บิ๊กเฟอร์เฟค ชี้เทรนด์อสังหาเทกโอเวอร์-ร่วมทุน เห็นอีกหลายดีล ระบุในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง กระจายความเสี่ยง ชี้มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเล็กกินปลาใหญ่ คาดมูลค่าการร่วมทุนปีนี้ 1.2 แสนล้านบาท ด้านศูนย์ข้อมูลฯ ชี้ปัจจัยเปลี่ยนอสังหาฯ ไทย
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง “เมกะเทรนด์ อนาคตอสังหาริมทรัพย์ไทย” ว่า การที่ประเทศไทยก้าวไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค จะทำให้ประชากร หรือฐานลูกค้าเพิ่มจาก 60 ล้านคน เป็นกว่า 600 ล้านคน การเติบโตจะทำให้ราคาที่ดินในเขตเมือง หรือที่ดินแปลงศักยภาพปรับตัวขึ้นสูงมาก ส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาสูงตาม ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องพัฒนา และเพิ่มขนาดของบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว โดยเชื่อว่าในอีก 2-3 ปีหลังจากนี้ จะเห็นแนวโน้มการซื้อกิจการ การควบรวมกิจการ และการควบโอนกิจการมากขึ้น
สำหรับรูปแบบในการร่วมทุนที่นิยมที่สุด คือ การซื้อกิจการ หรือเทกโอเวอร์ ซึ่งเป็นการซื้อหุ้น สวอปหุ้น หรือซื้อด้วยเงินสด ส่วนการควบรวมกิจการ หรือการร่วมทุน และการควบโอนกิจการ หรือการรวมกัน 2 บริษัทแล้วจัดตั้งบริษัทใหม่ ยังไม่เห็นเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ช่วงที่ผ่านมาพบว่า บริษัทอสังหาฯ ไทยมีการซื้อกิจการ 4 ดีล ร่วมทุน 6 ดีล เช่น การเทกโอเวอร์ ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เทกโอเวอร์ ไทย พร็อพเพอร์ 3,960 ล้านบาท คาดว่าจะจบภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า กลุ่มสิงห์ เข้าเทกโอเวอร์บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และเตรียมจะเทกโอเวอร์อีก 1 บริษัท ซึ่งมีแนวโน้มจะเทกโอเวอร์เข้ามาต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขนาดบริษัท โกลเด้นแลนด์ เทกโอเวอร์ เคแลนด์ และที่เป็นดีลสำคัญถือเป็นปลาเล็กกินปลาใหญ่ คือ WHA เทกโอเวอร์ บริษัท เหมราช จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 2 หมื่นกว่าล้านบาท จากมาร์เกตแคป 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้กลายเป็นผู้นำตลาดนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าน่าจะซื้อ 50%
ส่วนการร่วมทุน ได้แก่ แสนสิริ กับบีทีเอส บีทีเอส ร่วมกับ เนเชอรัล พาร์ค ดีลนี้คาดว่าน่าจะจบประมาณต้นปี อนันดาฯ ร่วมทุนกับ มิตซุย เอพี ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ ซีพีแลนด์ ร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์ พัฒนา ที่ดิน 50 ไร่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท ศุภาลัย รวมทุนกับบริษัท แซทเทอร์เลย์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป พัฒนาบ้านเดี่ยว 2 โครงการ ระดับราคา 10-20 ล้านบาท ที่เมลเบิร์น
“สำหรับมูลค่าการร่วมทุนในปีนี้ 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็น เทกโอเวอร์ 3.7 หมื่นล้าน บาท และร่วมทุนอีก 8.2 หมื่นล้านบาท อีก 2-3 ปีข้างหน้าจะยังเห็นการเทกโอเวอร์ และร่วมทุนกันต่อ โดย 3 สาเหตุสำคัญที่มีเทกโอเวอร์ หรือการร่วมทุน คือ เสริมความแข็งแกร่ง กระจายความเสี่ยง และเสริมศักยภาพในการทำธุรกิจ ยุคนี้เป็นยุคของปลาใหญ่กินปลาใหญ่กินเล็ก และปลาเล็กกินปลาใหญ่ แล้วก็จะกลายเป็นปลาใหญ่” นายชายนิด กล่าว
ศูนย์ข้อมูลฯ ชี้ปัจจัยเปลี่ยนอสังหาฯ ไทย
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มใหญ่ในอนาคตที่จะมีผลต่อภาคอสังหาฯ มีหลายประเด็น ได้แก่ 1.การเปลี่ยนสภาพสู่ความเป็นเมือง หรือ Urbanization อย่างรวดเร็ว เป็นแนวโน้มสำคัญของประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศสมาชิก ASEAN และจะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตทั้งในพื้นที่ปริมณฑลของเมืองหลวง และในเมืองระดับรองของประเทศ
2.การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจะมีส่วนช่วยเร่งการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษ และพื้นที่ใกล้เคียง
3.การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยในอนาคต โดยคาดว่าประเทศไทยจะมีประชากรวัย 65 ปีขึ้นไปมากถึงร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมดในอีก 7 ปีข้างหน้า และเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ในอีก 10 ปีถัดไป ดังนั้น การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในอนาคตจึงต้องคำนึงถึงประชากรผู้สูงวัยซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ และใช้เทคโนโลยีเบื้องต้นได้
4.การพัฒนาด้านขนส่งมวลชนและโครงข่ายการคมนาคมจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราเร่ง เช่น ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ จำนวนสถานีรถไฟฟ้าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 200 สถานี ในอีก 5 ปีข้างหน้า ทำให้เกิดสถานีชุมทาง หรือสถานีเชื่อมต่อ (Interchange) จำนวนมาก การเดินทางรวดเร็ว และก่อให้เกิดขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ และแนวสูงไปทั่วปริมณฑล
5.การมีย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBDs) ที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงศูนย์กลางธุรกิจดั้งเดิม โดยมีองค์ประกอบสำคัญจากการคมนาคมที่สะดวก
6.การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และโครงการลักษณะ Mixed Uses โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ของประเทศซึ่งมีที่ดินจำนวนมากหันมาใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่ หรือการที่ภาครัฐนำที่ดินของรัฐออกมาให้เอกชนเช่าทำประโยชน์ระยะยาวมากขึ้น
7.นวัตกรรมการก่อสร้าง และการเกิดอาคารสูงระฟ้าจำนวนมาก ในปัจจุบันอาคารสูงระฟ้าเกิดใหม่ที่มีความสูงมาก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ทั้งตะวันออกกลาง และตะวันออกไกล โดยในกลุ่มประเทศ ASEAN จะมีอาคารสูงมากขึ้นในอนาคต
8.ความเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยมือสองในอนาคต เกิดขึ้นกับตลาดที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนายาวนานเพียงพอ เมื่อผู้บริโภคซึ่งซื้อที่อยู่อาศัยเดิมมีความจำเป็นต้องซื้อหาที่อยู่อาศัยใหม่ ทำให้ต้องขายที่อยู่อาศัยเดิม เกิดตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง
และ 9.การควบรวมกิจการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจะทวีความเข้มข้น ทั้งระหว่างธุรกิจภายในประเทศ และระหว่างธุรกิจข้ามชาติ