นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในวันที่ 3 ของการรณรงค์ฯ เข้มข้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2558 ภายใต้แนวความคิด "ช้าลงอีกนิด ชีวิตปลอดภัย" (SLOW DOWN SAVE YOUR LIFE) โดยมุ่งเน้นลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท กรมการขนส่งทางบกจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ความเร็วบนท้องถนนของรถโดยสารสาธารณะทั้งบนเส้นทางสายหลักและสายรองทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ผลการตรวจจับความเร็วรถตาม พ.ร.บ.การขนส่ง เฉพาะวันที่ 11 เมษายน จากจำนวนรถ 6,532 คัน พบมีการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจำนวน 394 คัน ในจำนวนนี้พบรถตู้โดยสารกระทำความผิดสูงสุดจำนวน 114 คัน รถโดยสารขนาดใหญ่ 114 คัน นอกนั้นเป็นรถบรรทุกและรถประเภทอื่นๆ ทำให้สถิติรวมรถโดยสารสาธารณะกระทำความผิดใช้ความเร็วเกินอัตราที่กำหนดรวม 3 วัน ตั้งแต่ 9-11 เมษายน มีจำนวนสูงถึง 630 ราย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกมีมาตรการลงโทษหนักทั้งในส่วนของพนักงานขับรถที่ฝ่าฝืนใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงมีมาตรการลงโทษบริษัทผู้ประกอบการต้นสังกัดที่ไม่สามารถควบคุมดูแลพนักงานขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน
สำหรับอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะช่วง 3 วันแรกของเทศกาลสงกรานต์เกิดขึ้นแล้ว 11 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตที่มากับรถโดยสาสาธารณะ 2 ราย และผู้เสียชีวิตที่มากับรถคู่กรณี 1 รายรวมมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะแล้ว 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 52 ราย ซึ่งจากการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุพบว่าการใช้ความเร็วยังคงเป็นสาเหตุหลัก รองลงมาคือพฤติกรรมการขับขี่ และสภาพท้องถนนเปียกลื่น ดังนั้น พนักงานขับรถ รวมถึงประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจร เครื่องหมายจราจร และเมื่อใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยให้ปฏิบัติตามป้ายแนะนำการใช้เส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังคงเข้มงวดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดจอดรถ และจุดตรวจความพร้อมทั่วประเทศโดยวันที่ 3 ของการรณรงค์ (11 เม.ย.) สามารถตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะเพิ่มอีกจำนวน 16,839 คัน พบรถโดยสารสาธารณะมีสภาพไม่พร้อมให้บริการจำนวน 80 คัน ส่วนใหญ่เป็นข้อบกพร่องของเบาะนั่ง กระจกข้าง กระจกหน้า ที่ปัดน้ำฝน พัดลมดูดอากาศ ระบบไฟ ฯลฯ ซึ่งได้ให้ปรับแก้ไขในทันที โดยสั่งการให้เปลี่ยนรถคันใหม่ทันที 19 คัน เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขให้อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะเพิ่มอีกจำนวน 17,412 ราย พบการกระทำผิดเพียง 18 ราย ได้ดำเนินการลงโทษและตักเตือนแล้วทุกราย
ทั้งนี้ ผลการตรวจจับความเร็วรถตาม พ.ร.บ.การขนส่ง เฉพาะวันที่ 11 เมษายน จากจำนวนรถ 6,532 คัน พบมีการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจำนวน 394 คัน ในจำนวนนี้พบรถตู้โดยสารกระทำความผิดสูงสุดจำนวน 114 คัน รถโดยสารขนาดใหญ่ 114 คัน นอกนั้นเป็นรถบรรทุกและรถประเภทอื่นๆ ทำให้สถิติรวมรถโดยสารสาธารณะกระทำความผิดใช้ความเร็วเกินอัตราที่กำหนดรวม 3 วัน ตั้งแต่ 9-11 เมษายน มีจำนวนสูงถึง 630 ราย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกมีมาตรการลงโทษหนักทั้งในส่วนของพนักงานขับรถที่ฝ่าฝืนใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงมีมาตรการลงโทษบริษัทผู้ประกอบการต้นสังกัดที่ไม่สามารถควบคุมดูแลพนักงานขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน
สำหรับอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะช่วง 3 วันแรกของเทศกาลสงกรานต์เกิดขึ้นแล้ว 11 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตที่มากับรถโดยสาสาธารณะ 2 ราย และผู้เสียชีวิตที่มากับรถคู่กรณี 1 รายรวมมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะแล้ว 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 52 ราย ซึ่งจากการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุพบว่าการใช้ความเร็วยังคงเป็นสาเหตุหลัก รองลงมาคือพฤติกรรมการขับขี่ และสภาพท้องถนนเปียกลื่น ดังนั้น พนักงานขับรถ รวมถึงประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจร เครื่องหมายจราจร และเมื่อใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยให้ปฏิบัติตามป้ายแนะนำการใช้เส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังคงเข้มงวดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดจอดรถ และจุดตรวจความพร้อมทั่วประเทศโดยวันที่ 3 ของการรณรงค์ (11 เม.ย.) สามารถตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะเพิ่มอีกจำนวน 16,839 คัน พบรถโดยสารสาธารณะมีสภาพไม่พร้อมให้บริการจำนวน 80 คัน ส่วนใหญ่เป็นข้อบกพร่องของเบาะนั่ง กระจกข้าง กระจกหน้า ที่ปัดน้ำฝน พัดลมดูดอากาศ ระบบไฟ ฯลฯ ซึ่งได้ให้ปรับแก้ไขในทันที โดยสั่งการให้เปลี่ยนรถคันใหม่ทันที 19 คัน เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขให้อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะเพิ่มอีกจำนวน 17,412 ราย พบการกระทำผิดเพียง 18 ราย ได้ดำเนินการลงโทษและตักเตือนแล้วทุกราย
