จากกรณีที่มีการส่งต่อข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ผู้ที่ถูกเรียกเก็บหรือยึดใบอนุญาตขับรถจะไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถคืน ต้องดำเนินการขอใบอนุญาตขับรถใหม่ กรมการขนส่งทางบก โดย นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง การที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการจราจรทางบก แล้วถูกเรียกเก็บ หรือยึดใบอนุญาตขับรถโดยเจ้าพนักงาน ใบอนุญาตขับรถที่ถูกเรียกเก็บยังคงมีผลตามกฎหมาย เจ้าของบัตรต้องดำเนินการติดต่อชำระค่าปรับกับเจ้าพนักงานให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตขับรถฉบับจริงคืน โดยเจ้าพนักงานจะออกใบแทนใบอนุญาตขับรถไว้ให้เป็นการชั่วคราว ซึ่งสามารถใช้แทนใบอนุญาตขับรถฉบับจริงได้ไม่เกิน 7 วันเท่านั้น ดังนั้น หากถูกเรียกเก็บ หรือยึดใบอนุญาตขับรถต้องรีบติดต่อเจ้าพนักงานเพื่อขอรับคืนโดยเร็ว
ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ถูกเรียกเก็บ หรือยึดใบอนุญาตเพิกเฉยต่อการแก้ไขดังกล่าว ทั้งยังมีการแจ้งความเท็จว่าใบอนุญาตขับรถสูญหาย เพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถฉบับใหม่ กับกรมการขนส่งทางบกจะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายฐานแจ้งความเท็จ และกรมการขนส่งทางบกจะไม่ออกใบอนุญาตขับรถให้ใหม่โดยเด็ดขาด
นายธีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเรียกเก็บ/ยึดใบอนุญาตขับรถโดยเจ้าพนักงานนั้น เป็นคนละกรณีกับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถโดยนายทะเบียน ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเงื่อนไขในการพิจารณาการออกใบอนุญาตขับรถสำหรับผู้ที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถฉบับใหม่ได้ แต่ต้องหลังจากพ้นกำหนด 3 ปีไปแล้ว นับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และจะต้องเข้าสู่กระบวนการเหมือนผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถรายใหม่ที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาต กล่าวคือ ต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย อบรมภาคทฤษฎี 4 ชั่วโมง ทดสอบขับรถ และที่สำคัญ ต้องผ่านการอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริมสร้างจิตสำนึกและปรับพฤติกรรมการขับรถอีก 3 ชั่วโมง โดยจะได้รับใบอนุญาตขับรถประเภทชั่วคราวเช่นเดียวกับผู้ขอรายใหม่นั่นเอง (ข้อมูลเพิ่มเติม : www.dlt.go.th/th)