“สมยศ” ผบ.ตร.เผยนายกฯ สั่งตั้งกรรมการสอบเหตุปืนหลุดรอดเครื่องตรวจสอบขึ้นเครื่องบิน ส่วนตัวเชื่อ “บิ๊กแจ๊ด” ไม่ตั้งใจพกพาปืนเครื่อง แต่เรื่องคดีความยังไม่ได้รับการประสานจากทางการญี่ปุ่น
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นควบคุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองว่า เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว จากรายงานที่ได้รับมาในเบื้องต้นนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ผ่านจุดตรวจค้นในขั้นตอนขาออกระหว่างประเทศตามขั้นตอนซึ่งตรวจสอบไม่พบอาวุธ ส่วนในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องบินนั้นยังไม่ทราบ โดยในวันนี้ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และสายการบิน เข้ามาประชุมและหาสาเหตุ ในขณะนี้ยังไม่มีการตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ในฐานะผู้ดูแลฝ่ายความมั่นคงก็ต้องเรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทบทวนมาตรฐานเครื่องเอกซเรย์ภายในสนามบินหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าต้องมีการตรวจสอบว่าเครื่องเอกซเรย์เพียงพอหรือไม่ ต้องหาสาเหตุที่มีการหลุดรอดไป เป็นเรื่องของกระเป๋าและสิ่งของที่ต้องตรวจสอบ โดยส่วนตัวมั่นใจว่าเครื่องตรวจสอบในสนามบินได้มาตรฐาน แต่มีการตรวจกระเป๋าทุกใบหรือไม่นั้นตนยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์พกพาอาวุธปืนผ่านด่านตรวจที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกนอกประเทศไปจนถูกจับกุมที่ประเทศญี่ปุ่น ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รับไปดำเนินการให้แล้วเสร็จ และในเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานจากทางการประเทศญี่ปุ่นในเรื่องของคดีความ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะพกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินไป และคดีนี้ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่น โดยกองการต่างประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมให้ความช่วยเหลือหากมีการประสานมาจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ขณะที่ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. ถูกเจ้าหน้าที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จับกุมในข้อหาพกพาอาวุธปืน เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ล่าสุด ตนทราบเพียงเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้ส่งตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้แก่พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อศาล ส่วนจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ตนเชื่อว่าทางพนักงานอัยการน่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา สำนวนคดีไม่ต่ำกว่า 1-2 วันและน่าจะยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้องภายในวันนี้ เพราะทางอัยการญี่ปุ่นน่าจะใช้หลักการเดียวกับประเทศไทยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์
“ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าอาวุธปืนผ่านเครื่องสแกนได้อย่างไร ซื้อมาจากที่ญี่ปุ่นหรือไม่ ในเรื่องนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงปรากฏ และทางกองการต่างประเทศก็พยายามติดต่อประสานไปยังประเทศญี่ปุ่นถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เข้าใจดีว่าการแปลภาษาญี่ปุ่นมาเป็นภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพราะมีอัตราโทษสูง คาดน่าจะใช้เวลาอีกกว่า 1-2 วัน” ผบก.ตท.ระบุ
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับเพียงการยืนยันทางวาจาเท่านั้น ไม่มีเอกสารหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ จากสถานทูตหรือจากกองการต่างประเทศของญี่ปุ่น และตนก็ทราบเพียงว่า พลต.ท.คำรณวิทย์ถูกดำเนินคดีฐานครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต