ตำรวจคุมตัวอดีตกรมวังผู้ใหญ่สำนักพระราชวัง ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างเบื้องสูงไปค้นบ้านพักย่านพระราม 3 เพื่อตรวจหาเอกสารทางการเงินเพิ่มเติม คาดสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ทันในสัปดาห์หน้า
วานนี้ (14มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. ฐานะผู้ช่วยโฆษก บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. และเจ้าที่ตำรวจ บก.ป. ควบคุมตัวนายมนตรี โสตางกูร หรือหลุยส์ อายุ 53 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่สำนักพระราชวัง ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์ ไปค้นบ้านเลขที่ 393/13 พระราม3 ซอย19 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของนายมนตรี ตามหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ค.100/2558 ลงวันที่ 13มิ.ย.58
ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นอาคาร 4 ชั้น สีครีม โดยมีบิดาและมารดาอาศัยอยู่ เมื่อนายมนตรีเห็นบิดา ได้เข้าไปก้มกราบที่เท้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนายมนตรีเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมภายในบ้าน หากพบว่ามีหลักฐานการโอนเงิน หรือมีการโอนทรัพย์สินต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมเอกสารส่ง ปปง. ให้ดำเนินการตรวจยึดต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายมนตรี มาตรวจค้นที่บ้านพักย่านพระราม3 ซึ่งนายมนตรีมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และได้ทำการตรวจค้นห้องพักของนายมนตรี พบสมุดบัญชีทั้งหมด 8 เล่ม เอกสารการซื้อคอนโดย่านสุขุมวิท รถยนต์เก๋ง 1 คัน และรถตู้ 1 คัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดทรัพย์สินของนายมนตรีทั้งสิ้น 10 ล้านบาท และจะต้องทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาก่อนหรือหลังรับราชการ หากพบว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาระหว่างรับราชการจะถือว่ามีความผิดและจะต้องตรวจสอบ เพื่อส่งสำนวนไปยัง ปปง.ให้ตรวจยึดต่อไป
โดยทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25มิ.ย.58 และจะส่งสำนวนทั้งหมดส่งไปยังพื้นที่ๆกระทำความผิด ส่วนความผิดตามมาตรา112นั้น จะต้องผ่านการพิจารณาจาก กตร.ให้แล้วเสร็จ จึงจะสรุปสำนวนส่งศาลอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวนายมนตรีไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และในวันอังคารที่ 16 มิ.ย. จะนำตัวนายมนตรีไปส่งที่ศาลอาญารัชดา ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.เอกรักษ์ เปิดเผยว่า การไปค้นบ้านนายมนตรี เพื่อตรวจค้นรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ตรวจหาเอกสารทางการเงิน สมุดบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินว่าได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หากมีก็จะต้องทำการตรวจยึดไว้ ส่วนการสรุปสำนวนส่งอัยการนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้กำชับให้เร่งทำสำนวนให้เสร็จภายในอาทิตย์หน้า เพื่อส่งไปให้คณะกรรมการคดีความผิดตามมาตรา 112 โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พิจารณา ก่อนจะส่งกลับมาที่ บช.น. เพื่อส่งให้กับอัยการสั่งฟ้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าการกระทำความผิดของนายมนตรี มีโทษถึงประหารชีวิตหรือไม่ พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวว่า อัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่ก็อยู่ในดุลยพินิจของศาลว่าจะลงโทษอย่างไร
ทั้งนี้ ภายหลังจากการนำตัวนายมนตรี ไปค้นบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายมนตรี กลับมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ บช.น. ก่อนจะนำตัวไปควบคุมไว้ที่ หน่วยฝึกทหารใหม่ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.
วานนี้ (14มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. ฐานะผู้ช่วยโฆษก บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. และเจ้าที่ตำรวจ บก.ป. ควบคุมตัวนายมนตรี โสตางกูร หรือหลุยส์ อายุ 53 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่สำนักพระราชวัง ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์ ไปค้นบ้านเลขที่ 393/13 พระราม3 ซอย19 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของนายมนตรี ตามหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ค.100/2558 ลงวันที่ 13มิ.ย.58
ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นอาคาร 4 ชั้น สีครีม โดยมีบิดาและมารดาอาศัยอยู่ เมื่อนายมนตรีเห็นบิดา ได้เข้าไปก้มกราบที่เท้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนายมนตรีเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมภายในบ้าน หากพบว่ามีหลักฐานการโอนเงิน หรือมีการโอนทรัพย์สินต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมเอกสารส่ง ปปง. ให้ดำเนินการตรวจยึดต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายมนตรี มาตรวจค้นที่บ้านพักย่านพระราม3 ซึ่งนายมนตรีมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และได้ทำการตรวจค้นห้องพักของนายมนตรี พบสมุดบัญชีทั้งหมด 8 เล่ม เอกสารการซื้อคอนโดย่านสุขุมวิท รถยนต์เก๋ง 1 คัน และรถตู้ 1 คัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดทรัพย์สินของนายมนตรีทั้งสิ้น 10 ล้านบาท และจะต้องทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาก่อนหรือหลังรับราชการ หากพบว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาระหว่างรับราชการจะถือว่ามีความผิดและจะต้องตรวจสอบ เพื่อส่งสำนวนไปยัง ปปง.ให้ตรวจยึดต่อไป
โดยทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25มิ.ย.58 และจะส่งสำนวนทั้งหมดส่งไปยังพื้นที่ๆกระทำความผิด ส่วนความผิดตามมาตรา112นั้น จะต้องผ่านการพิจารณาจาก กตร.ให้แล้วเสร็จ จึงจะสรุปสำนวนส่งศาลอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวนายมนตรีไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และในวันอังคารที่ 16 มิ.ย. จะนำตัวนายมนตรีไปส่งที่ศาลอาญารัชดา ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.เอกรักษ์ เปิดเผยว่า การไปค้นบ้านนายมนตรี เพื่อตรวจค้นรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ตรวจหาเอกสารทางการเงิน สมุดบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินว่าได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หากมีก็จะต้องทำการตรวจยึดไว้ ส่วนการสรุปสำนวนส่งอัยการนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้กำชับให้เร่งทำสำนวนให้เสร็จภายในอาทิตย์หน้า เพื่อส่งไปให้คณะกรรมการคดีความผิดตามมาตรา 112 โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พิจารณา ก่อนจะส่งกลับมาที่ บช.น. เพื่อส่งให้กับอัยการสั่งฟ้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าการกระทำความผิดของนายมนตรี มีโทษถึงประหารชีวิตหรือไม่ พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวว่า อัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่ก็อยู่ในดุลยพินิจของศาลว่าจะลงโทษอย่างไร
ทั้งนี้ ภายหลังจากการนำตัวนายมนตรี ไปค้นบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายมนตรี กลับมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ บช.น. ก่อนจะนำตัวไปควบคุมไว้ที่ หน่วยฝึกทหารใหม่ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.
