บอร์ดเดลต้าเผย ตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เทียบจากปีก่อน เนื่องจากสินค้าใหม่และสินค้ากลุ่ม Hi-End ได้รับการตอบรับดีขึ้น พร้อมขยายสำนักงานไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม พม่า และอินโดนีเซีย รองรับกำลังซื้อในอนาคต อีกทั้งเตรียมทุ่มงบกว่าหมื่นล้านเข้าซื้อธุรกิจ Power Supply ในต่างประเทศ
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 57 ที่บริษัทมีรายได้ 44,100 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,960 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้ปีนี้มาจากยอดขายในสินค้าเดิมและการออกสินค้าใหม่ๆ อีกทั้งบริษัทฯ เตรียมที่จะขยายฐานการตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย เพื่อรองรับการการขยายตัวและกำลังซื้อในอนาคต โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าไปตั้งสำนักงานใหม่ในประเทศเวียดนาม ประเทศพม่า และประเทศอินโดนีเซีย เพื่อขยายตลาดรองรับกำลังซื้อที่จะมีเพิ่มเข้ามาในอนาคต ขณะที่ในส่วนของงานขายในอินเดียที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย
“อัตรากำไรสุทธิปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 14% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 13.5% โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงเครื่องจักรใหม่และใช้สำหรับการวิจัยและพัฒนา และส่งเสริมการขายสินค้าในกลุ่ม Hi-End เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งบริษัทฯ ยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะมีการเติบโตดีขึ้นจากในปีที่ผ่านมา เพราะได้มีการมีการขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะที่รายได้หลักจากสหภาพยุโรปยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตรากำไรสุทธิของในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาจากสินค้าที่ออกใหม่และสินค้าที่มีการวิจัยและพัฒนาให้สินค้ามีมูลค่าที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันสินค้าที่เป็นระดับ Hi-End ก็ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดีและมียอดขายที่้เติบโตขึ้นโดยลำดับ”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการในยุโรป โดยเป็นธุรกิจประเภท Power Supply รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่า และระยะเวลาว่าจะมีข้อสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 17,000 ล้านบาท ในการเข้าซื้อกิจการ และหลังจากที่จ่ายเงินปันผลออกไปแล้วคาดว่าจะเหลือเงินสดประมาณ 10,000 ล้านบาท
“บริษัทได้เล็งที่จะเข้าซื้อกิจการ Power Supply รายใหญ่โดยอยู่ในช่วงของการเจรจาเข้าซื้อ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในการซื้อกิจการครั้งนี้ได้เมื่อไหร่ ซึ่งบริษัทฯมองว่าธุรกิจนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีความจำเป็นต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด และสามารถขยายไปยังอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อีก”