xs
xsm
sm
md
lg

อัยการญี่ปุ่นฝากขัง "แจ๊ด"10วัน ยุโรปไม่แบน ทีจีโล่ง12เส้นทางยังบินได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"สั่งตั้งกรรมการสอบปืน "คำรณวิทย์" หลุดรอดเครื่องตรวจสอบขึ้นเครื่องบิน ทอท.โชว์ภาพขณะเดินทางออกนอกประเทศ ยืนยันตรวจสอบแล้ว ไม่พบปืน แต่ภาพสแกนเอามาดูไม่ได้ เหตุพ้น 3 วันถูกลบไปแล้ว ด้านคดีอัยการญี่ปุ่นยังไม่สั่งฟ้อง ส่งฝากขังผลัดแรก 10 วัน "ประจิน"แจ้งข่าวดี เอียซ่าประกาศท่าทีตาม ICAO แต่ไม่แบนสายการบินไทย ส่งผลให้การบินไทย 12 เส้นทางบินเข้ายุโรปไม่กระทบ

ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จับกุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทย และปัจจุบันยังถูกควบคุมตัว เพื่อรอการพิจารณาของอัยการ โดยยังไม่ทราบว่าผลจะออกมาในรูปแบบใด ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุดวานนี้ (25 มิ.ย.) รัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ยังมีการสืบหาความจริงว่าปืนดังกล่าวได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบออกจากประเทศไทยไปได้อย่างไร รวมทั้งการหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หากศาลญี่ปุ่นมีคำตัดสินออกมา

***"ประวิตร"เรียกหน่วยรับผิดชอบหารือ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว โดยจากรายงานที่ได้รับมาในเบื้องต้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ผ่านจุดตรวจค้นในขั้นตอนขาออกระหว่างประเทศตามขั้นตอน ซึ่งตรวจสอบไม่พบอาวุธ ส่วนในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องบินยังไม่ทราบ โดยตนได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และสายการบิน เข้ามาประชุมและหาสาเหตุ ในขณะนี้ยังไม่มีการตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ในฐานะผู้ดูแลฝ่ายความมั่นคงก็ต้องเรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการทบทวนมาตรฐานเครื่องเอกซ์เรย์ภายในสนามบินหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าเครื่องเอกซ์เรย์เพียงพอหรือไม่ ต้องหาสาเหตุที่มีการหลุดรอดไป เป็นเรื่องของกระเป๋าและสิ่งของที่ต้องตรวจสอบ โดยส่วนตัวมั่นใจว่าเครื่องตรวจสอบในสนามบินได้มาตรฐาน แต่มีการตรวจกระเป๋าทุกใบหรือไม่นั้น ตนยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้

***นายกฯ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พกพาอาวุธปืนผ่านด่านตรวจที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกนอกประเทศไปจนถูกจับกุมที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รับไปดำเนินการให้แล้วเสร็จ และในเรื่องนี้ ยังไม่ได้รับการประสานงานจากทางการประเทศญี่ปุ่นในเรื่องของคดีความ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินไป และคดีนี้ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่น โดยกองการต่างประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมให้ความช่วยเหลือ หากมีการประสานมาจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์

***คาดอัยการใช้เวลาอีก1-2วัน

พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) กล่าวว่า ล่าสุดตนทราบเพียงเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้ส่งตัวพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้กับพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อศาล ส่วนจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ตนเชื่อว่า ทางพนักงานอัยการ น่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาสำนวนคดี ไม่ต่ำกว่า 1-2 วัน เพราะอัยการญี่ปุ่นน่าจะใช้หลักการเดียวกับประเทศไทยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์

ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าอาวุธปืนผ่านเครื่องสแกนได้อย่างไร ซื้อมาจากที่ญี่ปุ่นไม่ ในเรื่องนี้ ก็ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงปรากฏ และทางกองการต่างประเทศ ก็พยายามติดต่อประสานไปยังประเทศญี่ปุ่นถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้ ได้รับการยืนยันทางวาจาเท่านั้น ไม่มีเอกสารหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ ทั้งจากสถานทูตหรือจากกองการต่างประเทศของญี่ปุ่น

***ฝากขัง"คำรณวิทย์"ผลัดแรก10วัน

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานีตำรวจชิบะของญี่ปุ่น โดยทนายของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เข้าชี้แจงกับทางอัยการญี่ปุ่นแล้ว และทางอัยการญี่ปุ่นขอขยายเวลาฝากขังไปอีก 10 วัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนอย่างรอบคอบเพื่อพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกฎหมายญี่ปุ่นสามารถฝากขังได้ 2 ผลัด ผลัดละ10วันรวม20วัน

***ทอท.ยันตรวจไม่พบปืนผ่านขึ้นเครื่อง

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เดินทางมายังสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นำกระเป๋าติดตัวมาทั้งหมด 3 ใบ นำติดตัวขึ้นเครื่อง 2 ใบ และโหลดใต้ท้องเครื่อง 1 ใบ ยืนยันว่า ได้มีการตรวจสัมภาระและตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่ได้มีอภิสิทธิ์พิเศษมากกว่าคนทั่วไป โดยไม่พบว่ามีอาวุธ หรือเครื่องกระสุนปืนซุกซ้อนอยู่ในสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว ได้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดในสนามบิน ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางออกนอกประเทศ ทั้งกระบวนการตรวจค้นต่างๆ แต่ภาพสแกนกระเป๋า ไม่ได้นำมาแสดง โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเป็นภาพที่ไม่ผิดปกติ เครื่องจะทำการเก็บข้อมูลไว้เพียง 3 วันเท่านั้น

***เผยปืนอาจไม่ได้ออกไปจากไทย

นายศิโรตม์ กล่าวอีกว่า ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวอาจจะไม่ได้นำออกไปจากประเทศไทยก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง โดยจากนี้ไป จะเพิ่มมาตรฐานการตรวจสอบให้มากขึ้น และได้เตรียมตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบมาตรฐานและหาแนวทางการป้องกันให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นด้วย

***ยันไม่มีการขออนุญาตนำปืนออกนอก

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากมีการนำอาวุธปืนขึ้นเครื่อง จะต้องทำเอกสารขออนุญาตล่วงหน้าก่อนการเดินทาง และบอกถึงสาเหตุที่จะนำออกไป เพื่อจะได้ประสานไปยังสนามบินปลายทางว่ามีอาวุธเข้าประเทศ และจะต้องแยกกระสุนปืนและตัวเครื่องออกจากกัน ก่อนจะนำโหลดลงใต้เครื่อง โดยยืนยันว่ากรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่ได้มีการขออนุญาตหรือแจ้งให้ทางท่าอากาศยานทราบถึงการนำปืนออกนอกประเทศแต่อย่างใด

***เอียซ่าไม่แบนสายการบินไทย

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันที่ 25 มิ.ย. เป็นกำหนดที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือเอียซ่า (EASA) จะประกาศผลกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ติดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย โดยคณะกรรมาธิการความปลอดภัยทางการบินของสหภาพยุโรป (EU Air Safety Committee) ซึ่งอยู่ภายใต้เอียซ่าแถลงสรุปว่าจะไม่มีการแบนเพิ่มเติมสายการบินของไทยจากปัจจุบัน หรือ No new ban have been impose in this update ซึ่งจะเข้าในกรณีที่ 1 จาก 2 กรณีที่กระทรวงคมนาคมและกรมการบินพลเรือน (บพ.) ได้เตรียมไว้ คือ ทางเอียซ่าจะไม่มีมาตรการใดๆ เพิ่มเติม คือ จะไม่มีการห้ามทำการบินเข้าประเทศกลุ่มอียูของสายการบินไทยเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่เป็นอยู่ โดยความหมายของประกาศเอียซ่า ก็คือ ไม่แบน ไม่มีมาตรการเพิ่มเติมกับสายการบินของไทย คือ การบินปกติยังทำได้ตามเดิม ส่วนการที่สายการบินจะเพิ่มเที่ยวบินหรือเส้นทางบินใหม่ อยู่ที่การเจรจาแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ สิ่งที่ บพ. จะต้องเร่งแก้ปัญหาแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern: SSC) เพื่อปลด SSCให้ได้ตามแผนงานโดยเร็วที่สุด โดย บพ. จะสรุปแผนงานการปรับปรุงคู่มือเพิ่มดำเนินการตรวจสอบสายการบิน (Re-certification) และเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อกำกับดูแล รวมทั้งจะเร่งรัดการตรวจสอบสายการบิน โดยจะมีการประสานงานทั้ง ICAO และเอียซ่า

“สรุปถือเป็นข่าวปานกลาง ไม่เลวร้าย ไม่ดีจนเกินไป ส่วนกรณีที่ 2 คือ เอียซ่าจะส่งทีมเข้ามาขอทำการตรวจสอบ บพ.ด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินนั้น จะต้องดูท่าทีต่อไป แต่วันนี้ เอียซ่าประกาศเป็นแนวทางที่ 1 ส่วนที่เป็นห่วงว่าจะมีการเพิ่มรายชื่อแบนสายการบินไทยห้ามบินเข้าประเทศอียู ก็ไม่มีออกมา ดังนั้น การที่เอียซ่าจะส่งทีมงานเข้ามาหลังจากนี้จะเป็นในรูปของการเข้ามาช่วยเหลือ บพ.มากกว่า"

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิ.ย. ทางสายการบินไทย ได้ไปชี้แจงเอียซ่า ซึ่งทางเอียซ่ารับทราบแต่ไม่มีท่าทีใดๆ จากนั้นวันที่ 3-5 มิ.ย. คณะของบพ.ไปไปพบเอียซ่า มีการซักถามประมาณ 3 ชม. โดยยืนยันว่าเข้าใจและไม่เพิ่มปัญหาให้ บพ. พร้อมทั้งยินดีส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยแก้ปัญหา โดยจะติดตามผล ICAO โดยจะไม่เพิ่มมาตรการใดๆ นอกเหนือจากแนวทางของICAO

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม กล่าวว่า หลังจากเมื่อมีประกาศ ICAO ว่า บพ.ติด SSCทางผู้บริหารคมนาคมและบพ.ได้ออกเดินสายไปยังประเทศต่างๆ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ยุโรป และอเมริกา ซึ่งเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น และมั่นใจมาตรการด้านการบินของไทย ซึ่งที่ผ่านมา สายการบินของไทย ถูกสุ่มตรวจสอบการปฏิบัติการบำรุงรักษาอากาศยานในลานจอด (Ramp Inspection) ถี่มากขึ้น ซึ่งไม่พบปัญหาที่กระทบกับความปลอดภัยแต่อย่างใด ขณะนี้เหลือเพียงการตรวจสอบสายการบิน 28 แห่งตามคู่มือใหม่ที่เป็นไปตามมาตรฐาน ICAO ให้เสร็จเร็วที่สุด

*** การบินไทยยันบิน 12 เส้นทางเข้ายุโรปได้

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะกรรมาธิการความปลอดภัยทางการบินของสหภาพยุโรปได้มีการประกาศในเว็บไซต์ในเรื่องต่างๆ แต่ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับประเทศไทย ทำให้การบินไทยยังคงให้บริการเส้นทางบินสู่ทวีปยุโรปได้ตามปกติ ด้วยมาตรฐานการบริการและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งปัจจุบันการบินไทยมีเส้นทางบินสู่ยุโรป 12 จุดบิน ได้แก่ ลอนดอน โคเปนเฮเกน แฟรงก์เฟิร์ต บรัสเซลส์ มาดริด มิวนิก ออสโล ปารีส สตอกโฮล์ม ซูริก มิลาน โรม
กำลังโหลดความคิดเห็น