกระทรวงอื่นๆ ที่เป็นจุดอ่อน ขนาดกระทรวงการต่างประเทศเอง เห็นเงียบๆ เชียบๆ ยังมีเสียงบ่นพึมพำ ถึงการทำงานของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ที่เจ้ายศเจ้าอย่าง พิธีรีตองเยอะมากกว่าข้าราชการเสียอีก ก็เลยเซ็งทั้งกระทรวง บ่นกันจนหมาเบื่อ จะว่าไปงานด้านต่างประเทศ ถ้าให้บรรดาทูตเก่ามาสื่อสารกับต่างประเทศในช่วงไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง น่าจะคุยกันง่ายกว่าให้นายทหารไปคุยแยะ
กระทรวงเด่นๆ สำคัญๆ ที่เกี่ยวพันกับผลงานรัฐบาล ถึงคราวต้องใช้ระดับโปรเฟสชันนอล มาทำงาน เพราะห้วงเวลานี้เป็นห้วงที่รัฐบาลต้องแสดงฝีมือให้เห็น ช้าไม่ได้ เวลาเหลือไม่เยอะ วันนี้เสียงสะท้อนจากประชาชนในเชิงลบ เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ความมั่นคงไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว เพราะในกองทัพสามประสานพี่น้อง “3ป.” ทั้ง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ กุมสภาพได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ทหารเรียงหน้าโชว์ตัวกันหนุบหนับขนาดนี้
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเลือก พี่ เพื่อน น้อง หรือเกรงอกเกรงใจใครกันอีกแล้ว บริหารมาร่วม 1 ปี มีแต่ทรงกับทรุด และไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น เอาทหารกลับเข้ากรมกอง พวกข้าราชการเช้าชามเย็นชาม กลับไปเลี้ยงหลาน ถึงเวลาเอามืออาชีพมาทำงานสร้างความหวังให้ชาวบ้านบ้างเถอะครับ ขอร้องไว้ ณ จุดจุดนี้...