กรมการขนส่งฯ เผย 3 วันพบรถโดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุแล้ว 11 ครั้ง มีผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย และจากรถคู่กรณีเสียชีวิต 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก จำนวน 52 ราย และพบว่าทั้งรถตู้โดยสาร-รถโดยสารขนาดใหญ่ใช้ความเร็วเกินอัตราที่กำหนดรวมกว่า 200 ราย ย้ำมาตรการลงโทษหนักทั้งพนักงานขับรถ และบริษัทต้นสังกัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนพบเห็นรถโดยสารขับเร็ว-ประมาท โทร. 1584 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติงานรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในวันที่สามของการรณรงค์ฯ เข้มข้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2558 ภายใต้แนวความคิด “ช้าลงอีกนิด ชีวิตปลอดภัย” (SLOW DOWN SAVE YOUR LIFE) โดยมุ่งเน้นลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ซึ่งได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ความเร็วบนท้องถนนของรถโดยสารสาธารณะทั้งบนเส้นทางสายหลัก และสายรองทั่วประเทศ ซึ่งผลการตรวจจับความเร็วรถตาม พ.ร.บ.การขนส่ง เฉพาะวันที่ 11 เมษายน 2558 จากจำนวนรถ 6,532 คัน พบมีการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจำนวน 394 คัน ในจำนวนนี้พบรถตู้โดยสารกระทำความผิดสูงสุด จำนวน 114 คัน รถโดยสารขนาดใหญ่ 114 คัน นอกนั้นเป็นรถบรรทุก และรถประเภทอื่นๆ ทำให้สถิติรวมรถโดยสารสาธารณะกระทำความผิดใช้ความเร็วเกินอัตราที่กำหนดรวม 3 วัน ตั้งแต่ 9 เมษายน-11 เมษายน 2558 มีจำนวนสูงถึง 630 ราย
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก มีมาตรการลงโทษหนักทั้งในส่วนของพนักงานขับรถที่ฝ่าฝืนใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงมีมาตรการลงโทษบริษัทผู้ประกอบการต้นสังกัดที่ไม่สามารถควบคุมดูแลพนักงานขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน
โดยในช่วง 3 วันแรกของเทศกาลสงกรานต์ มีอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะเกิดขึ้นแล้ว 11 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตที่มากับรถโดยสาสาธารณะ 2 ราย และผู้เสียชีวิตที่มากับรถคู่กรณี 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะแล้ว 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก จำนวน 52 ราย ซึ่งจากการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุพบว่า การใช้ความเร็วยังคงเป็นสาเหตุหลัก รองลงมาคือพฤติกรรมการขับขี่ และสภาพท้องถนนเปียกลื่น ดังนั้น พนักงานขับรถ รวมถึงประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจร เครื่องหมายจราจร และเมื่อใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยให้ปฏิบัติตามป้ายแนะนำการใช้เส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด