บอร์ด บมจ.กรุ๊ปลีส อนุมัติเพิ่มเพดานวงเงินกู้เป็น 2,500 ล้านบาท จากเดิม 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนขยายธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน และทำดีล M&A เข้าควบรวมกิจการสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้านผู้บริหารมั่นใจผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ทำกำไรทุบสถิตินิวไฮต่อเนื่อง
นายทัตซึยะ โคโนชิตะ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2559 ในวันที่ 28 เมษายนนี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มเพดานวงเงินการออกหุ้นกู้จากเดิมที่เคยได้รับอนุมัติไว้ 2,000 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักลบกับวงเงินที่บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 500 ล้านบาท จะส่งผลให้มีวงเงินคงเหลือในการออกหุ้นกู้อีกทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท
โดยการขออนุมัติเพิ่มวงเงินการออกหุ้นในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการขยายธุรกิจไฟแนนซ์ในกลุ่มประเทศ CLMV+I ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว พม่า เวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการปล่อยสินเชื่อที่ประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว พร้อมทั้งนำไปใช้เป็นแหล่งเงินทุน และยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าควบรวมกิจการ (M&A) กับผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจโดยตรง ซึ่งบริษัทดำเนินการรุกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยในการควบรวมกิจการนั้นมีการเจรจาต่อเนื่องแต่ยังไม่มีข้อสรุป
“บริษัทมั่นใจผลงานไตรมาสแรกปี 59 จะมีแนวโน้มที่ดี สามารถสร้างประวัติศาสตร์ทำสถิตินิวไฮได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากดำเนินธุรกิจของ GL ในประเทศไทยปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 7.3% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายลดสัดส่วน NPL อย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายทัตซึยะ กล่าว
ขณะที่การดำเนินธุรกิจไฟแนนซ์ในประเทศกัมพูชา ก็มีอัตราเติบโตที่ดีจากการขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ โดย GL มียอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงไตรมาส 1/59 เฉลี่ย 2,200 คันต่อเดือน เพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ย 1,200 คันต่อเดือน ซึ่งส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินธุรกิจคงที่ หลังจากได้ทยอยลงทุนพัฒนาระบบไอทีเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิตอลไฟแนนซ์ได้อย่างครอบคลุมพื้นที่ในกัมพูชาแล้ว ดังนั้น อัตรากำไรจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากตามรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบปี 58 ที่ผ่านมานั้น บริษัทมีรายได้รวม 2,488.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.63% จากปี 2557 ที่มีรายได้รวม 1,862.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 582.89 ล้านบาท พุ่งขึ้น 395.15% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 117.72 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2558 ในอัตรา 0.156 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันบันทึกรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 กำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2559