จากกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น กรณีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง วันนี้ (25 มิ.ย.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้นำสื่อมวลชนมร่วมสังเกตการณ์การสแกนวัตถุผ่านเครื่องตรวจวัตตถุระเบิด CTX 9400 DSI
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เดินทางเข้ามายังท่าอากาศยานในช่วงประมาณ 20.57 น.ของวันที่ 18 มิถุนายน 2558 โดยได้เข้าสแกนการตรวจสัมภาระและเข้าเช็กอินในช่วง 21.10 น. ก่อนจะขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นเวลา 23.50 น. โดยการตรวจเป็นไปตามมาตรฐานสากล ยืนยันว่าจากการตรวจสอบกระเป๋าทั้งสามใบของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทั้งที่พกขึ้นเครื่องและโหลดใต้เครื่อง ไม่พบวัตถุอันตรายหรืออาวุธปืน และสแกนผ่านเครื่องได้ตามปกติ ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็มีท่าทีปกติ ไม่ได้มีความพิรุธหรือการไม่ยอมให้ตรวจค้น
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การตรวจสอบได้มาตรฐานสากลและระบบการตรวจสอบหรือเครื่องสแกนก็เป็นมาตรฐานเดียวกับท่าอากาศยานในประเทศต่างๆ และการตรวจสอบก็มีการตรวจสอบใน 5 ระดับ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็ทำการตรวจค้นอย่างเคร่งครัด ซึ่งการท่าอากาศยานมั่นใจว่าไม่น่าเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือเครื่องสแกนใดๆ
สำหรับเครื่องสแกนที่ตรวจค้นวัตถุระเบิดนั้นเป็นเครื่อง CTX 9400 DSI ที่สามารถตรวจจับวัตถุระเบิดหรือวัตถุที่ก่อให้เกิดอันตรายกับท่าอากาศยานได้ และสามารถตรวจค้นดินปืนที่มีขนาดเกิน 300 มิลลิกรัม ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่พบในกระเป๋าของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือการนำปืนขึ้น เพราะการท่าอากาศยานมีมาตรการตรวจค้นเพื่อความปลอดภัยในทุกระดับ ไม่เว้นบุคคลพิเศษ ส่วนขณะนี้ยังไม่มีการลงโทษหรือตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานที่ตรวจค้น พล.ต.ท. คำรณวิทย์ อย่างไรก็ตาม การท่าอากาศยานยังไม่ทราบว่าปืนดังกล่าวมาจากไหน และไม่ทราบว่าเป็นการไปซื้อในญี่ปุ่นหรือไม่ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ไม่สามารถตรวจหาหลักฐานจากเครื่อง CTX ได้แล้ว เนื่องจากภาพมีอายุ 3 วันเท่านั้น
ด้านนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจะให้อนุญาตนำอาวุธขึ้นเครื่องได้นั้นมีขั้นตอนจำนวนมาก และส่วนมากผู้ที่จะนำอาวุธขึ้นได้คือนักกีฬาหรือบุคคลที่ต้องใช้อาวุธปืน ซึ่งต้องติดต่อเจ้าหน้าที่มาล่วงหน้าพร้อมระบุเหตุผลที่ต้องนำอาวุธขึ้นเครื่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่อนุญาต และหากอนุญาตแล้วต้องนำปืนโหลดไว้ใต้เครื่องโดยแยกกระสุนออกจากตัวเครื่องทุกกรณีไม่มีการยกเว้น ซึ่งกรณี พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ไม่มีการขออนุญาตนำปืนขึ้นเครื่อง และไม่มีการตรวจพบวัตถุดังกล่าวหรือวัตถุอันตรายด้วย ทั้งนี้ การนำอาวุธปืนไปจะมีการแจ้งท่าอากาศยานทุกประเทศเพื่อให้ทราบล่วงหน้าด้วย
ส่วนนายเพ็ชร ชั้นเจริญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ ระบุว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ 2497 และสอดคล้องกับระเบียบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ในอนาคตจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบการทำงานความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหานี้ และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ และขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานกับทางญี่ปุ่น แต่ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามที่ขอมาแล้ว
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เดินทางเข้ามายังท่าอากาศยานในช่วงประมาณ 20.57 น.ของวันที่ 18 มิถุนายน 2558 โดยได้เข้าสแกนการตรวจสัมภาระและเข้าเช็กอินในช่วง 21.10 น. ก่อนจะขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นเวลา 23.50 น. โดยการตรวจเป็นไปตามมาตรฐานสากล ยืนยันว่าจากการตรวจสอบกระเป๋าทั้งสามใบของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทั้งที่พกขึ้นเครื่องและโหลดใต้เครื่อง ไม่พบวัตถุอันตรายหรืออาวุธปืน และสแกนผ่านเครื่องได้ตามปกติ ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็มีท่าทีปกติ ไม่ได้มีความพิรุธหรือการไม่ยอมให้ตรวจค้น
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การตรวจสอบได้มาตรฐานสากลและระบบการตรวจสอบหรือเครื่องสแกนก็เป็นมาตรฐานเดียวกับท่าอากาศยานในประเทศต่างๆ และการตรวจสอบก็มีการตรวจสอบใน 5 ระดับ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็ทำการตรวจค้นอย่างเคร่งครัด ซึ่งการท่าอากาศยานมั่นใจว่าไม่น่าเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือเครื่องสแกนใดๆ
สำหรับเครื่องสแกนที่ตรวจค้นวัตถุระเบิดนั้นเป็นเครื่อง CTX 9400 DSI ที่สามารถตรวจจับวัตถุระเบิดหรือวัตถุที่ก่อให้เกิดอันตรายกับท่าอากาศยานได้ และสามารถตรวจค้นดินปืนที่มีขนาดเกิน 300 มิลลิกรัม ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่พบในกระเป๋าของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือการนำปืนขึ้น เพราะการท่าอากาศยานมีมาตรการตรวจค้นเพื่อความปลอดภัยในทุกระดับ ไม่เว้นบุคคลพิเศษ ส่วนขณะนี้ยังไม่มีการลงโทษหรือตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานที่ตรวจค้น พล.ต.ท. คำรณวิทย์ อย่างไรก็ตาม การท่าอากาศยานยังไม่ทราบว่าปืนดังกล่าวมาจากไหน และไม่ทราบว่าเป็นการไปซื้อในญี่ปุ่นหรือไม่ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ไม่สามารถตรวจหาหลักฐานจากเครื่อง CTX ได้แล้ว เนื่องจากภาพมีอายุ 3 วันเท่านั้น
ด้านนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจะให้อนุญาตนำอาวุธขึ้นเครื่องได้นั้นมีขั้นตอนจำนวนมาก และส่วนมากผู้ที่จะนำอาวุธขึ้นได้คือนักกีฬาหรือบุคคลที่ต้องใช้อาวุธปืน ซึ่งต้องติดต่อเจ้าหน้าที่มาล่วงหน้าพร้อมระบุเหตุผลที่ต้องนำอาวุธขึ้นเครื่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่อนุญาต และหากอนุญาตแล้วต้องนำปืนโหลดไว้ใต้เครื่องโดยแยกกระสุนออกจากตัวเครื่องทุกกรณีไม่มีการยกเว้น ซึ่งกรณี พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ไม่มีการขออนุญาตนำปืนขึ้นเครื่อง และไม่มีการตรวจพบวัตถุดังกล่าวหรือวัตถุอันตรายด้วย ทั้งนี้ การนำอาวุธปืนไปจะมีการแจ้งท่าอากาศยานทุกประเทศเพื่อให้ทราบล่วงหน้าด้วย
ส่วนนายเพ็ชร ชั้นเจริญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ ระบุว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ 2497 และสอดคล้องกับระเบียบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ในอนาคตจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบการทำงานความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหานี้ และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ และขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานกับทางญี่ปุ่น แต่ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามที่ขอมาแล้ว