ASTV ผู้จัดการรายวัน – โบรกเกอร์ทยอยปรับลดเป้าดัชนีฯ สินปี บล.เอเซีย พลัสให้เหลือ 1,420 จุด จับตาวิกฤติภัยแล้งเป็นตัวแปรสำคัญ ขณะที่บล.บัวหลวงมองที่ 1,570 จุด เพราะยังมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนในการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ส่วนราคาทองคำล่าสุดปรับต่ำสุดรอบ5ปี ตลาดไทยวันเดียวลดพรวดกว่า 300 บาท เหตุสหรัฐฯส่งสัญญาณทยอยขึ้นดอกเบี้ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ปิดที่ 1,466.71 จุด ลดลง 12.60 จุด เปลี่ยนแปลง -0.85% มูลค่าการซื้ขาย 25,246.56 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,481.27 จุด และต่ำสุดที่ 1,466.64 จุด
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง กล่าวถึงแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครึ่งหลังของปีนี้ว่า มีแนวโน้มที่จะเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น ดังนั้น บล. บัวหลวงจึงพิจารณาปรับลดประมาณการดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปี 2558 ลงเหลือ 1,570 จุด จากที่เคยคาดการณ์เมื่อตอนต้นปีที่ 1,650 จุด บนราคาปิดกำไรต่อหุ้น 15.5 เท่า และกำไรต่อหนี้ 96.3 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ เป็นการปรับลดประมาณการจากปัจจัยทั้งจากภายในและภายนอกประเทศที่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยในสหรัฐฯ การจัดการกับสัดส่วนหนี้สินในภาคครัวเรือนที่กำลังส่งผลกระทบต่อการโภคในภาคครัวเรือนของรัฐบาลที่อาจทำได้ค่อนข้างลำบาก และอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในแก้ไขปัญหานานถึง 3 ปี
ขณะที่ตลาดหุ้นของจีนที่เคยมีปัญหานั้นก็ยังคงไม่มีใครที่จะยังตอบไม่ได้ว่า ฟองสบู่ในตลาดหุ้นของจีนนั้นแตกลงแล้วจริงๆ แล้วหรือยังซึ่งยังเป็นประเด็นให้ต้องจับตามองกันต่อไป ส่วนปัญหาในกรีซแม้ตลาดจะไม่มีความตึงเครียดถึงผลสรุปในการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้ยูโรและลูกหนี้กรีซแล้วก็ตาม แต่เขาก็มองว่าปัญหาของกรีซในเวลานี้เป็นเหมือนระเบิดเวลาและจะกลับมามีปัญหาอีกครั้งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ส่วนปัจจัยทางการเมืองในประเทศซึ่งมีข่าวคราวว่ารัฐบาลเตรียมที่จะปรับ ครม. โดยจะมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีใน ครม. ใหม่นั้น เขาก็มองว่าดร. สมคิดน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและสามารถสร้างสีสรรให้กับตลาดได้แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม เนื่องจากในระยะยาวแล้วนักลงทุนต่างก็ต้องการที่จะเห็นถึงความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติจากภาคประชาชนเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลปัจจุบันจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ทันภายในปีหน้า
นายชัยพร ยังมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายการเปิดประมูล 4G ที่จะเริ่มต้นได้ในเดือน พ.ย. นี้ เนื่องจากทั้งภาคธุรกิจผู้ให้บริการระบบ 4G ต่างมีความพร้อมที่จะเข้าลงทุน ขณะเดียวกันบรรดาธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ก็พร้อมที่จะปล่อยกู้เพื่อการนี้แล้ว เขาจึงคาดหวังว่าเมื่อเริ่มมีการลงทุนใหม่ๆ ในระบบ 4G แล้ว เศรษฐกิจไทยในปีหน้าคงจะเริ่มดีขึ้น
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บล.เอเซีย พลัส ระบุฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มีแนวโน้มปรับลด EPS ปี 2558 ราว 4% ซึ่งจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index มีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลง ประกอบกับการที่เศรษฐกิจในประเทศยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากตัวแปรที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างภัยแล้ง ซึ่งส่งผลให้สำนักเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจภาคการเกษตรเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2558 โดยปรับลดลงจากต้นปีที่ประเมินไว้ว่าจะเติบโต 2.5-3% เป็นหดตัว 3.3-4.3% เมื่อเทียบกับปี 2557 และคาดว่าจะกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ GDP Growth โดยรวมราว 0.4-0.5% ซึ่งน่าจะทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักปรับลดประมาณการ GDP Growth ลง
“เรายังมีภาวะซ๊อคเศรษฐกิจที่อาจคาดไม่ถึงอีกทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศ โดยเฉพาะภัยแล้ง และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งปรับขึ้นแน่ๆ ทำให้คาดว่าสภาพคล่องจะยิ่งหายออกไปจากตลาดหุ้นไทย เพราะทุกวันนี้ต่างชาติก็ขายทิ้งและไม่มีทีท่าจะกลับมาลงทุน อีกทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนตามกระแสราคาพลังงานในตลาดโลก ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน ประกอบกับการที่ผลประกอบการไตรมาส 2/58 ซึ่งหลายคนประเมินว่าจะแย่ ยังออกมาแย่กว่าที่เราประมาณการไว้ ทำให้อาจมีการพิจารณาปรับลดทั้งกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน และเป้าดัชนีฯ สิ้นปี ที่อาจเหลือแค่ 1,420 จุดเท่านั้น”
นายประกิต คาดการร์ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดัน ทำให้ดัชนีน่าจะเคลื่นอไหวในกรอบ 1,460 - 1,497 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นลงทุนในรายหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีผลกำไรที่โดดเด่นในไตรมาส 2/58 - 3/58 ได้แก่ หุ้นส่งออกเนื่องจากได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าอาทิ HANA, KCE, TUF หุ้นในประเทศที่ได้แรงหนุนจากการก่อสร้างภาครัฐ TASCO, CK หุ้นมีภูมิคุ้มกันภาวะเศรษฐกิจชะลิตัวอย่าง THCOM, BTS
ด้านนายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต ระบุระบบเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ขับเคลื่อนด้วยภาคการท่องเที่ยว รวมถึงจิตวิทยาที่ภาครัฐกำลังเร่งผลักดันการลงทุนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทั้งมอเตอร์เวย์ และการก่อสร้างรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตามดัชนีฯ ยังคงซึมซับข่าวแนวโน้มกำไรบริษัทบจ. ซึ่งภาพรวมกำไรอาจไม่ค่อยดี ส่งผลให้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,470-1,484 จุด
“ปัจจุบันภาคท่องเที่ยวนำเงินตราเข้าประเทศทะลุ 10% ของ GDP ไปแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยภาคการส่งออกที่หดตัว ทั้งนี้ฝ่ายกลยุทธ์ฯ อยู่ระหว่างศึกษาเตรียมปรับลดประมาณการดัชนีฯ สิ้นปีลงเหลือ 1,480 จุดตามภาพรวมผลกำไรบจ.ที่ลดลง”
**ทองคำร่วงต่ำสุดรอบ5ปี**
นายวรุต รุ่งขำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส สรุปความเคลื่อนไหวราคาทองคำวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ว่าราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,088.85-1,132.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 300 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ15 อยู่ที่ 18,300 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 360 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,660 บาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงจะมาจากถ้อยแถลงของนายเจเนต เยเลย ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FEDต่อรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ที่ระบุจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองคำปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งปิดรายสัปดาห์ใกล้ระดับต่ำสุดของปี 2013 ในโซน 1,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์
"ในช่วงเช้าวันจันทร์ของตลาดเอเชียแรงเทขายทองคำมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ ส่งผลให้ราคาดิ่งลงอย่างมากในทันทีจนทดสอบระดับ 1,088 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2010"
สำหรับราคาทองคำถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน หลังจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นในเดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน "ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยยืนยันความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเนกัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 8 ปี ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะที่คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐรายงานว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และบริษัทจัดการกองทุนปรับลดสถานะซื้อสุทธิในสัญญาทองคำในตลาด Comex ลงในช่วงสัปดาห์ปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันและปรับลดลงสู่สถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ปรับลดสถานะซื้อสุทธิในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นทองคำลง 2,941 สัญญา สู่ระดับ 4,633 สัญญา ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งสะท้อนมุมมองเชิงลบของกองทุนเฮดจ์ฟันด์และบริษัทจัดการกองทุนในตลาด Comex นายวรุตแนะนำให้ดูการสร้างฐานของราคาทองคำเหนือแนวรับ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถตั้งฐานได้ ยังมีโอกาสเห็นการดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,120-1,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ปิดที่ 1,466.71 จุด ลดลง 12.60 จุด เปลี่ยนแปลง -0.85% มูลค่าการซื้ขาย 25,246.56 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,481.27 จุด และต่ำสุดที่ 1,466.64 จุด
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง กล่าวถึงแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครึ่งหลังของปีนี้ว่า มีแนวโน้มที่จะเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น ดังนั้น บล. บัวหลวงจึงพิจารณาปรับลดประมาณการดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปี 2558 ลงเหลือ 1,570 จุด จากที่เคยคาดการณ์เมื่อตอนต้นปีที่ 1,650 จุด บนราคาปิดกำไรต่อหุ้น 15.5 เท่า และกำไรต่อหนี้ 96.3 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ เป็นการปรับลดประมาณการจากปัจจัยทั้งจากภายในและภายนอกประเทศที่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยในสหรัฐฯ การจัดการกับสัดส่วนหนี้สินในภาคครัวเรือนที่กำลังส่งผลกระทบต่อการโภคในภาคครัวเรือนของรัฐบาลที่อาจทำได้ค่อนข้างลำบาก และอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในแก้ไขปัญหานานถึง 3 ปี
ขณะที่ตลาดหุ้นของจีนที่เคยมีปัญหานั้นก็ยังคงไม่มีใครที่จะยังตอบไม่ได้ว่า ฟองสบู่ในตลาดหุ้นของจีนนั้นแตกลงแล้วจริงๆ แล้วหรือยังซึ่งยังเป็นประเด็นให้ต้องจับตามองกันต่อไป ส่วนปัญหาในกรีซแม้ตลาดจะไม่มีความตึงเครียดถึงผลสรุปในการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้ยูโรและลูกหนี้กรีซแล้วก็ตาม แต่เขาก็มองว่าปัญหาของกรีซในเวลานี้เป็นเหมือนระเบิดเวลาและจะกลับมามีปัญหาอีกครั้งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ส่วนปัจจัยทางการเมืองในประเทศซึ่งมีข่าวคราวว่ารัฐบาลเตรียมที่จะปรับ ครม. โดยจะมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีใน ครม. ใหม่นั้น เขาก็มองว่าดร. สมคิดน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและสามารถสร้างสีสรรให้กับตลาดได้แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม เนื่องจากในระยะยาวแล้วนักลงทุนต่างก็ต้องการที่จะเห็นถึงความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติจากภาคประชาชนเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลปัจจุบันจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ทันภายในปีหน้า
นายชัยพร ยังมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายการเปิดประมูล 4G ที่จะเริ่มต้นได้ในเดือน พ.ย. นี้ เนื่องจากทั้งภาคธุรกิจผู้ให้บริการระบบ 4G ต่างมีความพร้อมที่จะเข้าลงทุน ขณะเดียวกันบรรดาธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ก็พร้อมที่จะปล่อยกู้เพื่อการนี้แล้ว เขาจึงคาดหวังว่าเมื่อเริ่มมีการลงทุนใหม่ๆ ในระบบ 4G แล้ว เศรษฐกิจไทยในปีหน้าคงจะเริ่มดีขึ้น
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บล.เอเซีย พลัส ระบุฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มีแนวโน้มปรับลด EPS ปี 2558 ราว 4% ซึ่งจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index มีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลง ประกอบกับการที่เศรษฐกิจในประเทศยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากตัวแปรที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างภัยแล้ง ซึ่งส่งผลให้สำนักเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจภาคการเกษตรเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2558 โดยปรับลดลงจากต้นปีที่ประเมินไว้ว่าจะเติบโต 2.5-3% เป็นหดตัว 3.3-4.3% เมื่อเทียบกับปี 2557 และคาดว่าจะกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ GDP Growth โดยรวมราว 0.4-0.5% ซึ่งน่าจะทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักปรับลดประมาณการ GDP Growth ลง
“เรายังมีภาวะซ๊อคเศรษฐกิจที่อาจคาดไม่ถึงอีกทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศ โดยเฉพาะภัยแล้ง และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งปรับขึ้นแน่ๆ ทำให้คาดว่าสภาพคล่องจะยิ่งหายออกไปจากตลาดหุ้นไทย เพราะทุกวันนี้ต่างชาติก็ขายทิ้งและไม่มีทีท่าจะกลับมาลงทุน อีกทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนตามกระแสราคาพลังงานในตลาดโลก ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน ประกอบกับการที่ผลประกอบการไตรมาส 2/58 ซึ่งหลายคนประเมินว่าจะแย่ ยังออกมาแย่กว่าที่เราประมาณการไว้ ทำให้อาจมีการพิจารณาปรับลดทั้งกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน และเป้าดัชนีฯ สิ้นปี ที่อาจเหลือแค่ 1,420 จุดเท่านั้น”
นายประกิต คาดการร์ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดัน ทำให้ดัชนีน่าจะเคลื่นอไหวในกรอบ 1,460 - 1,497 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นลงทุนในรายหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีผลกำไรที่โดดเด่นในไตรมาส 2/58 - 3/58 ได้แก่ หุ้นส่งออกเนื่องจากได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าอาทิ HANA, KCE, TUF หุ้นในประเทศที่ได้แรงหนุนจากการก่อสร้างภาครัฐ TASCO, CK หุ้นมีภูมิคุ้มกันภาวะเศรษฐกิจชะลิตัวอย่าง THCOM, BTS
ด้านนายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต ระบุระบบเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ขับเคลื่อนด้วยภาคการท่องเที่ยว รวมถึงจิตวิทยาที่ภาครัฐกำลังเร่งผลักดันการลงทุนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทั้งมอเตอร์เวย์ และการก่อสร้างรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตามดัชนีฯ ยังคงซึมซับข่าวแนวโน้มกำไรบริษัทบจ. ซึ่งภาพรวมกำไรอาจไม่ค่อยดี ส่งผลให้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,470-1,484 จุด
“ปัจจุบันภาคท่องเที่ยวนำเงินตราเข้าประเทศทะลุ 10% ของ GDP ไปแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยภาคการส่งออกที่หดตัว ทั้งนี้ฝ่ายกลยุทธ์ฯ อยู่ระหว่างศึกษาเตรียมปรับลดประมาณการดัชนีฯ สิ้นปีลงเหลือ 1,480 จุดตามภาพรวมผลกำไรบจ.ที่ลดลง”
**ทองคำร่วงต่ำสุดรอบ5ปี**
นายวรุต รุ่งขำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส สรุปความเคลื่อนไหวราคาทองคำวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ว่าราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,088.85-1,132.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 300 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ15 อยู่ที่ 18,300 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 360 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,660 บาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงจะมาจากถ้อยแถลงของนายเจเนต เยเลย ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FEDต่อรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ที่ระบุจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองคำปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งปิดรายสัปดาห์ใกล้ระดับต่ำสุดของปี 2013 ในโซน 1,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์
"ในช่วงเช้าวันจันทร์ของตลาดเอเชียแรงเทขายทองคำมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ ส่งผลให้ราคาดิ่งลงอย่างมากในทันทีจนทดสอบระดับ 1,088 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2010"
สำหรับราคาทองคำถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน หลังจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นในเดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน "ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยยืนยันความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเนกัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 8 ปี ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะที่คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐรายงานว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และบริษัทจัดการกองทุนปรับลดสถานะซื้อสุทธิในสัญญาทองคำในตลาด Comex ลงในช่วงสัปดาห์ปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันและปรับลดลงสู่สถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ปรับลดสถานะซื้อสุทธิในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นทองคำลง 2,941 สัญญา สู่ระดับ 4,633 สัญญา ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งสะท้อนมุมมองเชิงลบของกองทุนเฮดจ์ฟันด์และบริษัทจัดการกองทุนในตลาด Comex นายวรุตแนะนำให้ดูการสร้างฐานของราคาทองคำเหนือแนวรับ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถตั้งฐานได้ ยังมีโอกาสเห็นการดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,120-1,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์