"ประวิตร" ลงนามคำสั่ง 466 นายพล ออกจากราชการ เนื่องจากเกษียณอายุราชการ ก.ย.นี้ "สมเด็จพระเทพฯ-ปลัดกลาโหม - ผบ.เหล่าทัพ" ส่วนโผทหารปี 58 "บิ๊กป้อม" เตรียมนัดหารือ ผบ.เหล่าทัพ เดือน ก.ค.นี้ "ปรีชา-ธีรชัย" ชิง ผบ.ทบ. ส่วน ผบ.สส.ไม่พลิก "สมหมาย" คุม ด้าน ทร.หนีไม่พ้น"ณรงค์พล"
เมื่อวานนี้ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 422/2558 เรื่องให้นายทหารออกจากราชการ เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย. 58 จำนวน 446 รายโดยพล.อ.ประวิตร ได้ลงนามในคำสั่ง ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา อาทิ พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม
สำหรับในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย ประกอบด้วย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ พล.อ.อ.พลเทพ โหมดสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้ในส่วนของกองทัพบก มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนกองทัพเรือมี พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.อภิชัย อมตยากุล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พล.ร.อ.อธิคมน์ ภมรสูต ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ขณะที่กองทัพอากาศมี พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ
ทั้งนี้ มีนายทหารที่เกษียณอายุราชการ แต่ยังคงทำหน้าที่ตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาทิ พล.อ.อุดมเดช ในฐานะรมช.กลาโหม พล.อ.ไพบูลย์ ในฐานะ รมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย ในฐานะ รมว.พาณิชย์ และ พล.อ.สุรเชษฐ์ ในญานะ รมช.ศึกษาธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร ได้นัด ผบ.เหล่าทัพ หารือในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ในเดือน ก.ค.นี้ เนื่องจากในปีนี้มีนายทหารที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งหลักหลายตำแหน่ง อาทิ ตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารเรือ จึงจำเป็นจะต้องมีการหารือในส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ ก่อนที่จะมีการพิจารณาในระดับไลน์ 5 เสือของแต่ละเหล่าทัพ ก่อนที่จะไปสู่ตำแหน่งกองทัพภาค
สำหรับตำแหน่งที่มีการจับตามองมากที่สุดในครั้งนี้ คือ ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 39 ต่อจาก พล.อ.อุดมเดช ที่จะต้องเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.นี้ โดยเฉพาะเต็งหนึ่งอย่าง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ มี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก น้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่จะเข้ามาชิงในตำแหน่งด้วยเช่นกัน แต่ว่าหากคนใดคนหนึ่งได้ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแล้ว คาดว่าอีกคนหนึ่งจะต้องไปดำรงแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม
สำหรับในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย คาดว่า พล.อ.วรพงษ์ ได้มีการผลักดันให้ พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ เสนาธิการทหาร ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะที่กองทัพเรือ คาดว่า พล.ร.อ.ไกรสร จะเสนอชื่อให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ขึ้นมาดำรงจำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ เนื่องจาก พล.ร.อ.ไกรสร ได้มอบหมายให้ดูงานสำคัญในกองทัพเรือหลายอย่าง ที่สำคัญคือโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ไปแล้ว เหลือเพียงการส่งข้อมูลรายละเอียดเสนอให้กับพล.อ.ประวิตร อีกครั้ง.
เมื่อวานนี้ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 422/2558 เรื่องให้นายทหารออกจากราชการ เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย. 58 จำนวน 446 รายโดยพล.อ.ประวิตร ได้ลงนามในคำสั่ง ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา อาทิ พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม
สำหรับในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย ประกอบด้วย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ พล.อ.อ.พลเทพ โหมดสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้ในส่วนของกองทัพบก มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนกองทัพเรือมี พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.พจนา เผือกผ่อง รองผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.อภิชัย อมตยากุล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พล.ร.อ.อธิคมน์ ภมรสูต ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ขณะที่กองทัพอากาศมี พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ
ทั้งนี้ มีนายทหารที่เกษียณอายุราชการ แต่ยังคงทำหน้าที่ตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาทิ พล.อ.อุดมเดช ในฐานะรมช.กลาโหม พล.อ.ไพบูลย์ ในฐานะ รมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย ในฐานะ รมว.พาณิชย์ และ พล.อ.สุรเชษฐ์ ในญานะ รมช.ศึกษาธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร ได้นัด ผบ.เหล่าทัพ หารือในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ในเดือน ก.ค.นี้ เนื่องจากในปีนี้มีนายทหารที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งหลักหลายตำแหน่ง อาทิ ตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารเรือ จึงจำเป็นจะต้องมีการหารือในส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ ก่อนที่จะมีการพิจารณาในระดับไลน์ 5 เสือของแต่ละเหล่าทัพ ก่อนที่จะไปสู่ตำแหน่งกองทัพภาค
สำหรับตำแหน่งที่มีการจับตามองมากที่สุดในครั้งนี้ คือ ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 39 ต่อจาก พล.อ.อุดมเดช ที่จะต้องเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.นี้ โดยเฉพาะเต็งหนึ่งอย่าง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ มี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก น้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่จะเข้ามาชิงในตำแหน่งด้วยเช่นกัน แต่ว่าหากคนใดคนหนึ่งได้ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแล้ว คาดว่าอีกคนหนึ่งจะต้องไปดำรงแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม
สำหรับในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย คาดว่า พล.อ.วรพงษ์ ได้มีการผลักดันให้ พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ เสนาธิการทหาร ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะที่กองทัพเรือ คาดว่า พล.ร.อ.ไกรสร จะเสนอชื่อให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ขึ้นมาดำรงจำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ เนื่องจาก พล.ร.อ.ไกรสร ได้มอบหมายให้ดูงานสำคัญในกองทัพเรือหลายอย่าง ที่สำคัญคือโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ไปแล้ว เหลือเพียงการส่งข้อมูลรายละเอียดเสนอให้กับพล.อ.ประวิตร อีกครั้ง.