xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"หวั่นปฏิรูปเสียของ รัฐบาลใหม่ไม่เดินตามแผน-ขัดแย้งไม่จบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (25พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาการรวบรวมความเห็นขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนส่งความเห็นไปยังกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้เวลาในการประชุมร่วม 3 ชั่วโมง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนพูดในนามครม. ไม่ใช่ในนามคสช. สิ่งที่ครม.เป็นกังวล คือ ทำอย่างไรกระบวนการปฏิรูป และการปรองดองที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยการมีแต่ละสภาฯ ที่ทำงานอยู่นั้น จะมีอะไรที่เป็นมาตรการชัดเจน นำไปสู่การปฏิบัติ
"ผมถามว่า ถ้าสมมุติมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เลือกตั้ง แล้วมีอะไรรับประกันได้หรือไม่ว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไว้ จะได้รับการสืบสานต่อ มีองค์กร มีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่ ที่จะทำ แต่ไม่ไปคาบเกี่ยวในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่เขาจะดูเรื่องความมั่นคง ความปรองดอง การเดินหน้ายุทธศาสตร์ประเทศ ว่าใครจะทำ ผมไม่ได้เป็นห่วงว่าใคร แต่ต้องหาวิธีการมา ทุกคนต้องคิดว่า วันข้างหน้าใครตอบผมได้บ้างว่า จะไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก เมื่อทุกคนมุ่งหวังเพียงว่า ถ้าเราจะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยได้ ก็ต้องเลือกตั้ง ผมก็ไม่ได้ไปเถียงท่าน ซึ่งนักการเมืองก็มองอีกแง่หนึ่งว่า ทำอย่างไร ที่จะไม่มีการปฏิวัติขึ้นอีก เขาว่าก็ต้องไปปฏิรูปทหารก่อน เพราะทหารเป็นผู้ปฏิวัติ คิดอย่างนี้บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ ถามว่าการปฏิวัติทุกครั้ง มันมีสาเหตุอะไร ผมไม่ได้บอกว่ามันถูกต้อง แต่ประเทศไทยมันเป็นแบบนี้ ก็แก้ปัญหาแบบนี้มาโดยตลอด ทำอย่างไรปัญหาจะไม่เกิดขึ้นมาอีก ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ มีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่ทับซ้อนข้าราชการ เดินหน้าประเทศไปตามขั้นตอน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลนี้เกิดมาโดยคสช.และ คสช.เกิดขึ้นมาโดยตนเอง ที่เป็นผู้เสี่ยงอันตราย โดยต้องการแก้ไขปัญหาทั้งหมดของประเทศ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย วันนี้ทุกคนมีอิสระเสรี จนลืมไปแล้วว่ารัฐบาลนี้มาจากจุดใด ขอให้ดูด้วย ตนไม่ปฏิเสธว่า มันต้องเป็นประชาธิปไตย แต่มันจะแค่ไหน เราวางแผนปฏิรูปประเทศไว้อย่างไร คนในประเทศต้องการอะไร เรื่องดังกล่าวต้องไปถามคนทั้งหมด เช่น ภาคการเกษตร ต้องการการช่วยเหลือแบบไหน หรือเขาต้องการเงินอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นมันก็ไปไม่ได้ การสร้างความเข้มแข็ง จะต้องทำในทุกภาคส่วน ทั้งความมั่นคง เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ การปรับโครงสร้าง ไม่ใช่สั่งวันนี้แล้วพรุ่งนี้เปลี่ยน
" อย่างการปฏิรูปตำรวจ ทุกคนบอกว่าต้องปฏิรูปวันนี้ ผมไม่ได้เถียงว่าต้องปฏิรูปวันนี้ อย่าลืมว่า วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ของรัฐบาลและ คสช. ซึ่งผมถือว่าเป็นระยะที่ 1 ของการปฏิรูป พอถึงระยะที่ 3 ของรัฐบาล และ คสช. ก็คือการส่งไปให้รัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งถือเป็น ระยะที่ 2 ของการปฏิรูป จะกี่ปีผมไม่รู้ 4 ปี 5 ปีจบ ก็ถือเป็นระยะที่ 2 ของรัฐบาลหน้า ถ้ามันจะต้องมีถึง 10 ปี ก็เป็นอีก 5 ปีของรัฐบาลหน้า ปฏิรูปมันจะแค่ไหน สั่งวันเดียวจบหรือไม่ การแก้ไขในเรื่องการปฏิรูปของรัฐบาลนี้ ทำมาในรูปแบบของการบริหารราชการแผ่นดิน มีการปรับให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำงานอย่างบูรณาการด้วยการประสานงาน ด้วยการใช้กฎอัยการศึก ใช้มาตรา 44 ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่เหมือนเดิม นี่ถือว่า ผมปฏิรูปแล้ว เช่น การปฏิรูปโครงสร้างตอนนี้ก็ทำในบางส่วน อาทิ เรื่องของการประมง ไอยูยู ค้ามนุษย์ ก็ใช้อำนาจของผม รวบรวมหน่วยงานที่ถือกฏหมายคนละฉบับมาทำงานร่วมกันให้ได้ และในการทำปฏิรูปขั้นต่อไป มันทำไม่จบหรอก มันต้องไปแก้โครงสร้างในกระทรวง ในระเบียบการทำงานแต่ละเรื่อง มีทั้งกฎหมายลูก แต่สิ่งต่างๆ อีกมาก เรื่องนี้รัฐบาลหน้าต้องไปทำต่อ ไม่ใช่ทุกอย่างจะเอาแค่วันนี้ ก็จะเกิดข้อขัดแย้งอีกมากมาย แล้วมันจะอยู่กันได้หรือไม่ แค่รัฐธรรมนูญก็ทะเลาะกันพออยู่แล้ว"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนมีความตั้งใจดี แต่ต้องเห็นใจตนบ้าง เพราะทำมาถึงขนาดนี้แล้ว หรือใครอยากจะให้กลับไปเหมือนเดิม ถ้าไม่อยากก็ต้องช่วยกันหามาตรการที่เหมาะสมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำอย่างไรจะไม่ให้กลับไปสู่การปฏิวัติอีก ไม่ใช่ไปลดอำนาจใคร อำนาจมันอยู่คนใช้ทั้งรัฐบาล และหัวหน้าส่วนราชการ โดยต้องคำนึงว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีกใครจะเป็นคนแก้ ถ้ามุ่งประเด็นว่า ต้องทำให้ทหารอ่อนแอ ทหารเล็กลง จะได้ไม่มีการปฏิวัติ มันใช่หรือไม่ หรือต้องการจะให้ไปลดโครงสร้างตำรวจ ก็ต้องบอกว่าวันนี้ก็ทำงานกันอยู่ ทั้งหมดก็ต้องเขียนไว้เพื่อจะส่งให้รัฐบาลใหม่ ว่าจะปฏิรูปอย่างไร เมื่อรัฐบาลใหม่มา ก็ส่งแผนให้รัฐบาลใหม่ เขาก็ต้องทำตามที่เขียนไว้โดยรัฐบาลนี้ ไม่ใช่ไปคิดใหม่ แต่ถามว่าทำอย่างไรรัฐบาลใหม่เขาถึงจะทำ สื่อก็ต้องไปไล่ถามให้ด้วย ยืนยันว่าเราทำเต็มที่แล้ว แต่ปัญหามันสลับซับซ้อน หลายกระทรวงข้าราชการมีหลายแสนคน ตนก็ทำงานเต็มที่แล้ว และได้สั่งงานไปมาก โดยมี ครม. ช่วยกันมาโดยตลอด ถามว่าสิ่งที่ทำมาวันนี้มีอะไรผิดบ้าง ถ้ามันจะผิด ก็คือไม่ตรงตามความต้องการของคนบางพวก บางกลุ่ม เพราะมีทั้งคนได้ คนเสีย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดที่จะทำให้คนได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด ต้องเอาว่าคนส่วนใหญ่ได้อะไร
" เคยมีใครพูดแล้วทำอย่างผมบ้างไหม ไปดูผลงานผมที่ทำมา ไม่ใช่ตีทุกเรื่อง แล้วก็ไปฟังฝ่ายการเมือง จะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนที่จะเลือกกันมา วันหน้าจะกลับมาใหม่หรือไม่ ก็ไม่รู้ ต่างประเทศไม่ต้องไปให้ความสำคัญ เพราะไม่ได้อยู่ในกระบวนการของประเทศไทย จะไปขยายความทำไม เพราะความขัดแย้งในประเทศมีมากอยู่แล้ว ไปฟังเขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นมา สื่อชอบไปเขียนให้เกิดความปั่นป่วน เกิดความสะใจ มีคนด่ากันกลับไปกลับมา ผมเลิกแล้ว ขี้เกียจ ก้าวข้ามไม่พ้นสักที วันนี้มาตรการทางกฎหมายมีอยู่แล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯ ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะไม่เดินตามแผนที่วางไว้ในการปฎิรูป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่มั่นใจ แต่เป็นกังวล ท่านมั่นใจหรือไม่ แต่ตนกังวลว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะทำหรือเปล่า แต่เรื่องโละทิ้ง เขาเป็นรัฐบาล เขาโละทิ้งได้ และแก้ได้ทุกอยาง ทำไมจะแก้ไม่ได้ ต้องหามาตรการว่า ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องแก้ หรือแค่เปลี่ยนแปลง แต่ต้องเดินตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ได้หรือเปล่า
"ผมถามคนทั้งประเทศ จะเอาอย่างไร พูดมา ท่านมั่นใจหรือไม่ เลือกตั้งแล้วจะไม่มีการปฏิวัติอีก หรือเลือกตั้งแล้ว จะไม่มีคนใช้อำนาจที่ผิดไม่มีธรรมาภิบาลอีก บ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ท่านมั่นใจหรือไม่ ถ้าท่านมั่นใจ ผมก็มั่นใจ แล้วท่านรับประกันได้หรือไม่ นักข่าวทั้งหมด สื่อทั้งหมด ว่าจะไม่เกิดขึ้นมาอีก เพราะว่าผมก็ไม่อยู่แล้ว มั่นใจไหมเล่า "
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของครม. ที่เสนอไปยังกรรมาธิการยกร่างฯ มีหลายเรื่องที่ควรจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่สักแต่ว่าแก้ เมื่อถามว่า ถ้าสมมุติเกิดแอคซิเดนท์ รัฐบาลเตรียมแผนสำรองอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ถ้าสำรองไว้ ก็บอวก่าตนเตรียมการไว้ล่วงหน้า และตนไม่เคยพูดถึงแผนสำรอง แต่พูดว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวเขียนไว้อย่างไร ถ้าไม่ผ่าน สปช. หรือผ่าน หากต้องทำประชามติ ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว จบแค่นี้ ไม่มีสมมุติ ถ้าจะใช้รัฐธรรมนูญ ปี 40 หรือปี 50 ตอนควบคุมอำนาจ ตนก็ออกคำสั่งใช้รัฐธรรมนูญฉบับเหล่านั้น ไม่เสียเวลาด้วย
"ผมก็เสนอตัวมาทำให้อย่างนี้ แล้วท่านก็ยังมีปัญหาอยู่มากพอสมควร หลายๆ กลุ่ม หลายๆ พวก เขาพยายามที่จะกลับมาที่เดิม แต่คนดีๆ ก็เยอะ ผมไม่ได้ไปรังเกียจการเมือง นักการเมืองทั้งสิ้น แต่นักการเมืองไม่ดีก็มีเยอะ คนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์จะมาพูดอีกแล้ว และเราก็อย่าไปขยายให้เขา จะไปขยายให้เขาทำไม เขาผิดกฎหมายหรือเปล่า เขาอยู่ในกระบวนการยุติธรรมหรือเปล่า ถ้าใครไม่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็อย่าไปพูดให้เขา เท่านั้นก็เบาลงแล้ว"
เมื่อถามว่า คิดว่าหลายๆกลุ่ม หลายๆพวก ที่พยายามจะกลับมาจุดเดิมมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้กลับมาจุดเดิมได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปถามเขาซิ เขากลัวกฎหมายมั๊ย วันนี้มีกฎหมายขนาดนี้ ถ้าเขาไม่กลัว วันหน้าก็ไม่มีทางเอาอยู่หรอก รัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐานของประเทศ ที่จะเดินหน้าประเทศต่อไป รัฐธรรมนูญเขียนเพื่อระงับความขัดแย้งได้หรือไม่ วันนี้เขียนยังไม่จบ ก็มีความเห็นตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง ซึ่งจะทำอย่างไรก็ไปหามา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ต้องฟังเขาบ้าง หนังสือพิมพ์ 10 ฉบับไปดู ฉบับไหนบ้างที่เขียนว่าเศรษฐกิจดีขึ้น หรือค่อนข้างเงยหัวขึ้น ต้องดูว่าตกต่ำเพราะอะไร เพราะเขาไม่มีเงินใช้ เนื่องจากเงินหายาก ใช่หรือไม่ และแต่ก่อนเงินหาง่ายเพราะอะไร เพราะระบบเศรษฐกิจประเทศมันดีหรืออย่างไร มันอยู่ที่บิดเบือนโครงสร้างมาทั้งหมด เงินทองต่างๆ ที่นำมาใช้ข้างล่าง มาจากการถูกฎหมายเท่าไหร่ เข้าใจหรือยัง คนที่อยู่ในวงจรเหล่านี้ คือคนจนทั้งสิ้น เขาถึงบ่นว่า ไม่มีเงิน รัฐบาลก็ต้องสร้างความแข้มแข็ง ในทุกภาคส่วนสร้างกลไกความต่อเนื่อง เชื่อมโยงของคุณค่าทางเศรษฐกิจ ถ้าทำได้ สังคมก็อยู่ได้ เกษตรกรก็อยู่ได้
" ผมเคยบอกแล้วว่า ถ้าผมเป็นเศรษฐี เป็นคนรวยแล้วขับรถผ่านบ้านคนจนทุกวัน ผมก็ไม่กล้าผ่าน เพราะอายเขา ซึ่งวันนี้ผมนึกถึงเขาทุกวัน นึกถึงทุกเรื่องก็ยังโดนตำหนิ นู้นนี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องคิดตาม หรือคิดเหมือนผมทุกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่อยากให้มองถึงจิตเจตนาดีของผม ที่ต้องเสี่ยงภัยเข้ามาวันนี้ ไม่ได้มีความสุข คิดว่ามีอำนาจหรือ มีอำนาจแล้วอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงงั้นหรือ ไม่มีใครเขาอยากมีหรอก ไม่มีใครอยากเสี่ยงด้วยซ้ำไป เราเกิดเหตุการณ์แบบนี้มากี่ครั้งแล้ว แล้วทำไมถึงจะทำให้การทำของผมในครั้งนี้เหมือนครั้งเก่าๆ ซึ่งครั้งเก่าๆ เขาไม่ได้ทำแบบผมทำ ไม่ได้แก้ไขโครงสร้างทั้งประเทศทั้งหมดอย่างนี้ ผมกำลังเดินอนาคตของประเทศทุกด้าน ไม่ใช่ความมั่นคงอย่างเดียว ไม่ใช่จะไปซื้ออาวุธ แต่ส่งเสริมทุกภาค บางอย่างต้องใช้งบประมาณในการลงทุน เพื่อสร้างมหภาคเศรษฐกิจ ทุกด้านผูกพันเชื่อมโยงกันอยู่ ผมกำลังสร้างนี่คือการปฏิรูปของผม เพื่อให้รัฐบาลหน้ารับต่อ แต่ปัญหาเขาจะรับหรือเปล่าผมไม่รู้ ไม่มีใครยืนยันกับผม เพราะยังไม่เห็นตัวรัฐบาล ซึ่งอยู่ที่ท่านทั้งหมดจะเลือกรัฐบาลจะเลือกใครก็แล้วแต่ ถ้าเลือกดี ก็โชคดีไป"
พล.อ.ประยุทธ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใช้วิธีการปกติไม่ได้ หากปล่อยให้เป็นเหมือนก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 มาถึงวันนี้ ก็จะเป็นอย่างนั้น และบานปลายไปยิ่งกว่านี้ จึงต้องใช้วิธีการไม่ปกติในการแก้ปัญหา เมื่อสตาร์ทมาได้แล้ว ก็ต้องหากลไกที่จะทำให้สิ่งที่เดินมาแล้วไม่เสียของ ทำอย่างไรให้รัฐบาลใหม่ทำต่อ ทำอย่างไรสิ่งที่เราปฏิรูปไว้ในวันนี้ จะเชื่อมต่อเข้าใจกันประชาชนยอมรับได้หรือไม่ แต่ไม่มีใครที่จะพอใจเพียงแต่เข้าใจหรือไม่ ถ้าสอนให้เขาคิดไม่เป็น ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่รู้อนาคตของตัวเอง ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ ประเทศไทยก็จะถอยหลังไปเรื่อยๆ และเราก็ต้องเสียศูนย์กลางความเป็นอาเซียนไปเรื่อยๆ วันหน้าไม่มีใครสนใจประเทศไทยอีกแล้ว ถ้าขัดแย้งแบบนี้อีกที ไม่มีใครมาอีก
เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวนายกฯ ได้คิดแผนไว้แล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดหมดอยู่แล้ว แต่มันจะได้ตรงความคิดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าบอกความคิดไปแล้ว วันหน้าทำไม่ได้ ก็จะบอกว่าเสียของ ปัทโธ่ รู้อยู่ ความคิด คือความคิด ตนมีร้อยอย่างอยู่ในหัว เป็นพันแล้วมั๊ง ไม่งั้นคงไม่พูดถึงวันนี้หรอก ความคิดของตนเดินเป็นเรื่องๆ เดินที่ละขั้น ทหารสอนมาอย่างนั้น มีขั้นตอนการวางแผน ถ้ามีปัญหาก็ต้องเตรียมหนทางปฏิบัติเอาไว้ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ ประเทศชาติก็เหมือนกัน มีการเตรียมมาตรการลดความเสี่ยงไว้ เช่น เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา ถ้าเกิดสถานการณ์ต่างๆ จะทำอย่างไร เขาเคยเตรียมเคยคิดสิ่งเหล่านี้กันไว้หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น