xs
xsm
sm
md
lg

รุมแฉแหลก "ระบบอภิสิทธิชน" ในสนามบิน มีอยู่จริง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


จากข่าวอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล "บิ๊กแจ๊ด-คำรณวิทย์" ถูกตำรวจญี่ปุ่นรวบตัวคาสนามบินนาริตะ ขณะเดินทางกลับไทย ข้อหาพกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน จุดประเด็นวิพากษ์สนั่นโซเชียลฯ พร้อมเสียงวิจารณ์ยับถึงมาตรฐานการบินของไทย โดยเฉพาะด่านรักษาความปลอดภัยไว้อย่างเจ็บแสบ รวมไปถึง "ระบบอภิสิทธิชน" ในท่าอากาศยานไทยที่มีการออกมาแฉกันว่ามีอยู่จริง

เมื่อ "ปืนพก" หลุดขึ้นเครื่อง

ทันทีที่มีข่าวตำรวจญี่ปุ่นควบคุมตัว "พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง" อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่สนามบินนาริตะ หลังพกอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนขึ้นเครื่องบินเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2558 โดยตามรายงานข่าวระบุว่า "บิ๊กแจ๊ด" ยอมรับเป็นปืนของตนเองจริง แต่หารู้ไม่ว่ามันมาอยู่กับตัวเองได้อย่างไร หรือพกไว้แต่อาจลืม ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก


นอกจากนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาวุธปืนดังกล่าว ผ่านการตรวจสแกนของประเทศไทย และผ่านไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมถึงยังท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้กว่า 3-4 วันก่อนจะเตรียมเดินทางกลับจนกระทั่งมาตรวจพบอาวุธปืนได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตรวจไม่เจอหรือผิดพลาดในขั้นตอนไหนหรือไม่

แต่ที่แน่ๆ จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นเครื่องสะท้อนถึงมาตรการความปลอดภัยในสนามบินของประเทศไทย เพราะถ้าอาวุธเล็ดลอดออกไปได้แบบนี้ ความปลอดภัยของคนบนเครื่องบินจะมีได้อย่างไร รวมไปถึงการตั้งข้อสังเกตถึงระบบอภิสิทธิชนในท่าอากาศยานไทยด้วย

โซเชียลฯ แฉ "ระบบอภิสิทธิชน" มีจริง

ทีมข่าวได้เปิดพื้นที่แสดงความเห็น โดยตั้งคำถามในแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Live ผ่านหัวข้อ "ท่าอากาศยานไทยมีระบบอภิสิทธิชนจริงหรือไม่" ในจังหวะที่กระแสพกปืนขึ้นเครื่องของอดีตนายตำรวจใหญ่กำลังฮอตฮิตติดลมบน ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และมองว่าระบบนี้มีอยู่จริงโดยบอกเล่าจากประสบการณ์ที่เคยได้พบเจอมา


"จริงครับ เหตุการณ์จริงกับตัวเอง ตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย (20 กว่าปีก่อน) เพื่อนผมเป็นลูกนายพลทูตทหารไทยประจำพม่า ส่วนลุงของเขาก็เป็นรองผบ.ทร และอยู่ในบอร์ดการบินไทยด้วย ตอนไปส่งพี่สาวเพื่อนผมไปเรียนต่อที่อังกฤษ พวกผมซึ่งไม่ได้ขึ้นเครื่องด้วยสามารถผ่านช่อง VIP ไปส่งพี่สาวเพื่อนได้ถึง Duty free โดยไม่ต้องตรวจอะไรเลยเพราะมากับลุงเพื่อนในที่นี้คือดอนเมืองนะ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยที่ข้าราชการระดับสูง นักการเมืองจะสามารถทำอะไรได้ด้วยระบบบ้านเราแบบนี้" จากคุณ Louis Mary


ขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก www.thedailybeast.com
"เรื่องจริงเลยครับ เวลามีนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะเดินทางทีก็มักจะมีการต้อนรับอย่างดีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือไม่ก็เจ้าหน้าที่ของทอท. ระดับสูงมาต้อนรับบ้าง มาส่งมารับจากเครื่องบ้าง ซึ่งแทบจะตลอดเลย" จากคุณ Julawith Bulanajunyakul

"มีสิเห็นมากับตา คุณนายกับลูกสาวชอปปิ้งจากฝรั่งเศสเข็นมาสามคันรถ มีเจ้าหน้าที่สนามบินใส่เครื่องแบบมารับพาออกผ่านศุลกากรค่ะ" จากคุณ Joey Raywadee S


"ท่าอากาศยาน มีห้องวีไอพีนะอย่าลืม คนพวกนี้ไม่เคยต้องโดนตรวจแบบประชาชนธรรมดา พอบอกรถเป๋าพร้อมก็จะมีคนเชิญขึ้นเครื่อง เป็นแบบนี้มานานแล้ว การท่าเงียบๆไว้จะดีกว่าไหม ประชาชนเขากินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า" จากคุณลูกปลา ภิรมย์


"เคยเจอเหตุการณ์ ต้องแสดงบัตรประชาชนก่อนขึ้นเครื่อง มีคนที่ไม่ยอมแสดงบัตรด้วยการบอกว่าไม่ได้เอามา และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ขึ้นเครื่องโดยไม่แสดงตัว น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ เขาชั้นผู้น้อยทั้งนั้น ถ้าทำอะไรมากก็อาจจะเสียงานโดยไม่รู้ตัว การทำตามกฎมันยากอะไรหนักหนา หรือมันแสดงออกให้คนรู้เพื่อการเบ่งว่ากูใหญ่ ใครอย่าได้แหยม ประเทศไทยถอยหลังเพราะพวกเหล่านี้ เมื่อไรกฎจะใช้ได้โดยไม่มีช่องว่างเลย ผู้มีอำนาจต้องทำให้คนเขาเห็นเป็นตัวอย่าง


อย่าเอาแต่พูด บ้านเมืองเรา คนจิตใจต่ำมันเยอะ คนบ้าอำนาจมันเยอะ เลยต้องเป็นอยู่แบบนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็แค่ตามกระแส มีมั้ยที่เอาวิกฤตเป็นโอกาส มี case study แล้วหาทางแก้ปัญหาให้หมดสิ้น แค่ทำแบบ วัวหายล้อมคอก เมื่อไรบ้านเมืองเราจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมากอบกู้บ้านเมืองซะที เห็นมีแต่พวกน้ำลายแตกฟองทั้งนั้นแหละ" จากคุณ Tukky Tukky


ทั้งหมดนี้ เป็นความเห็นบางส่วนที่ทีมข่าวหยิบยกมาขยายภาพให้เห็นถึงระบบอภิสิทธิชนในสังคมไทย ยังอีกหลายความคิดเห็นที่วิจารณ์มาตรฐานการบินของไทยไว้อย่างเจ็บแสบ และอยากเห็นความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของสนามบินโดยปราศจากระบบอภิสิทธิชน


"มันไม่ส่งผลแค่ตัวคนโดนจับสิ แต่มันส่งผลถึงระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบินของประเทศเลยล่ะที่ทำไมถึงตรวจไม่เจอก่อนที่บุคคลคนนี้จะออกนอกประเทศ ปืนนะไม่ใช่ไม้จิ้มฟัน การที่สายการบินไทยสอบตกติดธงแดงก็มากพอแล้วยังมาโดนเคสนี้อีกถามว่าความเชื่อมั่นว่าปลอดภัยของทั้งคนไทย และคนต่างชาติจะเข้ามาในประเทศนี้จะลดหรือแทบไม่มั่นใจในความปลอดภัยมากแค่ไหนหนอ" ความเห็นหนึ่งจากคุณนักรบหน้าจอ รักในหลวง


สื่อญี่ปุ่นตีข่าวจับ "บิ๊กแจ๊ด" พกปืน


แน่นอนว่า กระแสข่าว และความเห็นในข้างต้น สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงระบบรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานไทยที่ยังหย่อนยานไร้ประสิทธิภาพ รวมไปถึงมาตรการต่างๆ ที่ดูจะไม่ค่อยมีมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น จนสร้างความอับอายอย่างใหญ่หลวง

พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกตำรวจญี่ปุ่นคุมตัวที่สนามบินนาริตะ หลังพกอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนขึ้นเครื่องบิน
เห็นได้จาก สื่อญี่ปุ่นที่มีการตีข่าวในเรื่องนี้ โดยชี้ว่าการละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยเช่นนี้ หากพิสูจน์แล้วแล้วว่าเป็นจริง นั่นก็จะสร้างความอับอายครั้งใหญ่แก่ประเทศไทยในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมด้านการบินของประเทศกำลังถูกตรวจสอบมากยิ่งขึ้น


นอกจากนั้นยังมีการรายงานปิดท้ายด้วยว่า แม้ตำรวจญี่ปุ่นจะพกพาอาวุธปืน แต่พวกเขามีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดอย่างยิ่ง และมีผู้คนเพียงเล็กน้อยที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืน ส่วนตำรวจไทยนั้นเป็นกำลังพลติดอาวุธและประเทศแห่งนี้เป็นหนึ่งในชาติที่มีอัตราคดีฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนสูงสุดในเอเชีย


ล่าสุด ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวยืนยันว่า การตรวจสอบอาวุธได้มาตรฐานสากล และมาตรฐานการบิน พร้อมเปิดเผยผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่า พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ผ่านเครื่องเอกซเรย์ตามปกติ ทั้งยังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเป็นอย่างดี


ขณะผ่านเครื่องเอกซเรย์ ก็ไม่พบว่าพกอาวุธติดตัวขึ้นเครื่องแต่อย่างใด ส่วนกระเป๋าเป้ ก็ผ่านการตรวจจากเครื่อง CTX พบเพียงโทรศัพท์มือถือ หูฟัง และที่ชาร์จแบต แต่ไม่มีอาวุธปืน สำหรับสัมภาระที่มีการโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบินก็ไม่พบอาวุธปืนเช่นเดียวกัน


สำหรับการพกพาหรือนำอาวุธปืนขึ้นเครื่อง ตามกฎหมายการเดินอากาศไทย ระบุชัดเจนว่า ต้องเป็นผู้อารักขาผู้นำประเทศ เท่านั้น และต้องมีหนังสืออนุญาต และยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคง หากเป็นบุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ห้ามพกพาหรือนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน


ส่วนผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องพกอาวุธปืนไปด้วย ต้องมีการสำแดงอาวุธทุกครั้ง หรือแสดงเอกสารใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน พร้อมบัตรประชาชน ส่วนข้าราชการให้แสดงบัตรข้าราชการ พร้อมคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่ให้เดินทางไปปฏิบัติงาน ซึ่งผู้โดยสารต้องกรอกเอกสารแจ้งจำนวนอาวุธปืนและกระสุน แล้วจึงรับใบอนุญาตจากสนามบิน โดยทางสายการบินจะเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ก่อนส่งมอบคืนเจ้าของเมื่อถึงปลายทาง


สุดท้ายนี้ แม้บริษัทท่าอากาศยานไทยจะออกมายืนยันเสียงแข็งว่า สัมภาระทั้งกระเป๋าถือขึ้นเครื่องและโหลดใต้ท้องเครื่อง ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้รับการตรวจค้นตามขั้นตอนของมาตรการการตรวจค้นและไม่พบวัตถุที่เป็นอันตรายต่ออากาศยานผ่านออกไปยังต่างประเทศ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยตามมาว่าการตรวจสอบผู้โดยสาร โดยเฉพาะทางช่อง "วีไอพี" จะเป็นไปตามกฎระเบียบที่น่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน


ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live

*** ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เผยเบื้องหลังที่มา-ที่ไป “ปืนในกระเป๋าบิ๊กแจ๊ด” ก่อนถูกรวบคาสนามบินญี่ปุ่น




รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น