“เฮียกัง” เผยผลประกอบการปีนี้พุ่งตามเป้า ส่งบริษัทลูกเข้าเทกโอเวอร์บริษัท CSM บริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจด้านบัตรอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร หวังเติบโตมั่นคงระยะยาว และเตรียมส่ง ITDC ลงตลาดหุ้น mai คาดยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. ภายในสิ้นปีนี้ ฟุ้งหากเจรจาได้งานตามเป้าจะเพิ่มทุนจดทะเบียนย้ายเข้า SET ใน Q1 ปีหน้า
นายกังวาล กุสลธรรมรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์เนชั่น แนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น หรือ IRCP กล่าวว่า จากมติที่ประชุมของบริษัทฯ ได้อนุมัติให้บริษัทฯ ไอที ดิสทริบูชั่น จำกัด หรือ ITDC ซึ่งเป็นบริษัทฯ ลูกในการเข้าซื้อกิจการของ บริษัท การ์ด ซิสเต็มส์ แอนด์ มาเก็ตติ้ง หรือ CSM ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจด้านบัตรอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร โดยมีมูลค่าตามบัญชีไม่เกิน 60 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ใช้วงเงินในการเข้าซื้อเพียง 10% ขณะที่อีก 90% เป็นลักษณะของการแลกหุ้น และหลังจากการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ บริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้ไตรมาสที่ 4 ภายในเดือนธันวาคมนี้ (จากรายได้ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน)
“บริษัทประมาณการรายได้ และกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตเกินกว่า 30% จากปีที่แล้วซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีได้อย่างแน่นอน เนื่องจากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยกำไรสุทธิของไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทสามารถรับรู้รายได้แล้วกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่นำบริษัทลูกคือ บริษัท ไอที ดิสทริบิวชั่น จำกัด หรือ ITDC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยล่าสุด ITDC ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าตลาดฯ โดยได้แต่งตั้งบริษัท VI Global เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเตรียมความพร้อมที่จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ภายในสิ้นปีนี้”
อย่างไรก็ดี การลงทุนในอนาคตของบริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนด้านพลังงานทดแทนโรงไฟฟ้าจากการกำจัดขยะภายในประเทศ อย่างน้อย 1-2 โรงไฟฟ้า และธุรกิจด้านการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งได้เจรจากับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ โดยมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท ตลอดจนถึงการเตรียมเข้าประมูลงานวางระบบโครงข่ายทีวีดิจิตอล ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงของการเสนอแผนประมูลการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ TOR โดยจะแบ่งเป็นขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ อสมท (MCOT) มีมูลค่างาน 400 ล้านบาท และงานประเภทเดียวกันของกรมประชาสัมพันธ์อีก 900 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถประมูลงานดังกล่าวได้ไม่ต่ำกว่า 50% ซึ่งจนถึงไตรมาสที่ 3 บริษัทสามารถรับรู้รายได้แล้วเกือบ 2,000 พันล้านบาท ซึ่งถ้าหากบริษัทสามารถสรุปการเจรจางาน และงานที่ประมูลได้ตลอดจนถึงการรับรู้รายได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็จะสามารถเพิ่มทุนจดทะเบียน และย้ายจาก mai ไปซื้อขายยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า
