ASTVผู้จัดการรายวัน - กรมการขนส่งทางบก แจงการขอจดทะเบียนรถตู้เกิน 12 ที่นั่ง และรถกระบะ น้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ต้องเป็นรถที่มีไว้เพื่อใช้งานส่วนตัว ระบุ หากพบมีการนำรถยนต์ส่วนบุคคล ไปใช้ทำการขนส่งหรือธุรกิจส่วนตัว หรือรับจ้าง สั่งเพิกถอนทะเบียนรถทันที
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กรมฯได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ให้สามารถนำรถยนต์นั่ง (รถตู้) ที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุก (รถกระบะ) ที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม ซึ่งมิได้มีไว้เพื่อการประกอบการขนส่ง ธุรกิจ หรือการรับจ้างใดๆ มาขอจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อให้แนวทางปฏิบัติมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเป็นการป้องกันการนำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้ทำการขนส่งเพื่อการค้า ธุรกิจส่วนตัวหรือรับจ้าง กรมฯได้ออกระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการขอจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 กำหนด ให้ผู้ที่มีความประสงค์จะขอจดทะเบียนรถทั้ง2ประเภท ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์จะต้องแสดงเหตุผลความจำเป็นในการใช้รถและต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนเสียก่อน
โดยจะต้องยื่นคำขอพร้อมเหตุผลความจำเป็น หลักฐานภาพถ่ายตัวรถ รายละเอียดเกี่ยวกับชนิด แบบ ขนาดสัดส่วนและจำนวนที่นั่งจากผู้ผลิต และหลักฐานแสดงสถานที่จอดรถที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองหรือคู่สมรส โดยรถนั้นต้องเป็นรถที่ใช้เพื่อการส่วนตัวเท่านั้น และผู้ยื่นคำขอต้องไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำรถยนต์ ส่วนบุคคลไปใช้ทำการขนส่งเพื่อการค้า ธุรกิจส่วนตัวหรือรับจ้าง
ทั้งนี้ ระเบียบดังกล่าวครอบคลุมถึงรถยนต์ที่ผู้ผลิตออกแบบมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม แต่มีความประสงค์จะจดทะเบียนด้วยจำนวนที่นั่งที่น้อยกว่าหรือน้ำหนักที่น้อยกว่ากำหนดด้วย
สำหรับการพิจารณาว่ารถใดเป็นรถยนต์นั่งที่มีจำนวนที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม จะอ้างอิงจากเอกสารแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิด แบบ ขนาดสัดส่วนและจำนวนที่นั่งจากผู้ผลิต กรณีที่ผู้ผลิตไม่ได้ระบุจำนวนที่นั่งไว้ในแบบรถ เจ้าหน้าที่จะคำนวณจำนวนที่นั่งจากพื้นที่โดยสารตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบ ให้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบ
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กรมฯได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ให้สามารถนำรถยนต์นั่ง (รถตู้) ที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุก (รถกระบะ) ที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม ซึ่งมิได้มีไว้เพื่อการประกอบการขนส่ง ธุรกิจ หรือการรับจ้างใดๆ มาขอจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อให้แนวทางปฏิบัติมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเป็นการป้องกันการนำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้ทำการขนส่งเพื่อการค้า ธุรกิจส่วนตัวหรือรับจ้าง กรมฯได้ออกระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการขอจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 กำหนด ให้ผู้ที่มีความประสงค์จะขอจดทะเบียนรถทั้ง2ประเภท ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์จะต้องแสดงเหตุผลความจำเป็นในการใช้รถและต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนเสียก่อน
โดยจะต้องยื่นคำขอพร้อมเหตุผลความจำเป็น หลักฐานภาพถ่ายตัวรถ รายละเอียดเกี่ยวกับชนิด แบบ ขนาดสัดส่วนและจำนวนที่นั่งจากผู้ผลิต และหลักฐานแสดงสถานที่จอดรถที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองหรือคู่สมรส โดยรถนั้นต้องเป็นรถที่ใช้เพื่อการส่วนตัวเท่านั้น และผู้ยื่นคำขอต้องไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำรถยนต์ ส่วนบุคคลไปใช้ทำการขนส่งเพื่อการค้า ธุรกิจส่วนตัวหรือรับจ้าง
ทั้งนี้ ระเบียบดังกล่าวครอบคลุมถึงรถยนต์ที่ผู้ผลิตออกแบบมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม แต่มีความประสงค์จะจดทะเบียนด้วยจำนวนที่นั่งที่น้อยกว่าหรือน้ำหนักที่น้อยกว่ากำหนดด้วย
สำหรับการพิจารณาว่ารถใดเป็นรถยนต์นั่งที่มีจำนวนที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม จะอ้างอิงจากเอกสารแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิด แบบ ขนาดสัดส่วนและจำนวนที่นั่งจากผู้ผลิต กรณีที่ผู้ผลิตไม่ได้ระบุจำนวนที่นั่งไว้ในแบบรถ เจ้าหน้าที่จะคำนวณจำนวนที่นั่งจากพื้นที่โดยสารตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบ ให้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบ
