“ประจิน” เผย “ประสงค์” ประธานบอร์ด ทอท.โทร.รายงานยัน “บิ๊กแจ๊ด” ผ่านเครื่องสแกนและตรวจค้นสนามบินตามปกติ มีหลักฐานเป็นภาพจาก CCTV ระบุเครื่องตรวจเป็นเทคโนโลยีมีโอกาสเออร์เรอร์ตามมาตรฐาน 0.01-0.1% สั่งประธานบอร์ดกำชับเข้มงวดขั้นตอนตรวจค้น ไม่เว้นแม้แต่ VIP อภิสิทธิชนทั้งหลาย แต่ต้องให้เกียรติตามความเหมาะสม ด้านสุวรรณภูมิและการบินไทยยันการดำเนินงานด้านรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นจับกุมตัวที่สนามบินนาริตะ ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ทางโทรศัพท์ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้ผ่านขั้นตอนการตรวจทั้งเครื่องสแกน กระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน ไม่พบว่ามีการพกอาวุธปืน และไม่มีรายงานการขออนุญาตนำอาวุธปืนออกนอกประเทศ จึงยืนยันได้ว่าในส่วนของระบบจากการตรวจสอบช่วงเดินทางออกจากประเทศไทยมีหลักฐานยืนยันการตรวจสอบอย่างชัดเจนทั้งสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน รวมถึงกระเป๋าถือขึ้นบนเครื่องบิน จึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องความบกพร่องในส่วนของการเดินทางออกนอกประเทศ โดยปัจจุบันภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจนถึงจุดเช็กอิน จุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร จะมีป้ายแจ้งเตือนผู้โดยสารที่ใช้บริการให้ละเว้นสิ่งของต้องห้ามขึ้นบนเครื่องบิน จึงแนะนำให้ผู้โดยสารให้ความร่วมมือ
โดย ทอท.จะต้องเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรับผิดชอบต้องเข้มงวดในการตรวจสอบทั้งกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องบินต้องมีความเข้มงวดขึ้น และจะมีการเพิ่มมาตรการสำหรับกลุ่มมีอภิสิทธิ์พิเศษ หรือ VIP พร้อมยืนยันว่ากลุ่มอภิสิทธิชนต้องได้รับการตรวจสู่ระบบปกติเช่นกันโดยไม่มีการยกเว้น แต่ควรจะได้รับการตรวจอย่างเหมาะสม แต่ควรให้เกียรติแก่บุคคลสำคัญ อย่างเช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับการตรวจค้นท่านจุฬาราชมนตรี โดยใช้เครื่องตรวจโลหะตรวจบริเวณศีรษะและผ้าสะระบั่น ของท่านจุฬาราชมนตรี ทำให้มีภาพที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น
ทั้งนี้ ระบบตรวจค้นของท่าอากาศยานนั้นมีเกณฑ์มาตรฐาน 0.9-.99% ซึ่งเทคโนโลยีนั้นมีโอกาสผิดพลาด 0.01-0.1% แต่ระบบทุกอย่างต้องมีการปรับปรุงพัฒนา ไม่มีอะไรที่หยุดนิ่งแล้วดีและเมื่อพบเหตุที่ควรแก้ไข จะต้องทำทันที ซึ่งในวันนี้ (24 มิ.ย.) นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทันทีเพื่อสั่งการในการแก้ปัญหาต่างๆ
“ทางประธานบอร์ด ทอท.ได้ยืนยันมาว่า ไม่มีการละเลยการตรวจค้นอาวุธแน่นอน และไม่มีทางที่จะหลุดรอดมีบันทึก CCTV ซึ่งผมยังไม่ได้เห็นภาพ เพราะเป็นการรับรายงานจาก ทอท. และได้บอกให้เร่งรายงานฝ่ายความมั่นคงด้วย ซึ่งเป็นกรณีที่กระทบหลายด้านและอาจมีประเด็นการเมืองด้วย ส่วนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์บอกพกออกไปจากไทยนั้น เรื่องนี้ต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกันต่อไป ส่วนเรื่องการขอนำอาวุธออกนอกประเทศนั้น มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ แต่อาจจะเปิดเผยไม่ได้ เพราะบางครั้งเป็นเรื่องที่ต้องรักษาความปลอดภัยของนักบินลูกเรือด้วย โดยผมได้กำชับให้ประธานบอร์ดเข้มงวดการดำเนินงานและนำบทเรียนครั้งนี้มาเตือนในเรื่องความระมัดระวังต่อไป” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ส่วนกรณีที่ในปี 2559 องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานของไทยนั้น ยอมรับว่ามีความกังวลว่าจะได้รับผลกระทบ แต่ยืนยันท่าอากาศยานของไทยมีมาตรฐานสากล รวมถึงสายการบินที่เดินทางออกจากประเทศไทยได้ดำเนินการตามมาตรฐาน ซึ่งที่ผ่านมาไม่พบการร้องเรียนและตรวจพบการนำสิ่งของต้องห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการตรวจพบจากการเดินทางออกนอกประเทศของญี่ปุ่นจึงไม่สามารถก้าวล่วงได้ ซึ่งโดยปกติการพกอาวุธออกนอกประเทศสามารถทำได้แต่ต้องมีการแจ้งใบอนุญาตพกอาวุธ และผ่านกระบวนการนำออกนอกประเทศอย่างถูกต้องเรียบร้อย จากกรณีดังกล่าวไม่มีการแจ้งพกอาวุธออกนอกประเทศ
ทอท.ยัน “บิ๊กแจ๊ด” ผ่านเครื่องตรวจค้นไม่พบปืนเจ้าปัญหา
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ชี้แจงถึงข้อสงสัยกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ น่าจะนำอาวุธปืนออกนอกประเทศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.นั้น ว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและอุปกรณ์การตรวจค้นแล้ว ปรากฏว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ให้ความร่วมมือในการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระถือขึ้นเครื่องบินและการตรวจค้นร่างกายตามขั้นตอนของมาตรการตรวจค้นเป็นอย่างดี สำหรับสัมภาระที่บรรทุกใต้ท้องเครื่องของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์นั้น ได้รับการตรวจค้นตามขั้นตอนของมาตรการการตรวจค้นด้วยเช่นกัน และปรากฏว่าไม่พบวัตถุที่เป็นอันตรายต่ออากาศยานผ่านออกไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ การนำอาวุธปืนไปกับอากาศยานระหว่างประเทศนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องมีการดำเนินการตามมาตรฐานและขั้นตอนที่ ทอท.กำหนด โดย ทอท.จะอนุญาตให้เฉพาะภาครัฐหรือหน่วยงาน องค์กรที่ภาครัฐให้การรับรอง และที่มีหนังสือถึง ทอท.เพื่อขออนุญาตเป็นการล่วงหน้า เช่น การขอนำอาวุธปืนไปแข่งขันกีฬา เป็นต้น สำหรับกรณีของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทอท.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีหนังสือขออนุญาตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มาตรการการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานและข้อเสนอแนะในภาคผนวกที่ 17 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO
การบินไทยชี้แจงขั้นตอนการนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน
ด้านเรืออากาศเอก ปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า การนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินมีขั้นตอนปฏิบัติ ซึ่งการบินไทยมีระเบียบขั้นตอนตามมาตรฐานสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA : International Air Transport Association) ทั้งนี้ ผู้โดยสารจะต้องทำเอกสารขออนุญาตนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินมายื่นให้บริษัทฯ พิจารณาล่วงหน้า โดยจะต้องแจ้งเหตุผลอันสมควรที่จะนำอาวุธปืนออกไปนอกประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักกีฬายิงปืนที่จะนำไปใช้ในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับอนุญาตให้นำอาวุธปืนขึ้นเครื่อง บริษัทฯ ให้นำไปโหลดไว้ในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น และไม่อนุญาตให้นำพกติดตัวขึ้นไปอยู่ในห้องโดยสารบนเครื่องบินทุกกรณี นอกจากนี้ การนำอาวุธไปกับเครื่องบินโดยสารต้องแจ้งให้ท่าอากาศยานทุกประเทศทั้งต้นทางและปลายทางรับทราบ และต้องผ่านการตรวจค้นโดยท่าอากาศยานของแต่ละประเทศ
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการตรวจพบอาวุธปืนที่ผู้โดยสารจะนำขึ้นเครื่องบินนั้น บริษัทฯ ขอเรียนว่า ผู้โดยสารท่านดังกล่าวมิได้มีการขออนุญาตนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับแต่อย่างใด