ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊ก EPG ตั้งเป้ารายได้รวม ณ มี.ค.59 เติบโต 25-30% หรือมากกว่า 9,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เกือบ 7,000 ล้านบาท จาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อนเย็น ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ EPP และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ Aeroklas เผยซื้อหุ้น TJM รับรู้รายได้กว่าพันล้าน คาดแนวโน้มรายได้ต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ เตรียมบินจีนสรุปซื้อกิจการกลุ่มยานยนต์
นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมของทั้งกลุ่มในงวดปี 58/59 สิ้นสุด มี.ค.59 เติบโต 25-30% หรือมากกว่า 9,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เกือบ 7,000 ล้านบาท เป็นการเติบโตจาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ที่คาดว่าจะเติบโต 7-10% ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ EPP เติบโต 7-10% และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas จะเติบโตสูงมากราว 20-30% เพราะมีแบล็กล็อกที่เริ่มผลิตแล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป เช่น หลังคารถยนต์ โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท TJM Producr PTY Ltd (TJM) ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในงวดปีนี้ประมาณ 1.3 พันล้านบาท
"ปกติจะมียอดขายจาก Aeroklas ปีละ 1,500 ล้านบาท ปีนี้ก็จะเพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทั้งกลุ่มรายได้จะมากกว่า 9,000 ล้านบาทได้และปี 60 จะเพิ่มมากกว่า 10,000 ล้านบาท ตามเป้า" นายภวัฒน์กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/59 (เม.ย.-มิ.ย.) นายภวัฒน์คาดว่า ดีกว่าทั้ง yoy และ qoq เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมาแนวโน้มดีมากจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัททำให้คล่องตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 44% ในประเทศ 55% แต่หลังจากที่รับรู้รายได้ TJM เข้ามา และต่อไปรายได้จาก TJM จะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้รายได้ต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศผันผวน
นอกจากนี้ เตรียมเดินทางไปยังประเทศจีนอีกครั้งในช่วงต้นไตรมาส 3/58 เพื่อหาข้อสรุปการเจรจาซื้อกิจการกลุ่มยานยนต์ในจีน 1 แห่งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทมีธุรกิจ EPP ในจีนอยู่แล้ว ก็จะพยายามซื้อธุรกิจ automotive
"ถ้า 3 ธุรกิจนี้ประสานกันได้ในจีนเราก็จะยิ่งใหญ่ มองจีนยังเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกมาก โดยในจีนเราตั้งงบซื้อกิจการหรือถ้าจะต้องลงทุนไว้ 400-500 ล้านบาท ส่วนการซื้อกิจการในประเทศตอนนี้ยังไม่รีบ เพราะที่คุยยังมีปัญหาเรื่องระบบบัญชีที่ซ้ำซ้อน" นายภวัฒน์กล่าว
นายภวัฒน์กล่าวด้วยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น EPG ในตลาดหลักทรัพย์ (ฟรีโฟลท) โดยศึกษาทั้งแนวทางการจ่ายปันผลเป็นหุ้น หรือนำหุ้นที่ถืออยู่ออกมาขาย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถืออยู่ 75% โดยวางเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าจะลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 60%.
นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมของทั้งกลุ่มในงวดปี 58/59 สิ้นสุด มี.ค.59 เติบโต 25-30% หรือมากกว่า 9,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เกือบ 7,000 ล้านบาท เป็นการเติบโตจาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ที่คาดว่าจะเติบโต 7-10% ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ EPP เติบโต 7-10% และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas จะเติบโตสูงมากราว 20-30% เพราะมีแบล็กล็อกที่เริ่มผลิตแล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป เช่น หลังคารถยนต์ โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท TJM Producr PTY Ltd (TJM) ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในงวดปีนี้ประมาณ 1.3 พันล้านบาท
"ปกติจะมียอดขายจาก Aeroklas ปีละ 1,500 ล้านบาท ปีนี้ก็จะเพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทั้งกลุ่มรายได้จะมากกว่า 9,000 ล้านบาทได้และปี 60 จะเพิ่มมากกว่า 10,000 ล้านบาท ตามเป้า" นายภวัฒน์กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/59 (เม.ย.-มิ.ย.) นายภวัฒน์คาดว่า ดีกว่าทั้ง yoy และ qoq เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมาแนวโน้มดีมากจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัททำให้คล่องตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 44% ในประเทศ 55% แต่หลังจากที่รับรู้รายได้ TJM เข้ามา และต่อไปรายได้จาก TJM จะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้รายได้ต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศผันผวน
นอกจากนี้ เตรียมเดินทางไปยังประเทศจีนอีกครั้งในช่วงต้นไตรมาส 3/58 เพื่อหาข้อสรุปการเจรจาซื้อกิจการกลุ่มยานยนต์ในจีน 1 แห่งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทมีธุรกิจ EPP ในจีนอยู่แล้ว ก็จะพยายามซื้อธุรกิจ automotive
"ถ้า 3 ธุรกิจนี้ประสานกันได้ในจีนเราก็จะยิ่งใหญ่ มองจีนยังเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกมาก โดยในจีนเราตั้งงบซื้อกิจการหรือถ้าจะต้องลงทุนไว้ 400-500 ล้านบาท ส่วนการซื้อกิจการในประเทศตอนนี้ยังไม่รีบ เพราะที่คุยยังมีปัญหาเรื่องระบบบัญชีที่ซ้ำซ้อน" นายภวัฒน์กล่าว
นายภวัฒน์กล่าวด้วยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น EPG ในตลาดหลักทรัพย์ (ฟรีโฟลท) โดยศึกษาทั้งแนวทางการจ่ายปันผลเป็นหุ้น หรือนำหุ้นที่ถืออยู่ออกมาขาย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถืออยู่ 75% โดยวางเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าจะลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 60%.