ASTVผู้จัดการรายวัน- บอร์ดรฟม.เตรียมหารือแนวทางโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้กทม. ยันต้องรับภาระค่าลงทุนและถกข้อกฎหมาย ในกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เวนคืนมาทั้งหมดด้วย หากกทม.จะรับไปต้องชัดเจนในก.ค. หวั่นเจรจายืดเยื้อเหมือนสีเขียวใต้ กระทบเปิดเดินรถล่าช้า ยันพร้อมทำเองรูปแบบPPP ด้าน"ประจิน"เผย โอนกทม.เดินรถต่อเนื่องไม่ต้องแยกระบบควบคุมและศูนย์ซ่อม ไม่มีค่าแรกเข้า คุมค่าโดยสารได้
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะ ได้หารือร่วมกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยขอเจรจาเพื่อรับโอนการเดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)ไปพร้อมกับการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ด้วยนั้น เนื่องจากหากรับเดินรถสายสีเขียวใต้อย่างเดียวจะไม่คุ้ม ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมและกทม.พิจารณารายละเอียดร่วมกัน พร้อมกันนี้จะต้องเชิญผู้แทนกระทรวงการคลังมาร่วมหารือด้วยในฐานะที่คลังเป็นผู้กู้เงินให้รฟม.ลงทุน
ทั้งนี้ โดยหลัก กทม.จะต้องรับภาระค่าลงทุนของโครงการไปทั้งหมด และต้องหารือถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องในที่ดินซึ่งรฟม.ได้เวนคืนมาใช้ในการดำเนินโครงการ ตลอดแนวเส้นทางและศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ต้องยอมรับว่า การเจรจาดังกล่าวไม่เคยทำกันมาก่อนดังนั้นจะต้องพิจารณาทุกประเด็นอย่าวรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มีพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธานในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จะมีการหารือถึงกรณีโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้กทม.ด้วย
"ประธานบอร์ดรฟม.เห็นว่าหากจะโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้กทม.จะต้องมีความชัดเจนภายในเดือนก.ค.นี้ เพราะหากเจรจายืดเยื้อ จะกระทบทำให้เปิดเดินรถล่าช้า ซึ่งต้องยอมรับว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 8 สายของรฟม. ถูกบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ ร่วมทุน (PPP) ของรัฐบาล ดังนั้นรฟม.สามารถเสนอตั้งกก.ร่วมทุน เพื่อเดินหน้าโครงการได้"
ส่วนการก้อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ที่จะต้องมีการทุบสะพานข้ามแยกรัชโยธินและแยกเกษตรฯนั้น ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า รฟม.และกทม.พร้อมด้วยตำรวจ จะเร่งประชุมหาข้อสรุป ซึ่งทางกทม. ไม่อยากให้ทุบสะพาน ต้องการเปลี่ยนรูปแบบ ซึ่งในเชิงสิศวกรรมจะทำแบบใดก็ได้ แต่ต้องดูว่าแบบไหนดีที่สุดในระยะยาวสำหรับการให้บริการประชาชนยอมรับว่าการทุบสะพานจะมีผลกระทบในช่วงก่อสร้างซึ่งจะต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด แต่ระยะยาวดีแน่นอน
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมกล่าวว่า จากการหารือกับคณะของผู้ว่าฯกทม. ได้ยืนยันว่ามีความพร้อมและไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน โดยรับประกันว่า จะไม่ให้ รฟม. ต้องภาระค่าลงทุน นอกจากนี้ทำให้การเดินรถต่อเนื่อง แก้ปัญหา 3 ข้อที่เป็นอุปสรรคในการให้บริการหากเป็นผู้เดินรถรายอื่น คือ ปัญหาเรื่องการเชื่อมระบบที่ต้องแยกระบบควบคุมมีความยุ่งยาก, แยกระบบศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บค่าแรกเข้า ซึ่งส่งผลต่อค่าโดยสาร โดยกทม. ได้เสนอขอรับเดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ไปด้วยเพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งจะต้องเร่งหาข้อยุติภายในเดือนก.ค.นี้เนื่องจาก รฟม.กังวลว่าหากเจรจากับกทม.ล่าช้าจะกระทบทำให้การเปิดเดินรถล่าช้าไปด้วย ถ้าไม่ยุติ สามารถเดินรถเองได้ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
"เรื่องเดินรถสีเขียวใต้น่าจะสรุปได้เร็วๆนี้ ส่วนเดินรถสีเขียวเหนือนั้น กทม. เพิ่งเสนอเป็นทางการ ที่่ผ่านมายังไม่เคยคุยกัน รฟม.อยากให้จบเร็วๆ โดยได้พิจารณาแนวทางร่วมทุน PPP คู่ขนานไปด้วย ซึ่งผมได้หารืิอกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีแล้วเห็นว่าโอนเดินรถให้กทม.รับผิดชอบจะทำให้การเดินรถต่อเนื่องการรับภาระค่าลงทุนทั้งหมด จะส่งผลดีมากกว่า"รมว.คมนาคมกล่าว
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะ ได้หารือร่วมกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยขอเจรจาเพื่อรับโอนการเดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)ไปพร้อมกับการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ด้วยนั้น เนื่องจากหากรับเดินรถสายสีเขียวใต้อย่างเดียวจะไม่คุ้ม ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมและกทม.พิจารณารายละเอียดร่วมกัน พร้อมกันนี้จะต้องเชิญผู้แทนกระทรวงการคลังมาร่วมหารือด้วยในฐานะที่คลังเป็นผู้กู้เงินให้รฟม.ลงทุน
ทั้งนี้ โดยหลัก กทม.จะต้องรับภาระค่าลงทุนของโครงการไปทั้งหมด และต้องหารือถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องในที่ดินซึ่งรฟม.ได้เวนคืนมาใช้ในการดำเนินโครงการ ตลอดแนวเส้นทางและศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ต้องยอมรับว่า การเจรจาดังกล่าวไม่เคยทำกันมาก่อนดังนั้นจะต้องพิจารณาทุกประเด็นอย่าวรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มีพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธานในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จะมีการหารือถึงกรณีโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้กทม.ด้วย
"ประธานบอร์ดรฟม.เห็นว่าหากจะโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้กทม.จะต้องมีความชัดเจนภายในเดือนก.ค.นี้ เพราะหากเจรจายืดเยื้อ จะกระทบทำให้เปิดเดินรถล่าช้า ซึ่งต้องยอมรับว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 8 สายของรฟม. ถูกบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ ร่วมทุน (PPP) ของรัฐบาล ดังนั้นรฟม.สามารถเสนอตั้งกก.ร่วมทุน เพื่อเดินหน้าโครงการได้"
ส่วนการก้อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ที่จะต้องมีการทุบสะพานข้ามแยกรัชโยธินและแยกเกษตรฯนั้น ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า รฟม.และกทม.พร้อมด้วยตำรวจ จะเร่งประชุมหาข้อสรุป ซึ่งทางกทม. ไม่อยากให้ทุบสะพาน ต้องการเปลี่ยนรูปแบบ ซึ่งในเชิงสิศวกรรมจะทำแบบใดก็ได้ แต่ต้องดูว่าแบบไหนดีที่สุดในระยะยาวสำหรับการให้บริการประชาชนยอมรับว่าการทุบสะพานจะมีผลกระทบในช่วงก่อสร้างซึ่งจะต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด แต่ระยะยาวดีแน่นอน
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมกล่าวว่า จากการหารือกับคณะของผู้ว่าฯกทม. ได้ยืนยันว่ามีความพร้อมและไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน โดยรับประกันว่า จะไม่ให้ รฟม. ต้องภาระค่าลงทุน นอกจากนี้ทำให้การเดินรถต่อเนื่อง แก้ปัญหา 3 ข้อที่เป็นอุปสรรคในการให้บริการหากเป็นผู้เดินรถรายอื่น คือ ปัญหาเรื่องการเชื่อมระบบที่ต้องแยกระบบควบคุมมีความยุ่งยาก, แยกระบบศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บค่าแรกเข้า ซึ่งส่งผลต่อค่าโดยสาร โดยกทม. ได้เสนอขอรับเดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ไปด้วยเพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งจะต้องเร่งหาข้อยุติภายในเดือนก.ค.นี้เนื่องจาก รฟม.กังวลว่าหากเจรจากับกทม.ล่าช้าจะกระทบทำให้การเปิดเดินรถล่าช้าไปด้วย ถ้าไม่ยุติ สามารถเดินรถเองได้ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
"เรื่องเดินรถสีเขียวใต้น่าจะสรุปได้เร็วๆนี้ ส่วนเดินรถสีเขียวเหนือนั้น กทม. เพิ่งเสนอเป็นทางการ ที่่ผ่านมายังไม่เคยคุยกัน รฟม.อยากให้จบเร็วๆ โดยได้พิจารณาแนวทางร่วมทุน PPP คู่ขนานไปด้วย ซึ่งผมได้หารืิอกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีแล้วเห็นว่าโอนเดินรถให้กทม.รับผิดชอบจะทำให้การเดินรถต่อเนื่องการรับภาระค่าลงทุนทั้งหมด จะส่งผลดีมากกว่า"รมว.คมนาคมกล่าว