xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"รอดูสถานการณ์-ฟัง5สาย ตัดสินประชามติหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 14.20 น. วานนี้ (7พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ในที่ประชุมได้คุยกันถึงเรื่องประชาธิปไตย และเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนได้ให้แนวทางไปหมดแล้ว ทุกอย่างต้องใจเย็นๆ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตอนนี้อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญอยู่ ฉะนั้นการจะตกลงได้หรือไม่ ต้องรอการแก้ไขที่แต่ละส่วนส่งไปโดยในส่วนของครม. และคสช. จะคุยกันในวันที่ 19 พ.ค.นี้ หากจะแก้ตรงไหนก็จะเสนอไปที่กรรมาธิการยกร่างฯ ส่วนอำนาจในการแก้หรือไม่แก้ อยู่ที่กรรมาธิการยกร่างฯ ซึ่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว เขียนไว้อย่างนั้น
" ผมจะเอา มาตรา 44 ไปทับรัฐธรรมนูญอีกที ก็ไม่ได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจด้วย ศักดิ์ศรีมันเท่ากัน ทั้งนี้หากแก้เสร็จตามระยะเวลา ก็เป็นเรื่องของสปช. ที่จะลงมติ จะผ่านหรือไม่ผ่าน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไม่ผ่าน ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุไว้ว่า ต้องตั้งใหม่ และยกร่างฯ กันใหม่ ใช้เวลาตามสูตร ซึ่งผมไม่อยากจะบอกวันนั้น วันนี้ ทุกอย่างถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ผมไม่ได้ไปทำให้มันไปไม่ได้เสียเมื่อไหร่ แต่ถ้ามติของสปช.ผ่าน ก็ต้องไปถาม 5 สาย ต้องการอย่างไร ฟังแล้วต้องการทำประชามติ หรือไม่ เห็นชอบร่วมกันหรือไม่ ถ้าเห็นชอบร่วมกันว่า ต้องทำประชามติ ก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวก่อน ถึงจะทำประชามติได้ ซึ่งการลงประชามติ จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่รู้ แต่ต้องใช้เงินประมาณ 3,000 ล้านบาท เหมือนกับการเลือกตั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 1-3 เดือน ในการทำประชามติ แต่หากประชามติผ่าน ก็จะเป็นรัฐธรรมนูญเข้าสู่การเลือกตั้ง ภายในเวลา 2-3 เดือน หรือภายใน 90 วัน ซึ่งมันมีสูตรของมันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับผมเลย มันเกี่ยวกับ 5 สายทั้งหมด และประชาชนทั้งประเทศ จะร่วมมือกันในช่วงไหน ฉะนั้น ผมยืนยัน และใช้คำว่า เป็นไปตามโรดแมป รัฐธรรมนูญชั่วคราวเขียนไว้อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นช่วยกันเถอะ พาประเทศชาติไป" พล.อ .ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่ตนให้ความคิดเห็นไป ซึ่งเป็นความคิดเห็นของตนเอง เห็นว่ารัฐธรรมนูญของเราเปลี่ยนมาหลายรอบแล้ว เป็นเพราะเราลงรายละเอียดมากเกินไปหรือเปล่า อันนี้เป็นข้อคิดเฉยๆ ที่ตนคิดเอง ลงรายละเอียดมากๆ ก็เอารัฐธรรมนูญมาตีกัน การเขียนรัฐธรรมนูญ ควรจะเขียนประเด็นหลักๆ ไหม มันควรจะมีสักเท่าไหร่ อะไรทำนองนี้ แต่จะมีเท่าไหร่ ตนก็ยังไม่รู้เลย เพราะไม่ใช่นักกฎหมาย เดี๋ยวต้องมาดูกัน ว่าสิ่งไหนควรอยู่ในรัฐธรรมนูญ หรืออยู่ในกฎหมายลูก อะไรควรจะอยู่ในบทเฉพาะกาล ถ้ามันจะทะเลาะกัน ก็ทะเลาะกันตรงส่วนล่าง รัฐธรรมนูญจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะได้สามารถชี้แจงชาวโลกได้ว่า รัฐธรรมนูญไทยไม่ได้ขัดแย้งกับคนอื่นมากนัก แต่หากจะผิดเพี้ยน เพื่อที่เราจะปฏิรูป มันควรจะเขียนไว้ตรงไหน ซึ่งวันนี้เหมือนกับว่าเอาทุกอย่างไปใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งหมด ก็เลยทำให้ความขัดแย้งสูง สิ่งนี้เป็นความคิดของตนเอง แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน อย่างไร ต้องถามนักกฎหมายอีกที ต้องฟังคสช. และครม.ทั้งคณะอีก ซึ่งในส่วนของ ครม. ตนได้ให้ไปดูในทุกหมวด มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงตรงไหนบ้าง ซึ่งต้องดูว่า ใช่หรือไม่ ทำแบบนี้แล้ว ดีหรือไม่ คำว่าดี ไม่ใช่อำนาจอยู่ที่รัฐอย่างเดียว ต้องสมดุล ถ่วงดุลกันให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมแม่น้ำ 5 สาย จะได้ความชัดเจนในเรื่องการทำประชามติ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงจะได้คำตอบบ้าง แต่ในวันที่ 19 พ.ค. เป็นการประชุมร่วมระหว่าง ครม.และ คสช. เพื่อเสนอความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ ไปที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ เมื่อถามว่า จะพิจารณาตาม มาตรา 46 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวตามที่ สนช. เสนอหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าจะทำประชามติ ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งการดำเนินการมีขั้นตอน ก็ได้อธิบายไปแล้ว
เมื่อถามว่า การตัดสินใจทำประชามติหรือไม่นั้น ต้องรอให้สปช. มีมติออกมาก่อน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องถามมติ สปช.ก่อน แต่ สปช.จะมีมติผ่านหรือไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่รู้ ซึ่งความเห็นของ สปช.ได้ส่งไปที่กรรมาธิการยกร่างฯ แล้ว ส่วนกรรมาธิการฯ จะแก้หรือไม่แก้ก็ไม่รู้ ถ้าไม่แก้กรรมาธิการยกร่างฯ จะส่งกลับไปที่ สปช.ใหม่ เพื่อพิจารณาลงมติ ถ้าลงมติแล้วไม่ผ่าน รัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุให้ตั้งกรรมาธิการฯใหม่ แต่ถ้าสปช.ผ่าน ร่างรัฐธรรมนูญก็จะนำไปสู่กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ เพื่อนำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายขึ้นไป ระหว่างนั้น ต้องรอเวลาการทำกฎหมายลูกอีก 1-2 เดือน ทั้งนี้ ถ้าผ่านทั้งหมด จะทำประชามติหรือไม่ ก็ต้องดูสถานการณ์ตรงนั้นอีกที ซึ่งตนไม่อยากพูดในวันนี้ เพราะถ้าพูดวันนี้ จะกลายเป็นว่าตนนำไปทั้งหมด หรืออยากอยู่ต่ออะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่ ตนอยากให้คิดว่า สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดมันจะเกิดต่อได้หรือเปล่า ต้องไปคิดตรงโน้น ว่าเลือกตั้งมาแล้ว จะได้คนมาทำงาน อาจจะดีมาก หรือดีน้อย แต่เขาต้องทำมากกว่าที่ตนทำ ซึ่งตนเข้ามาไม่ได้ทำอะไรเสียหายไปกว่าเดิมเลย ทุกเรื่องขอยืนยัน มีอะไรเสียหายบ้าง นอกจากลำบากนิดหน่อยในเรื่องผลประโยชน์ผิดกฎหมาย ตนรื้อกี่เรื่อง ทั้งไอยูยู การค้ามนุษย์ ลอตเตอรี่ ทุกเรื่องแก้หมด นั่นแหละคือการใช้อำนาจที่มีอยู่ในปัจจุบัน บูรณาการหลายเรื่อง และระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละกระทรวง ตนบอกหลายครั้งแล้ว ให้ช่วยกันคิด จะทำอย่างไร ถ้าไปก้าวล่วง หรือบังคับมากๆ เขาก็บริหารไม่ได้ วันนี้ตนใช้อำนาจพิเศษถึงทำได้ แต่อย่าลืม ถ้าท่านต้องการประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ท่านทำอย่างตนไม่ได้ ซึ่งก็อยู่ที่พวกเรา จะทำอย่างไร เพื่อให้เขาทำให้พวกท่าน รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคน 67 ล้านคน ส.ส.มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ แต่ถ้า ครม.และ ส.ส.ดูแลพื้นที่เหมือนกัน มันก็จบ เท่ากับไม่ดูแลคน 67 ล้านคน

**ไม่ควรเสียเงิน 3 พันล.ทำประชามติ

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องการทำประชามติ ยังต้องเป็นไปตามที่นายกฯ เคยพูดหรือไม่ ว่าต้องให้กรรมาธิการยกร่างฯ เสนอความเห็นมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า 5 สายต้องประชุมร่วมกัน ไม่ใช่กรรมาธิการยกร่างฯ ตนเคยพูดอย่างนั้นหรือ แต่ก่อนหน้านั้น ตนอาจจะพูดผิด ก็ยังงงๆ เหมือนกัน แต่การทำประชามติ ต้องใช้เงิน 3,000 ล้านบาท ขอให้จำตัวเลขไว้ เงิน 3,000 ล้านบาท เก่าอยู่ไหนยังไม่รู้ จะต้องมี 3,000 ล้านบาทใหม่ อีกรอบ แล้วถ้าไม่ผ่าน แล้วทำประชามติใหม่อีกรอบหรือไม่ ถ้าทำ ก็ต้องใช้เงินอีก 3,000 ล้านบาท
เมื่อถามว่า รัฐบาลมีเงินพร้อมทำประชามติ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าอยากให้ทำประชามติ ก็ต้องยอมรับสภาพ และใช้เงินที่มีอยู่ แทนที่จะนำเงินไปทำอะไรที่สร้างความเข้มแข็ง ไปซื้อวัสดุ หรือลดต้นทุนชาวนา แต่ต้องมาหายไป 3,000 ล้านบาท ซึ่งมันจะได้อะไรขึ้นมากับตรงนี้หรือไม่ ตนก็ยังไม่รู้ แต่อาจจะได้ก็ได้ ตนถามว่าคนจะยอมรับทั้งหมดหรือไม่ มันก็ไม่หมดหรอก เผลอๆ ก็เท่าเก่า ผ่านไม่ผ่านจะยอมรับไปก่อน หรือไม่ นั่นแหละอันตราย ถ้าผ่านก็ต้องผ่านทั้งหมด ไม่ผ่านก็ไม่ผ่านทั้งหมด นั่นแหละถึงจะเลิกทะเลาะกันเสียที แต่อย่าให้ใครมาชี้นำท่าน เพราะอนาคตของท่าน และลูกหลานของท่านอยู่ที่ตัวท่านเอง ไม่ได้อยู่ที่ตน ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล ไม่ได้อยู่นักการเมือง อยู่ที่ตัวท่านทุกคน ในเมื่อท่านเป็นประชาชน ท่านบอกว่าประชาชนต้องมีส่วนร่วม แต่การมีส่วนร่วมของประชาชน ก็มีขอบเขตจำกัดว่าอยู่ตรงไหน รัฐบาลมีแค่ไหน เจ้าหน้าที่มีแค่ไหน ประชาชนอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ทุกคนลุกขึ้นมากำหนด ตัวเองต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ มันไม่ได้ ถ้ามาบอกว่าประเทศไทยต้องประชาชนบริหารทุกอย่างในพื้นที่ ในภูมิลำเนาของตัวเอง มันทำได้หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นก็อิสระหมด ทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งเส้นทางรถไฟ ถนน จะทำไม่ได้เลย เพราะแต่ละพื้นที่ต้องการความต้องการของตัวเอง จัดสรรทรัพยากรของตัวเอง มันทำได้ไหม ถ้าทำอย่างนั้น ก็ล้าหลังไปแล้วกัน ก็อยู่แบบเดิม

** เตือน"บิ๊กจิ๋ว"แก่แล้ว อย่าล้ำเส้น

เมื่อถามว่า ถ้านักการเมืองต้องการจะลงพื้นที่พบประชาชน อย่างที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบชาวนาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จะสามารถทำได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะไม่มีหน้าที่ตรงนั้น อะไรที่เป็นหน้าที่ของการเมือง หรือเกี่ยวข้องกับการเมือง ทำไม่ได้หมด ทำได้เพียงการร่วมประชุมกับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ถ้าอยากจะพบปะกัน ตนกำลังให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ดูรายละเอียดว่าจะประชุมพรรคกันที่ไหน อย่างไร แต่ต้องไม่ใช่การประชุมอิสระ เพราะประชุมกันอยู่แล้ว ทางโทรศัพท์ ก็สามารถคุยกันได้ แต่ถ้าอยากประชุมพรรค ให้ไปที่ ศปป. จะจัดห้องไว้ให้ แล้วจะให้คนไปนั่งฟังด้วย
เมื่อถามว่า สิ่งที่ พล.อ.ชวลิต ทำ สามารถถือว่าผิดคำสั่ง คสช. หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มว่า "ท่านเป็นใคร ควรจะรู้หรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร อย่างไร ไปถามท่านโน่น เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เคารพท่านอีก แต่นี่เคารพอยู่ เพราะท่านเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา ถ้าท่านทำไปมากกว่านี้ และผิดพลาดมากกว่านี้ คนก็มาเล่นงานผมอีก แต่อย่าลืมว่าท่านไปอยู่กับรัฐบาลมาก่อน และไม่ได้อยู่ข้างรัฐบาลผม ฉะนั้น ท่านก็อยู่ในข่ายเหมือนกัน แต่ผมเคารพท่านเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ในฐานะทหารเก่า และไม่เคยดูถูกท่าน ในความเป็นคนเก่งของท่าน แต่วันนี้ ท่านอายุเยอะแล้วนะ " เมื่อถามว่า การที่ระบุว่า พล.อ.ชวลิต อายุเยอะ ควรพักผ่อนแล้ว ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ แล้วแต่จะคิด แต่ท่านก็เคยเสนอว่า พร้อมที่จะเป็นนายกฯไม่ใช่หรือ

** ปฏิรูปตำรวจรอให้รัฐบาลหน้าทำ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเข้ามาทำงานในลักษณะที่ตนเข้ามา ไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากทำ อย่างตนก็เกษียณไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครจะเข้ามาทำงาน
"วันนี้หาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรียังไม่ค่อยอยากจะมี จะมีก็แค่คนเก่าๆ ก็ไม่รู้ว่าพวกท่านจะได้คนเก่าๆ หรือเปล่า ยังไม่รู้ ถ้าบอกว่าไม่มีใครอยากเป็น แล้วใครจะทำงาน ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีรัฐบาล ไม่ต้องมีกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ถืออีดาบฆ่าฟัน เอาปืนไล่ยิงกัน การปฏิรูปเรื่องโครงสร้าง เรื่องของตำรวจ เป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ ถ้าทำตอนนี้ ก็ตีกันตาย ต้องไปทำตอนปฏิรูป ให้มีการไปปรับ และทำกัน แล้วค่อยเสนอมา จากนั้นก็ตั้งกรรมการมาพิจารณาศึกษาว่า เหมาะสมและทำได้หรือไม่ ถ้าทำตามใจกัน มันไม่ได้ อยากเปลี่ยนตำรวจ อยากให้มีตำรวจท้องถิ่น ก็ต้องทดลอง ลดกำลังตรงนี้ ไปเพิ่มตรงนั้น กำหนดหน้าที่เฉพาะลงไป โดยส่วนกลาง ก็ยังคงมีอำนาจอยู่เพื่อทำการถ่วงดุล และถ้าแข็งแรงดีแล้ว ก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ตัวอย่างของตำรวจนั้น ให้คัดสรรมาจากไหน ให้อำนาจผู้ว่าฯ ในการคัดสรรมา และ ผู้ว่าฯ ก็ต้องเลือกตั้งมาอีก แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ขนาดปัจจุบันมีรัฐบาล มีส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ยังมีปัญหา แล้วถ้ามีตำรวจท้องถิ่นขึ้นมา ใครจะรับประกันว่า แต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด จะไม่มีอำนาจถืออาวุธต่อสู้กัน แค่นี้ก็จะตีกันตายแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และว่า การปฏิรูปเคยบอกแล้วว่า ต้องทำเป็นขั้นตอน ขั้นแรกใช้โครงสร้างเดิมที่มีอยู่ แล้วบูรณาการให้ได้ โดยไม่ต้องใช้อำนาจพิเศษ

**"บิ๊กป้อม" ยันคสช.ไม่อยู่ 5 ปี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงที่ พระสุเทพ ปภากโร ระบุ อยากให้คสช. อยู่บริหารประเทศ 5 ปีว่า
"ผมไม่ทราบ ต้องไปถามพระสุเทพ ยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลและคสช. เดินตามโรดแมป และเป็นไปตามนั้น ท่านจะสนับสนุนก็เป็นเรื่องของท่าน"
ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ เห็นควรให้มีการประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ คสช.เป็นผู้ริเริ่มนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องคุยกัน และสามารถคุยกันได้ ไม่มีปัญหา สามารถเสนอขึ้นมาได้ ทั้งนี้ในวันที่ 19 พ.ค. ทางคสช. และครม. จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน จะตั้ง คณะกรรมาธิการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลานั้น ทุกอย่างต้องทำตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557
กำลังโหลดความคิดเห็น